ท่านผู้อ่านที่ติดตามการถ่ายทอดสดของ “โทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจ” ในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีเสด็จพระราชดำเนินไปทรงประกอบพิธีวางศิลาฤกษ์แท่นฐานพระบรมราชานุสาวรีย์ในหลวงรัชกาลที่ 9
ณ สถานที่ก่อสร้างอุทยานเฉลิมพระเกียรติในหลวง ร.9 ณ เขตดุสิต กทม. เมื่อวันที่ 5 ธันวาคมที่ผ่านมา คงจะทราบดีแล้วว่า บริเวณที่ต่อไปอีกไม่นานนักจะกลายเป็นสวนสาธารณะขนาดใหญ่กลางกรุงอีกแห่งหนึ่งนั้นก็คือ “สนามม้านางเลิ้ง” นั่นเอง
แม้โดยกำเนิดของสนามม้าทุกแห่งในโลกจะเริ่มต้นจากการมุ่งหวังดูแลสัตว์ที่เรียกว่า
ม้าแข่ง และจัดให้มีการแข่งม้าในลักษณะของการกีฬา เพื่อสร้างความบันเทิงของผู้เข้าชมเช่นเดียวกับกีฬาทั่วๆไปทั้งหลาย
แต่เนื่องจาก “กีฬาม้าแข่ง” เป็นกีฬาที่สามารถนำมาเล่นพนันขันต่อได้ คือนำมาให้ประชาชน แทง หรือทายกันว่าม้าตัวไหนจะเข้าสู่หลักชัยได้...จึงทำให้ผู้เข้าชมกีฬาแข่งม้าอดที่จะวัดดวงตัวเอง ด้วยการแทงว่าม้าตัวไหนจะได้ชัยชนะเสียมิได้ ในที่สุดก็กลายเป็นผู้ติดการพนันงอมแงม จนถึงขายบ้านขายช่อง หรือจำนำทรัพย์สินเพื่อมาเล่นม้า หรือแทงม้าเป็นจำนวนมาก
สนามม้าเกือบทุกแห่งในโลกนี้ จึงถูกมองว่าเป็น “ผู้ร้าย” ของแต่ละประเทศ แต่ละสังคมมาโดยตลอดรวมทั้งในประเทศไทยของเรา
ในกรุงเทพมหานครมีสนามม้าอยู่ 2 แห่ง แห่งแรก ได้แก่ สนามราชกรีฑาสโมสร ที่ถนน อังรีดูนังต์ เขตปทุมวัน ซึ่งจัดให้มีการแข่งม้าตั้งแต่ พ.ศ.2446 หรือเมื่อ 118 ปีที่แล้ว
ผู้ก่อตั้งเป็นชาวอังกฤษ ได้ยื่นเรื่องต่อทางการไทย เพื่อก่อตั้งสมาคมเพาะพันธุ์ม้าและเล่นกีฬา ระหว่างชาวต่างประเทศที่มาอยู่อาศัย ในประเทศไทย และยินดีให้คนไทยเป็นสมาชิกด้วย ต่อมาในหลวงรัชกาลที่ 5 ทรงอนุญาตให้ก่อตั้งได้ ราชกรีฑาสโมสร จึงถือกำเนิดตั้งแต่ยุคโน้น และมีการแข่งม้าสืบต่อมาจนถึงปัจจุบัน
...
สำหรับสนามม้าใน กทม. แห่งที่ 2 ก็คือ สนามม้านางเลิ้ง นั่นเอง...เกิดขึ้นหลังจากที่มีการก่อตั้งราชกรีฑาสโมสร หรือ “สนามฝรั่ง” แล้วหลายปี...โดยพระยาประดิพัทธภูบาล และพระยาอรรถการประสิทธิ์ได้ทำหนังสือกราบบังคม ทูลในหลวงรัชกาลที่ 6 ขอจัดตั้งสโมสรสนามม้า ที่เรียกว่า “สนามไทย” ขึ้นอีกสนามหนึ่ง ณ บริเวณที่ดินที่อยู่ใกล้ๆกับถนนพิษณุโลก และพระราชวังดุสิต เพื่อให้บริการแข่งม้าสำหรับคนไทยและนำรายได้มาบำรุงพันธุ์ม้าจากออสเตรเลียและอังกฤษ ให้ขยายพันธุ์ต่อไปในประเทศไทย
ในหลวง ร.6 ทรงมีพระบรมราชานุญาตให้จัดตั้งขึ้นได้และพระราชทานนามว่า “ราชตฤณมัย สมาคม แห่งกรุงสยาม” ซึ่งต่อมาก็ได้เปิดดำเนินการแข่งม้าเมื่อ พ.ศ.2459หลังจาก “สนาม ฝรั่ง” ประมาณ 12-13 ปี
แม้จะมีชื่อเสียงโด่งดังในฐานะเป็นสถานที่ “ไฮโซ” ทั้ง 2 แห่ง โดยเฉพาะ “สนามฝรั่ง” เป็นที่เลื่องลือว่า การสมัครเข้าเป็นสมาชิกจะยากมาก เพราะจะต้องมีการคัดกรองอย่างเข้มข้น และละเอียดถี่ถ้วน
ในขณะที่ สนามไทย (ซึ่งต่อมารู้จักกันในนามสนามม้า นางเลิ้ง เพราะสถานที่ตั้งอยู่ใกล้กับตลาด นางเลิ้ง ชาวบ้านจึงเรียกว่าสนามม้านางเลิ้งจนติดปาก)...ก็ไม่ใช่จะเป็นสมาชิกง่ายๆ ส่วนใหญ่จะเป็นข้าราชการระดับสูง โดยเฉพาะข้าราชการทหารเสียมากกว่าบุคคลทั่วไป
แต่ในอีกมุมหนึ่ง สนามม้าแข่งก็ได้ชื่อว่าเป็น “ผู้ร้าย” ของสังคมไทยในฐานะแหล่งเล่น การพนัน จนทำให้มีผู้ติดการพนันและเสียการพนันจนเป็นหนี้เป็นสินดังได้กล่าวไว้แล้ว
หัวหน้าทีมซอกแซก...เข้าสู่ สนามม้านางเลิ้ง เป็นครั้งแรกในชีวิต เมื่อประมาณ พ.ศ.2524 หรือ 2525 แต่มิใช่เข้าไปดูแข่งม้าหรือเล่นม้าแข่งนะครับ แต่เข้าไปเพื่อที่จะเก็บข้อมูลมาเขียนรายงานพิเศษเพื่อตีพิมพ์ในคอลัมน์ “บ้าทะลุดิน” ของ ไทยรัฐ ซึ่งเป็นคอลัมน์เกี่ยวกับเรื่องแปลกๆที่เกิดขึ้นในประเทศไทยในยุคนั้น
เหตุที่สนามม้านางเลิ้งกลายเป็น “เรื่องแปลก” ก็เพราะในการแข่งม้าทุกนัด ใครที่ผ่านไปข้างๆสนามม้าในวันแข่งขันจะมองเห็น “รองเท้าแตะ” นับเป็นพันๆคู่วางเรียงอยู่ด้านนอกของสนาม
นั่นก็คือรองเท้าแตะของผู้มาเล่นม้านั่นเอง ส่วนใหญ่ขับแท็กซี่บ้าง ขับสามล้อเครื่องบ้าง หรือเป็นลูกจ้างทั่วๆไปบ้าง จึงนิยมสวมรองเท้าแตะ... แต่สนามม้ามีกฎห้ามสวมรองเท้าแตะเข้าสนาม เพราะเป็นสถานที่ราชการ
จึงเกิดมีบริการให้เช่า “รองเท้าแตะ” โดยจะมีการนำรองเท้ายางแบบหุ้มส้น หรือไม่ก็รองเท้าพลาสติกหุ้มส้นราคาถูกๆมาวางให้เช่า นับพันๆคู่เช่นกัน...ซึ่งผู้เช่าก็จะถอดรองเท้าแตะติดเบอร์เรียงไว้ด้านนอก...จนกลายเป็น “กองทัพรองเท้าแตะ” เรียงเต็มหน้าสนามม้าซึ่งน่าจะมีแห่งเดียวในโลกด้วยเหตุฉะนี้
หัวหน้าทีมจำได้ว่าเรื่องราวของ “รองเท้าแตะ” กับสนามม้าเป็นเรื่องหนึ่งที่เรียกเสียงฮือฮาอย่างมากในคอลัมน์ดังกล่าว
กล่าวโดยสรุปการที่สนามม้านางเลิ้งได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากล้นเกล้าฯ รัชกาลปัจจุบันให้แปรสภาพจากสนามม้ามาเป็น อุทยานเฉลิมพระเกียรติ ในหลวง ร.9 จึงเป็นพระมหากรุณาธิคุณต่อพสกนิกรถึง 2 ประการ
นอกจากจะเป็น “ปอด” แห่งใหม่ของเมืองหลวง อันจะทำให้สุขภาพของประชาชนดีขึ้นแล้ว...ในทางสังคมยังจะช่วยทำให้คุณภาพชีวิตของผู้หาเช้ากินค่ำจำนวนมากที่ตกเป็นทาสการพนันแทงม้าและสวมรองเท้าแตะมาเล่นม้าดีขึ้นอีกด้วย
ทั้งหมดนี้ก็คืออดีตของสนามม้า “นางเลิ้ง”... ซึ่งส่วนหนึ่งก็เปรียบเสมือน “นางร้าย” ในละครโทรทัศน์ เพราะได้สร้างปัญหาให้แก่คนไทยที่ตกเป็นทาสการพนันจำนวนมากมาย...แต่บัดนี้กำลังจะเข้ารับบทใหม่เป็น “นางเอก” ที่สมบูรณ์แบบ
...
ซอกแซกสัปดาห์นี้จึงได้ชื่อว่า...สนามม้า “นางเลิ้ง” จาก “นางร้าย” สู่ “นางเอก” ด้วยประการฉะนี้แล.
“ซูม”