หลังจากที่ได้รู้จักสาเหตุ อาการ ชนิดของโรคไต และการป้องกันกันแล้วศุกร์สุขภาพ สัปดาห์นี้ยังมีเรื่องราวของการรักษาโรคไตมาฝากกันต่อค่ะ

แนวทางการรักษา

การรักษาโรคไตวายเรื้อรัง โดยแนะนำการปฏิบัติตนให้กับผู้ป่วย เช่น การรับประทานอาหารชนิดต่างๆ ออกกำลังกาย และให้ยาเพื่อรักษาภาวะต่างๆ เช่น ยาลดระดับโพแทสเซียม ยาลดความเป็นกรด ยาขับปัสสาวะ ฮอร์โมนเพื่อกระตุ้นการสร้างเม็ดเลือด เป็นต้น แต่เมื่อผู้ป่วยโรคไตวายเรื้อรังระยะสุดท้าย ที่มีอาการโดยไม่สามารถรักษาได้ด้วยยาแล้ว ลำดับต่อไปคือการรักษาโดยบำบัดทดแทนไต ซึ่งมีทั้งหมด 3 วิธี คือ 

1. การฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม (Hemodialysis) คือ การนำเลือดที่มีของเสียออกจากตัวผู้ป่วยไปเข้าเครื่องฟอกเลือด ผ่านตัวกรอง สารที่เป็นของเสียจะแพร่ผ่านตัวกรองออกจากเลือดไป ส่วนเลือดดีก็จะไหลกลับสู่ตัวผู้ป่วย เลือดของผู้ป่วยจะวนเข้าเครื่องและกลับเข้าสู่ร่างกายอย่างต่อเนื่องจนกระทั่งครบเวลาประมาณ 4 ชั่วโมงต่อครั้ง และต้องทำ 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์ การบำบัดทดแทนไตด้วยวิธีนี้ คนไข้ไม่สามารถทำเองได้ ต้องเดินทางมาที่โรงพยาบาล 

...

ข้อดีของวิธีนี้คือ ไม่ต้องทำการฟอกเอง 

ข้อเสียของวิธีนี้คือ จะต้องเสียเวลาเดินทางไปโรงพยาบาล และต้องทำครั้งละ 4 ชั่วโมง

2. การล้างไตทางช่องท้อง (Chronic Ambulatory Peritoneal Dialysis) คือ การกำจัดของเสียออกจากร่างกายโดยใช้เยื่อบุผนังช่องท้องของร่างกายตามธรรมชาติเป็นตัวกรอง โดยใช้น้ำยาสำหรับล้างทางช่องท้องประมาณ 2 ลิตร ใส่ผ่านทางสายหน้าท้องที่ถูกวางไว้ก่อน ค้างน้ำยาไว้ในช่องท้องประมาณ 4-6 ชั่วโมงต่อรอบ ของเสียที่อยู่ในกระแสเลือดจะแพร่ผ่านเยื่อบุช่องท้องออกมาอยู่ในน้ำยาในช่องท้อง เมื่อครบเวลาที่กำหนด ก็จะมีการเปลี่ยนถ่ายน้ำยาที่มีของเสียปนอยู่ออกไปแล้วจึงใส่น้ำยาชุดใหม่เข้าไป วิธีการนี้จะต้องทำวันละ 4 รอบ 

ข้อดีของวิธีนี้คือ ผู้ป่วยสามารถทำเองที่บ้านได้ ไม่ต้องเสียเวลาเดินทางมาที่โรงพยาบาล

ข้อเสียของวิธีนี้คือ ผู้ป่วยหรือญาติจะต้องมาเรียนวิธีการทำ เพื่อที่จะสามารถทำได้อย่างถูกต้องและสะอาดปลอดเชื้อ

3. การปลูกถ่ายไต (Kidney Transplantation) คือ การผ่าตัดเพื่อนำไตจากผู้บริจาคที่เป็นญาติหรือผู้เสียชีวิต มาใส่ให้ผู้ป่วยไตเรื้อรังระยะสุดท้าย 

การผ่าตัดจะใช้ไตเพียงข้างเดียวใส่เข้าไปในช่องท้องบริเวณท้องน้อยด้านใดด้านหนึ่ง และต่อท่อไตเข้ากับระบบทางเดินปัสสาวะเดิมของผู้ป่วยให้ทำงานได้เหมือนภาวะปกติ หลังจากปลูกถ่ายไต ผู้ป่วยต้องรับประทานยากดภูมิคุ้มกันตลอดชีวิต เพื่อไม่ให้เกิดปฏิกิริยาต่อต้านไตที่ปลูกถ่าย การรักษาด้วยวิธีนี้เป็นวิธีที่ทำให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตใกล้เคียงกับคนปกติมากที่สุด แต่เมื่อมีการทานยากดภูมิแล้ว จะทำให้มีอัตราการติดเชื้อเพิ่มขึ้นได้ จึงต้องมีการดูแลสุขภาพตนเองมากขึ้น เช่น ทานอาหารสุกสะอาด หลีกเลี่ยงการพบปะผู้ป่วยที่มีภาวะติดเชื้อต่างๆ เป็นต้น

ดังที่กล่าวมาตั้งแต่ต้นแล้วว่าไตเป็นอวัยวะที่สำคัญของทุกคน ไม่ว่าคุณจะอายุเท่าไร ก็ควรหันมาดูแลและใส่ใจสุขภาพไตตั้งแต่วันนี้ เพื่อจะได้มีไตที่แข็งแรง และชะลอการเกิดโรคไตวายเรื้อรังได้ 

--------------------------------------------------------------

...

แหล่งข้อมูล

พญ. ศันสนีย์ ทศศิริ สาขาวิชาอายุรศาสตร์โรคไต ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล

อ่านเพิ่มเติม