ผู้ประกอบการสินค้าและบริการไทยส่วนใหญ่ต่างมีความฝันว่าวันหนึ่งจะต้องเปิดตลาดในต่างประเทศให้ได้ หลายรายมี “ของดีของคุณภาพ” อยู่ในมือ อาจคิดว่าสินค้าดีบริการคุณภาพขายตัวเองได้อยู่แล้ว แต่ท่ามกลางการแข่งขันสูงในยุคนี้ คิดแค่นั้นยังไม่พอ แต่จะต้องรู้จักหยิบยก รู้จักสร้าง และนำเสนอ “จุดเด่น” มาเป็น “จุดขาย” ด้วย เพื่อกวาดรายได้ให้ได้ตามเป้าที่วาดหวังไว้
ซึ่งปัจจุบันทางผู้ประกอบการเองได้มีการพัฒนากลยุทธ์ทางธุรกิจในทุกๆด้านและประสบความสำเร็จในตลาดต่างประเทศอย่างมากมาย ทั้งในด้านการสร้างแบรนด์ กลยุทธ์ผลิตภัณฑ์ กิจกรรมการตลาด และท้ายสุด คุณภาพของผลิตภัณฑ์ที่จะเป็นตัวผลักดันความสำเร็จอย่างแท้จริง
ซึ่งทางภาครัฐเองก็ได้มีโครงการสนับสนุนความสำเร็จให้ผู้ประกอบการไทยมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่ง ในฐานะของหน่วยงานรัฐที่มีภารกิจสำคัญอย่างหนึ่งคือการเปิดตลาดใหม่ให้ผู้ประกอบการไทย นางมาลี โชคล้ำเลิศ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) กระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า ทางกรมพร้อมเดินหน้าสนับสนุนผู้ประกอบการไทยทุกด้าน รวมถึงการสร้างความเชื่อมั่นในตราสินค้าไทยในกลุ่มผู้ซื้อ คู่ค้าจากนานาประเทศ โดยทั่วไปสินค้าไทยมีจุดเด่นสำคัญที่แตกต่างจากคู่แข่งคือ วัตถุดิบหลากหลายและมีคุณภาพดี
การใช้เทคโนโลยีพัฒนาสินค้า กระบวนการผลิตมีมาตรฐาน และแรงงานฝีมือเยี่ยม มีความตั้งใจ ใส่ใจในรายละเอียด ซึ่งล้วนเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของสินค้าไทยที่ประทับใจชาวต่างชาติ แต่ผู้ประกอบการจำนวนมากยังไม่ได้หยิบยกจุดเด่นเหล่านี้มาทำการตลาด สร้างแบรนด์ เพื่อเพิ่มมูลค่าและสร้างความแตกต่างให้กับสินค้าของตน
ผู้ประกอบการไทยต้องยอมรับว่าสินค้าและบริการของไทยไม่สามารถแข่งขันเรื่อง “ราคา” ได้อีกต่อไป เนื่องจากต้นทุนสินค้าและบริการของไทยสูงกว่าคู่แข่ง ดังนั้นจึงควรนำ “จุดเด่น” ข้างต้นมาเป็น “จุดขาย” และสร้างแบรนด์ให้โดดเด่นยิ่งขึ้นผ่านการเล่าเรื่อง (storytelling) ให้ผู้บริโภคเข้าใจและมองเห็นภาพว่า วัตถุดิบที่ใช้มีคุณประโยชน์อย่างไร ขั้นตอนการผลิตพิเศษแตกต่างและช่วยให้สินค้าและบริการดีได้อย่างไร รวมถึงปัจจัยอื่นๆที่ทำให้แบรนด์มีความพิเศษกว่าสินค้าหรือบริการอื่นในกลุ่มเดียวกันในตลาดโลก
เพื่อส่งเสริมการทำตลาดของสินค้าและบริการไทยอีกทางหนึ่ง ทางกรมจึง จัดทำตราสัญลักษณ์ Thailand Trust Mark (T Mark) เพื่อรับรองคุณภาพสินค้าและบริการไทย โดยกำหนดเงื่อนไขการขอรับตรา T Mark ไว้ว่า จะต้องเป็นสินค้าและบริการแบรนด์ไทย หรือมีฐานการผลิตในประเทศไทย มีคุณภาพมาตรฐานระดับสากล ภายใต้ 3 หัวใจหลัก คือ มีความรับผิดชอบต่อสังคม ใส่ใจสิ่งแวดล้อม และใช้แรงงานที่เป็นธรรม โดยได้รับความร่วมมือจาก 2 หน่วยงาน ได้แก่ กระทรวงอุตสาหกรรม และกระทรวงแรงงาน ช่วยกำหนดกฎเกณฑ์ในการตรวจสอบผู้ประกอบการที่ยื่นขอตราสัญลักษณ์นี้ ผู้ประกอบการที่ต้องการขอตราสัญลักษณ์ T Mark สามารถขอคำปรึกษาได้ที่ www.thailandtrustmark.com
ตราสัญลักษณ์ T Mark นี้มีประโยชน์ต่อทั้งผู้ประกอบการและผู้บริโภค โดยในส่วนของผู้บริโภคนั้น เมื่อเห็นตราสัญลักษณ์นี้บนสินค้าหรือบริการใด ก็เชื่อมั่นได้ว่า นี่คือสินค้าและบริการไทยที่มีคุณภาพระดับสากล เกิดจากความ “ใส่ใจ” ในทุกรายละเอียดของผู้ผลิตและผู้ให้บริการ
ส่วนฝั่งของผู้ประกอบการก็ได้ประโยชน์โดยตรงอยู่แล้ว โดยเฉพาะผู้ประกอบการไทยที่ต้องการเปิดตลาดต่างประเทศ แต่สินค้าและบริการยังไม่เป็นที่รู้จักในกลุ่มลูกค้าต่างชาติ ตราสัญลักษณ์ T Mark จะเป็นสัญลักษณ์การันตีว่า นี่คือสินค้าและบริการที่มีคุณภาพระดับสากล ผ่านกระบวนการผลิตที่ดี ใส่ใจสิ่งแวดล้อม มีความรับผิดชอบต่อสังคม และใช้แรงงานที่เป็นธรรม ซึ่งผู้บริโภคในหลายประเทศต่างตระหนักและให้ความสำคัญกับปัจจัยเหล่านี้ และต้องการสนับสนุนสินค้าและบริการเหล่านี้เป็นพิเศษ
นางมาลีย้ำว่า ตราสัญลักษณ์ T Mark เปรียบเหมือนเป็นใบเบิกทาง เป็นเครื่องมือทางการตลาดที่ช่วยให้ผู้ประกอบการไทยแข่งขันในตลาดโลกได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ซึ่งหลังจากดำเนินโครงการ T Mark มา 5 ปี ปัจจุบันมีผู้ประกอบการที่ได้รับตราสัญลักษณ์ T Mark รวม 739 ราย ใน 8 กลุ่มอุตสาหกรรม ได้แก่ อุตสาหกรรมอาหารและเกษตร อุตสาหกรรมหนัก อุตสาหกรรมไลฟ์สไตล์ อุตสาหกรรมแฟชั่น ธุรกิจรักษาพยาบาล ธุรกิจส่งเสริมสุขภาพ ธุรกิจบริการการศึกษานานาชาติ และอุตสาหกรรมอื่นๆ
ยิ่งผู้บริโภคต่างชาติที่ชื่นชอบสินค้าไทยอยู่แล้วจะยิ่งตัดสินใจซื้อสินค้าเร็วขึ้นเมื่อเห็นตราสัญลักษณ์ T Mark เพราะรู้ว่านี่เป็นสินค้าคุณภาพจากเมืองไทยที่ได้รับการตรวจสอบและการันตีจากรัฐบาลไทย!!!
วานิชหนุ่ม
wanich@thairath.co.th