มะยงชิด จัดเป็นผลไม้เมืองร้อนที่คนไทยนิยมบริโภค โดยเฉพาะในช่วงฤดูร้อน เนื่องจากมีรสชาติหวาน อร่อย กลิ่นหอม ปัจจุบันนอกจากการกินผลสดแล้ว ยังถูกนำไปแปรรูปเป็นเมนูต่างๆ ที่ทั้งอร่อยและเพิ่มมูลค่าได้เป็นอย่างดี

บทความนี้จะพาไปทำความรู้จักประโยชน์และโทษมะยงชิดที่ควรรู้ กินเยอะเป็นอันตรายไหม พร้อมแนะนำเมนูยอดฮิตกินเพลิน อร่อยถูกใจ

รู้จัก "มะยงชิด" คืออะไร

มะยงชิด (ภาษาอังกฤษ : Marian Plum) มีชื่อวิทยาศาสตร์คือ Bouea oppositifolia (Roxb.) เป็นผลไม้ในตระกูลเดียวกับมะปราง มีรสชาติหวาน กรอบ อร่อย และมีกลิ่นหอมเฉพาะตัว ในประเทศไทยนิยมปลูกในพื้นที่ที่มีอากาศร้อนและชื้น เช่น ภาคตะวันออก ภาคกลาง โดยเฉพาะจังหวัดนครนายก

ประโยชน์ของมะยงชิดมีอะไรบ้าง

มะยงชิดไม่เป็นเพียงผลไม้ที่รสชาติดีเท่านั้น แต่ยังอุดมไปด้วยด้วยคุณค่าทางโภชนาการที่หลากหลาย เช่น

  • วิตามินซีสูง ช่วยเสริมภูมิคุ้มกัน ป้องกันอาการไข้หวัด และทำให้ผิวพรรณสดใส
  • ไฟเบอร์สูง ช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานดี ลดปัญหาท้องผูก
  • อุดมไปด้วยเบต้าแคโรทีน ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยชะลอวัย และบำรุงสายตา
  • แคลเซียมและฟอสฟอรัส กระตุ้นการผลิตเม็ดเลือดแแดง เสริมความแข็งแรงของกระดูกและฟัน
  • แคลอรี่ต่ำ ทำให้เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก

โทษของมะยงชิดที่ควรระวัง

แม้มะยงชิดจะมีประโยชน์ต่อร่างกาย แต่การกินในปริมาณที่เยอะมากเกินไปก็อาจส่งผลเสีย ดังนี้

  • น้ำตาลสูง หากกินในปริมาณมาก อาจส่งผลให้น้ำตาลในเลือดสูงขึ้นเหมาะสำหรับผู้ป่วยเบาหวาน
  • มีความเป็นกรดอ่อนๆ อาจทำให้คนที่มีปัญหาโรคกระเพาะอาหารเกิดอาการแสบท้องได้
  • เสี่ยงท้องเสีย ถ้ากินผลดิบมากเกินไป เพราะมีความฝาดและย่อยยาก

...

มะยงชิดปลูกหน้าไหน กี่ปี สายพันธุ์ไหนได้รับความนิยม

มะยงชิดเป็นผลไม้ตามฤดูกาล โดยจะออกผลปีละครั้งเท่านั้น ช่วงเดือนกุมภาพันธ์-เมษายน หรือช่วงหน้าร้อน และผลจะเริ่มสุกในช่วงหน้าหนาว ทั้งนี้ มะยงชิดเป็นไม้ยืนต้น ใช้เวลาปลูกประมาณ 5–7 ปีจึงเริ่มให้ผลผลิต และสามารถเก็บผลได้ทุกปี โดยสายพันธุ์ที่ได้รับความนิยมในการปลูก ได้แก่

  • มะยงชิดสายพันธุ์นครนายก : รสหวานจัด ผลใหญ่ เนื้อแน่
  • มะยงชิดพันธุ์ทอง : สีสวยอมส้ม รสหวาน เนื้อแน่นฉ่ำ
  • มะยงชิดพันธุ์น้ำผึ้ง : รสหวานหอมคล้ายผสมน้ำผึ้ง กินง่าย
  • มะยงชิดพันธุ์พัฒนา : เน้นการปลูกเชิงการค้า ผลผลิตดกและทนทาน
  • มะยงชิดพันธุ์ทูลเกล้า : รสหวานอมเปรี้ยว เนื้อเยอะ กรอบ แน่น

มะยงชิดราคาเท่าไร

ราคาของมะยงชิดขึ้นอยู่กับฤดูกาลและคุณภาพผลผลิต โดยทั่วไปมีราคาเฉลี่ยประมาณ 200-400 บาทต่อกิโลกรัม แต่เมื่อเข้าสู่ช่วงกลางฤดู หรือปลายฤดูกาล ราคาจะถูกลง ราว 50-200 กิโลกรัม ทั้งนี้ มะยงชิดเกรดพรีเมียม ที่มีผลใหญ่ รสหวานจัด อาจมีราคาสูงถึง 500-800 บาทต่อกิโลกรัม

มะยงชิดกับมะปรางต่างกันอย่างไร

หลายคนอาจสับสนว่ามะยงชิดกับมะปรางคือผลไม้ชนิดเดียวกันหรือไม่ ความจริงแล้วแตกต่างกัน โดยมะยงชิดรสชาติหวานจัด หวานอมเปรี้ยวเล็กน้อย เมื่อสุกมีสีเหลือง หรือเหลือองอมส้มเนื้อแน่น ฉ่ำ นิยมกินสด หรือแปรรูป ผลกลมรีใหญ่คล้ายไข่ไก่ ผิวเรียบเนียน 

ส่วนมะปรางรสชาติขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ เมื่อสุกมีสีเขียวอมเหลือง หรือเหลืองนวล เปรี้ยวกว่า และราคาถูกกว่า รูปร่างหลากหลาย บางสายพันธุ์มีลักษณะกลม บางสายพันธุ์รูปร่างรี แต่โดยส่วนใหญ่ปลายผลจะเรียวเล็กกว่ามะยงชิด

ส่อง 5 เมนูยอดฮิตจากมะยงชิด

นอกจากการกินผลสดๆ แล้ว มะยงชิดยังสามารถนำมาทำเป็นเมนูแสนอร่อยหลากหลาย เช่น

  • มะยงชิดลอยแก้ว เมนูคลายร้อนสุดฮิต หวานเย็นสดชื่น เหมาะกับหน้าร้อน
  • ไอศกรีมมะยงชิด รสเปรี้ยวอมหวาน หอมละมุน กินแล้วสดชื่น
  • ส้มตำมะยงชิด ดัดแปลงจากส้มตำผลไม้ เพิ่มความกลมกล่อม และรสเปรี้ยวหวานอย่างลงตัว
  • น้ำมะยงชิดปั่น เครื่องดื่มสุขภาพที่ทั้งอร่อยและได้วิตามินเต็มๆ
  • บิงซู ขนมหวานพร้อมเสิร์ฟในช่วงอากาศร้อน รสชาติหวานอมเปรี้ยว เติมความสดชื่น

...

มะยงชิดเป็นผลไม้ที่ทั้งอร่อยและมีคุณค่าทางโภชนาการสูง เหมาะสำหรับคนที่อยากดูแลสุขภาพ แต่ควรกินในปริมาณที่เหมาะสม เพื่อหลีกเลี่ยงผลเสียจากน้ำตาลและกรดในผลไม้ และหากอยากเพิ่มความหลากหลาย แนะนำให้นำไปทำเมนูอร่อยๆ หรือแปรรูปผลิตภัณฑ์เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง