คอลัมน์ไทยรัฐซันเดย์สเปเชียลโดยทีมงานนิตยสารต่วย’ตูนคราวนี้ พาแฟนานุแฟนข้ามกาลเวลาไปสู่ปี ค.ศ.1527 คราวเมื่อนักเดินทางผจญภัยสเปนสำรวจชายฝั่งทะเลของพื้นที่ซึ่งปัจจุบันนี้คือเอกวาดอร์ ตอนนั้นพวกเขาพบอาณาจักรขนาดใหญ่เหยียดตัวเป็นระยะทางกว่า 2,500 ไมล์ (4,000 กิโลเมตร ปัจจุบันคือพรมแดนระหว่างเอกวาดอร์และโคลอมเบียที่ทางเหนือดิ่งลงไปยังชิลีตอนกลางซึ่งเป็นทางใต้นั่นละ) อาณาจักรนี้ปกครองด้วยกษัตริย์ผู้ทรงอำนาจเด็ดขาด พระองค์ได้รับการเคารพสูงสุดในฐานะเป็นเชื้อสายของสุริยเทพ

พลเมืองจำนวนมากจากหลายเผ่าพันธุ์ได้รับการดูแลจากระบบบริหารการปกครองมีประสิทธิภาพ กองบัญชาการศูนย์กลางตั้งอยู่ที่เมืองหลวงคุซโก (Cuzco) แต่ทั้งอาณาจักร เต็มไปด้วยเครือข่ายเส้นทางเดินเท้าและคลองชลประทาน จนทำให้พวกสเปนประหลาดใจกับ ความเชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมและเกษตรกรรมของคนเหล่านี้ อีกอย่างหนึ่งที่สเปนตาลุกวาวก็คือ สรรพสิ่งใช้สอยของคนที่เขาตราหน้าว่าเป็นคนป่าสร้างขึ้นจากทองคำและแร่เงิน อีกทั้งข้าวของทำจากแร่นี้ก็มีมากมายเสียด้วย

เรื่องราวมากมายบันทึกอยู่บนเส้นเชือกนี้.
เรื่องราวมากมายบันทึกอยู่บนเส้นเชือกนี้.

...

หนักไปกว่านั้น พวกอินคาไม่สามารถอ่านหรือเขียน พวกเขาไม่มีตัวอักษรหรือตัวเลขใดๆ ไม่มีแม้กระทั่งภาษาภาพง่ายๆ หรือระบบการเขียนแบบเฮีย–โรกลีฟิก (Hieroglyphic) แต่...ไม่น่าเชื่อว่าผู้ปกครองอินคาเข้าถึงข้อมูลเรื่องสถานะและอายุของคนทุกคนในอาณาจักรอย่างแม่นยำ เสบียงอาหาร (ทั้งที่มีอยู่และเก็บรักษาไว้ที่ไหน) ที่ตั้งและขนาดกองทัพ ทรัพย์สมบัติที่เป็นทองคำและทำจากแร่เงิน รวมทั้งเรื่องอื่นๆอันเป็นหัวใจของราชอาณาจักรไม่ว่า กฎหมายหรือประวัติศาสตร์ พวกสเปนงุนงงสงสัยว่าทำได้อย่างไร หรือจะมีการบันทึกในแบบที่ซับซ้อนโดยไม่ใช้การเขียน ฟังดูเหลือเชื่อจริงๆ

พวกสเปนพยายามแคะคุ้ยเสาะหาคำตอบ ไม่ช้าพวกเขาก็รู้ว่า ชาวอินคามีบันทึกอีกแบบหนึ่ง ไม่ใช่ตัวหนังสือชนิดที่อ่านทุกตัวอักษร แต่คือบันทึกที่จำเป็นต้องใช้คนอ่านเป็น เป็นบันทึกที่ใช้เส้นเชือกผูกปมสร้างระบบข้อมูลซึ่งแทบไม่น่าเชื่อว่ามันถูกต้องแม่นยำเสียจนชาวสเปนผู้บุกรุกแสดงความเห็นไว้ว่า “ไม่ผิดพลาดแม้แต่รองเท้าแตะสักคู่เดียว”

พลนำสาส์นถือแตรหอยสังข์และเชือกคิปู.
พลนำสาส์นถือแตรหอยสังข์และเชือกคิปู.

ระบบการบันทึกของอินคายึดอยู่บนพื้นฐานที่เรียกว่า คิปู (Quipu คำที่หมายถึง ปม จากภาษาอินคา Quecha) คิปู คือเชือกยาวประมาณ 1 ฟุต ซึ่งผูกเส้นเชือกยาวสั้นต่างสีและหลายเส้นห้อยไว้อีกทีหนึ่ง บนเชือกห้อยพวกนี้จะมีการผูกปมเป็นลำดับ บางเส้นมีปมหลายปม และบางเส้นมีความยาวมากกว่าเชือกที่ร้อยมันไว้รวมกันด้วยซ้ำ ด้วยการใช้ความยาวแตกต่างและการผสมเชือกสีแตกต่างกับจำนวนปมที่ผูกไว้ พวกอินคาก็สามารถบันทึกข้อมูลอันซับซ้อนได้เป็นอย่างดี

ด้วยคิปู พวกอินคาก็สามารถทำอะไรได้หลายอย่าง เช่น สำรวจสำมะโนประชากรประจำปี ประเมินการเก็บเกี่ยวของผลิตผลทางการเกษตรทุกอย่างในแต่ละปี หรือบันทึกจำนวนขนสัตว์ไปถึงอาวุธยุทธภัณฑ์ ไหนจะจำนวนบรรณาการจากเผ่าที่พิชิตได้ และจำนวนภาษีที่ประชาชนต้องจ่ายให้แก่กษัตริย์ของตน และเมื่อไม่มีเรื่องราคา-กลไกในการใช้เงินคิปูก็ประดิษฐ์ระบบรองรับอุปสงค์และอุปทาน (Demand and Supply) ในวิถีคาดการณ์ล่วงหน้าหรือป้องกันการขาดแคลน

บนเชือดแต่ละแบบมีความหมายเฉพาะตัว
บนเชือดแต่ละแบบมีความหมายเฉพาะตัว

...

ในเมื่อมีเรื่องต่างๆต้องบันทึกอยู่มาก มันก็ย่อมต้องมีพวงเชือกปมคิปูแยกจากกันอยู่หลายพวง เช่นเดียวกับหนังสือหลากหลายในห้องสมุดปัจจุบันของเรา แต่ระบบคิปูจำเป็นต้องฝึกผู้คนให้ใช้มันได้ด้วย ผู้เก็บรักษาคิปูเรียกกันว่าคิปู คามายอกส์ (Quipu camayocs) จะได้รับความนับถือในความเชี่ยวชาญของคนผู้นั้น จนได้รับการยกเว้นไม่ต้องจ่ายภาษี หรือไปทำงานบริการดังรัฐเรียกตัวเหมือนกับคนอื่นๆ ที่เหลือ

เหล่าชายอินคาชั้นสูงจึงต้องเรียนรู้การใช้คิปู และในทุกตำบลจะต้องมีคามายอกส์ผู้ได้รับการนับถืออย่างน้อยสามหรือสี่คนที่จะคอยตรวจสอบการทำงานของกันและกันเพื่อให้แน่ใจว่าข้อมูลได้รับการบันทึกอย่างถูกต้อง แต่ละคนยังมีพื้นที่ในการรับผิดชอบไม่เหมือนกันด้วย เช่น คนหนึ่ง

อาจรับหน้าที่บันทึกเรื่องผลผลิต อีกคนในเรื่องการสำรวจสำมะโนประชากร อีกคนเป็นเรื่องอาวุธและอื่นๆ คิปูยังมีวิธีบันทึกข้อมูลไร้รูปแบบในการอ่านประวัติศาสตร์ ตำนาน และกฎหมายอีกด้วย จึงเป็นเรื่องสำคัญมากที่จะต้องใช้ความจำอย่างเลอเลิศทีเดียว ข้อมูลโดยทั่วไปจึงมีการส่งผ่านระหว่างรุ่นด้วยปากเล่า แต่การบันทึกด้วยการเล่าก็ต้องอาศัยคิปู ซึ่งบรรจุรายละเอียดวันเวลา จำนวนเชิงตัวเลขและสิ่งอื่นๆ ที่จะสามารถบันทึกได้ด้วยการใช้ปมเชือก สีเชือกและตำแหน่งที่ผูกปมไว้

ความรุ่งเรืองของอินคาจบสิ้นลงหลังการรุกรานของสเปน.
ความรุ่งเรืองของอินคาจบสิ้นลงหลังการรุกรานของสเปน.

...

พวกสเปนให้ข้อสังเกตข้อหนึ่งไว้ว่า “อาณาจักรปกครองด้วยคิปู” มันเป็นกุญแจสำคัญของระบบการควบคุมจากศูนย์กลางที่จำเป็นสำหรับอาณาจักรอันเหยียดยาว สายเชือกคิปูจากท้องถิ่นก็จะถูกส่งไปยังศูนย์กลางการปกครองในคุซโกเพื่อเป็นข้อมูลแก่ผู้ปกครอง และก็คิปูนี่เองที่พลส่งสารนำไปให้อตาฮวลปา (Atahualpa) กษัตริย์อินคาในเมืองคาจามาร์คา (Cajamarca) แจ้งข่าวกองทัพสเปนขึ้นบกที่ชายฝั่ง ในเดือนพฤษภาคม ค.ศ.1532 คิปูแจ้งให้ราชาทราบถึงจำนวนทหารและจำนวนอาวุธ ไม่ต้องสงสัยว่าพลส่งสารย่อมเสริมความเห็นอันน่าตื่นตะลึงถึง...ม้า ซึ่งเป็นสัตว์แปลกประหลาดที่พวกอินคาไม่เคยเห็นจนคิดว่า คนขี่ม้านั้น ทั้งคนและม้าเป็นสัตว์ตัวเดียวกัน

การยึดครองอินคาของพวกสเปนนำมาซึ่งภาษาตัวอักษรและความพินาศแก่บรรดาคิปู เจ้านายคนใหม่ของผืนแผ่นดินไม่เคย พยายามเรียนรู้ความลับของปมเชือก ดังนั้น บันทึกเชือกอันสมบูรณ์แบบซึ่งร้อยอาณาจักรและประชาชนเข้าไว้ด้วยกัน รวมทั้งความรู้ในการอ่านและการบันทึกก็สูญหายไปในเวลาไม่ช้านานพวงเชือกคิปูที่เหลืออยู่ในปัจจุบันปรากฏอยู่เพียงในพิพิธภัณฑ์

คิปูจากยุคปี ค.ศ.1430-1532.
คิปูจากยุคปี ค.ศ.1430-1532.

...

กระนั้น ในแถบภูเขาของเอกวาดอร์ เปรู และโบลิเวีย ยังคงมีรูปแบบการผูกปมคิปูของอินคาแบบใหม่ใช้กันอยู่ บางทีถ้าท่านผู้อ่านไปเที่ยวที่นั่น และบังเอิญได้เห็นเชื้อสายของชาวอินคาโบราณกำลังเลี้ยงแกะและเดินตาม รอยฝูงแกะของตน พลางผูกปมและคลายปมตามความยาวสายเชือก ก็อย่าแปลกใจเลย เขากำลังนับแกะนั่นแหละ

คิปูทำงานอย่างไร

สาระสำคัญของระบบคิปูขึ้นอยู่กับเชือกผูกปมต่างสีสั้นยาวไม่เท่ากันเชือกผูกปมนี้ผูกเข้าไว้กับเชือกหลักอีกทีหนึ่ง การผสมผสานสี ตำแหน่งและจำนวนปมชี้ให้เห็นเรื่องที่บันทึกไว้บนคิปู คาดกันว่าตัวคิปูนั้นอ่านจากขวาไปซ้ายตามเส้นเชือกหลักโดยใช้เชือกแต่ละเส้นเป็นลำดับ สีเส้นเชือกใช้แทนเรื่องที่จะบอกเล่าเช่น สีเหลือง แทนข้าวโพด หมายถึงยุ้งเก็บข้าวโพด ส่วนตำแหน่งที่ตั้งก็บอกด้วยเชือกสีอื่นที่พันกันอยู่ เช่นเชือกสีเหลืองผูกปมร่วมกับเชือกสีฟ้า ก็บอกว่าเสบียงข้าวโพดนั้นมาจากไหน และอยู่ที่จังหวัดใด ตำแหน่งและจำนวนปมบนสายเชือกบอกถึงข้อมูลจำนวนที่ต้องการ ระบบนี้ค่อนข้างซับซ้อนมากกว่าที่เห็นเมื่อมองผ่านครั้งแรก ตัวอย่างเช่น เชือกสีดำอยู่ร่วมกับเชือกสีอื่นแบบตรงๆ อาจเพิ่มเรื่องระยะเวลาและจำนวนที่มากกว่าจำนวนพันๆ แทนที่ต้องผูกเป็นปมนับไม่ถ้วนก็แทนค่าด้วยสี

เมืองคุซโกในอดีต.
เมืองคุซโกในอดีต.

คิปูอาจเป็นเครื่องใช้ในการช่วยจำ คนที่มีความเชี่ยวชาญในเรื่องนี้มากที่สุดเห็นจะเป็นคิปูคามายอกส์ คนเหล่านี้มีความสามารถในการใช้คิปูช่วยฟื้นความทรงจำในเหตุการณ์ต่างๆ ย้อนกลับไปเบื้องหลัง ตัวอย่างเช่น คิปูที่มีเชือกหลักเป็นสีดำ หมายถึงเวลาที่ล่วงไปแล้ว และอาจบรรจุข้อมูลประวัติศาสตร์ เชือกสีแดงผูกเป็นปมขนาดเขื่องบนเส้นหลัก หมายถึงอาณาจักรปัจจุบันในเรื่องใดๆ ผูกเป็นปม 4 ปมก็หมายถึงปีที่ 4 แห่งรัชกาลนั้น เชือกเส้นแยกสีน้ำตาลผูก 10 ปม อาจหมายถึงการครอบครอง 10 จังหวัด เส้นแยกสีอื่นๆ อาจผูกเป็นปมเพื่อบอกถึงประชาชนที่ปราบปรามได้ หมายถึงเมืองที่ยึดได้ และอื่นๆอีกมากมาย

ชาวอินคา.
ชาวอินคา.

น่าเสียดายที่ปัจจุบันหาคนเข้าใจการผูกปมแบบนี้ยากแล้ว (ถึงแม้จะมีข่าวใหม่เข้ามาว่าปัจจุบันมีคนไขปัญหาคิปูออกแล้วก็ตาม แต่ก็นับได้น้อยคนอยู่ดี) บางทีศิวิไลซ์ที่เข้ามาก็ไม่ได้ดีเสมอไป หากต้องทำลายล้างของเก่าเสียจนไม่เหลืออะไรเลยเช่นที่นี่.

ทีมงานนิตยสารต่วย'ตูน

โดย : ภัสวิภา