งานนี้ บอกเลยว่ามาตาม Instagram จริงๆ สำหรับ อุโมงค์ต้นไผ่ วัดจุฬาภรณ์วนาราม นครนายก ที่สวยงามเกินห้ามใจ หลังจากยกหูสอบถามเส้นทางกับ พี่อ๋อย...เสาวนีย์ คนกล้า รอง ผอ.การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานนครนายก ก็ได้เวลาขับ CHR คู่ใจมุ่งหน้าสู่นครนายก ในช่วงสายๆของวันเสาร์

ปักหมุด...จุดแรกที่ อุโมงค์ต้นไผ่ วัดจุฬาภรณ์วนาราม ซึ่งกำลังเป็นจุดเช็กอินล่าสุดในเขต ตำบลบ้านพริก อำเภอบ้านนา จังหวัด นครนายก พี่อ๋อย...และ ผอ.สกล ทองคำ ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานนครนายก มาต้อนรับและนำเที่ยวชมด้วยตนเอง

แม้จะเป็นอุโมงค์ธรรมชาติเล็กๆ ที่มีระยะทางยาวเพียง 800 เมตร แต่เพราะความสวยงาม เทียบชั้นป่าไผ่อาราชิยามา ของญี่ปุ่น โดยเฉพาะเวลาที่แสงแดดอ่อนๆส่องลอดลงมาผ่านต้นไผ่ ประมาณว่า ถ่ายรูปไปอำเพื่อนได้สบายๆ จึงทำให้มีนักท่องเที่ยวพากันมาถ่ายรูป โพสต์ลงทั้ง IG, Facebook กันกระหึ่ม

ถ่ายรูปเสร็จแล้ว ก็ต้องแวะทำบุญ ทำทานกันสักนิด ก็ที่นี่ถึงจะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวแต่ก็เป็นวัด มาถึงแล้วก็ขอถือโอกาสทำบุญสร้างกุศล ก่อนจะเดินทางต่อไปยัง อ่างเก็บน้ำวังบอน ในเขตอำเภอปากพลี ที่หลายคนบอกว่า เที่ยวแบบชิลๆง่ายๆ ไม่ไกลกรุงเทพฯก็ต้องที่นี่ละ

...

ทางผ่านไปยังอ่างเก็บน้ำวังบอนต้องผ่านโรงพักหินลาด ที่มีคนบอกว่า แวะเข้าไปดูหน่อย เป็นโรงพักเล็กๆ แต่เป็นสถานที่ถ่ายละครหลายเรื่อง นี่ถ้าเป็นซีรีส์เกาหลี...มาถ่ายทำโรงพักนี้คงดังไปแล้ว แต่ในความจริงก็คือ นอกจากจะเป็นโรงพักเล็กแล้ว ยังเกือบจะเป็นโรงพักร้าง...เพราะทั้งห้องขัง ห้องทำงานตำรวจ เงียบเชียบ ไม่มีร้านข้าวแกง ร้านก๋วยเตี๋ยว เหมือนโรงพักอื่น ร้อยเวรที่นี่ บอกว่า ทำคดียุงน่าจะมากกว่าคดีคน... สำหรับที่นี่

ขับรถเลยมาไม่ไกลจากโรงพักหินลาด มีร้านกาแฟ...น่านั่ง วิวสวยมาก คอนเฟิร์มว่าสวยจริงๆ เพิ่งเปิดได้ไม่นาน เจ้าของน่าจะเงินถึง และใจถึง เพราะสมัยก่อนแถวนี้ไม่มีใครเข้ามาเที่ยว จะขายกาแฟได้ซักวันละกี่แก้ว แต่พอเปิดพื้นที่โล่งให้มองเห็นวิวและทำเป็นที่พักเล็กๆ สำหรับมาสูดโอโซนแบบไม่ไกลกรุงเทพฯเท่านั้นละ ก็ทำให้ชื่อ ร้าน Ravin Home กลายเป็นร้านกาแฟยอดฮิตติดโซเชียล ที่ใครมานครนายก...ก็ต้องมาแวะที่นี่ ดื่มกาแฟ เบเกอรี และถ่ายรูปสวยๆ...ยิ่งช่วงเทศกาลอย่างปีใหม่ สงกรานต์ บอกเลยว่า คิวรอกาแฟยาวมาก

จิบกาแฟ ชมวิว พร้อมสัมผัสบรรยากาศดีๆกันแล้ว ก็ได้เวลาเดินทางสู่ อ่างเก็บน้ำวังบอน ซึ่งถ้าไม่คุ้นทางอาจจะหายากนิด เพราะต้องเลี้ยวเข้าซอยก่อนถึงที่ว่าการอำเภอปากพลี สังเกตทางโค้งดีๆ ไม่เช่นนั้นอาจจะขับเลยไปได้ ตั้งพิกัด GPS ที่ 14.2333179,101.3976247 หรืออ่างเก็บน้ำวังบอน จะสะดวกที่สุด เข้ามาในซอยขับตรงมาอีกประมาณ 10 กม. ก็จะเห็นอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ บรรยากาศดีทีเดียวเชียวละ...

อ่างเก็บน้ำที่นี่ จริงๆแล้วอยู่ในเขตความรับผิดชอบของอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ เป็นอ่างเก็บน้ำที่มีลักษณะคล้ายทะเลสาบขนาดใหญ่ นักท่องเที่ยวนิยมมาตั้งแคมป์กางเต็นท์ ปิ้งย่างบาร์บีคิว...ดูเป็นชีวิตแบบฝรั่งๆเวลาออกไปเที่ยวนอกเมืองช่วงซัมเมอร์...ยิ่งถ้ามาวันธรรมดา จะเงียบสงบมาก เพราะคนค่อนข้างน้อย เหมือนทะเลสาบทั้งเวิ้งเป็นโลกของคุณคนเดียวเลย

นอกจากกิจกรรมตั้งแคมป์แล้ว อ่างเก็บน้ำที่นี่ ยังมีกิจกรรมไว้บริการนักท่องเที่ยวทั้งพายเรือคยัค เล่นน้ำ ตกปลา...
ถ้าได้พายเรือคยัคเข้าไปด้านใน ยังมีน้ำตกเล็กๆ สามารถเข้าไปเที่ยวได้ในหน้าน้ำ

...

พี่อ๋อย...บอกว่า คนชอบมากางเต็นท์ที่นี่ ตกเย็นก็มีกิจกรรมทำอาหารทานกันเอง ตกดึกก็นอนดูดาว พอเช้า ก็ตื่นมาจิบกาแฟ สัมผัสบรรยากาศดีๆ แบบไม่ไกลกรุงเทพฯ

“เคยถามนักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวที่นี่ เค้าบอกว่า แทบจะลืมเวลา สลัดความเครียดทุกอย่างได้หมด เพราะความสุขอยู่ตรงหน้า แบบที่หาไม่ได้ในเมือง” รอง ผอ.ททท.นครนายก บอก

เสียดายที่เราไม่ได้เตรียมตัวมาตั้งแคมป์ เพราะมีนัดกับ น้องแตง...ดวงรชตะ พยัฆวิเชียร ผู้บริหารวังรี รีสอร์ต ที่เชื้อเชิญให้ไปพักผ่อนสบายๆ ชมทุ่งนาเขียวๆ เกษตรบ้านๆ และปิดท้ายด้วยสปาเกลือ

พูดถึง วังรี รีสอร์ต ที่พักที่ถือว่าเป็นที่พักยุคแรกๆของนครนายก ซึ่งถ้ามาในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ จะคึกคักมาก มีทั้งกรุ๊ปสัมมนา, ทีมบิวดิ้ง, กิจกรรม OD ที่นี่ถือว่าเหมาะมาก เพราะมีเนื้อที่กว้างขวางมากกว่า 500 ไร่ และบางส่วนยังเป็นป่าธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์โอบล้อมด้วยขุนเขา น้ำตก เรียกว่าร่มรื่นตลอดปี...ยิ่งในช่วงหน้าฝน ถ้าอยากไปพักผ่อนแบบนิ่งๆ สงบๆ นอนอ่านหนังสือ ฟังเสียงฝน สูดไอดิน กลิ่นหญ้าหอมๆหรือจะทำกิจกรรมเล็กๆ เก็บผัก ขี่ม้า ว่ายน้ำ ทำสปา...ก็โอเคอยู่ ส่วนการพักผ่อนจะเลือกพักในแบบโรงแรม บังกะโล หรือบ้านหลังใหญ่ แบบครอบครัวก็มีให้เลือกหลากหลาย

...

แต่สำหรับเรา เลือกทำ สปาเกลือ...ที่วังรี คีรียา สปาเกลือ สถานที่อบซาวน่าเกลือแห่งแรกของประเทศไทย มีถ้ำเกลือบริสุทธิ์ผ่านการเผาด้วยความร้อนกว่า 1,000 องศาเซลเซียส ช่วยล้างพิษออกจากร่างกาย รับรองว่าเข้าถ้ำเกลือแค่ 1 ชั่วโมง ออกมาผิวพรรณคุณจะสวยใส...เปล่งปลั่ง แถมสารพิษต่างๆในร่างกายยังถูกขับออกทางเหงื่อและปัสสาวะ...หรือออกจากสปาเกลือแล้ว จะนวดกดจุด นวดผ่อนคลายอีกนิด...รับรองว่าฟินสุดๆเลยละ

สองวัน...กับความสบายๆที่ได้ผ่อนคลายอีกครั้ง...ขับรถไม่ถึง 2 ชั่วโมงจากกรุงเทพฯ บรรยากาศต่างกันลิบลับ...

สุดสัปดาห์นี้ ไม่รู้จะทำอะไร แนะนำให้ไปเที่ยวนครนายก...แล้วจะรู้ว่า ความสุขอยู่ไม่ไกล...ถ้าใจจะไขว่คว้าจริงๆ.....