ในประเทศไทยเองนั้น ในวันที่ 1 พฤศจิกายน 2023 กลุ่มคนไทยพิทักษ์สิทธิ์ ซึ่งประกอบไปด้วยประชาชนและแพทย์ได้ยื่นหนังสือต่อคณบดีคณะแพทยศาสตร์จุฬาฯ และเป็นผู้อำนวยการโรงพยาบาล ให้พิจารณาว่า การร่วมมือกับ EHA เป็นสิ่งที่สมควรกระทำหรือไม่และอาจทำให้ตกเป็นผู้ร่วมกระทำความผิดข้อหาอาชญากรรมต่อมวลมนุษยชาติ
ทั้งนี้ ยังได้มีบันทึกก่อนหน้าถึงคณบดีในวันที่ 17 ตุลาคม 2023 เวลา 13.44 น. เลขรับที่ 14113/2566 และในวันที่ 1 พฤศจิกายน 2023 ทางกลุ่มได้แสดงความขอบคุณ นายแพทย์ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ที่แสดงจุดยืนในเรื่องนี้...สภาคองเกรสสหรัฐฯ ผ่านการแปรญัตติ พิจารณางดการให้ทุนแก่ NIH ในการสร้างไวรัสใหม่ที่อันตราย รายละเอียดสามารถดูได้จากวิดีโอรายงานเรื่องนี้
Fauci ได้ถูกหมายที่ต้องให้การต่อคองเกรส สหรัฐฯ ในวันที่ 7 และ 8 มกราคม 2024 วันละ 7 ชั่วโมง เกี่ยวกับการระบาดโควิด และตามด้วยประชาพิจารณ์ โดยมีข้อสำคัญเรื่องการวางแผนโกหกปกปิดที่มาตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2020 รวมทั้งโดนเปิดโปงความเชื่อมโยงการให้ทุนกับอู่ฮั่น และการถูกห้ามไม่ให้ทำการสร้างไวรัสใหม่แต่ยังคงทำต่อตั้งแต่ 2018 จนถึงปัจจุบัน

...
การประชุมขององค์การอนามัยโลกเจนีวา ที่นายแพทย์ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ได้รับเชิญเข้าประชุมในคณะทำงาน STAG (strategic and technology advisory group) วันที่ 23 ถึง 24 พฤศจิกายน 2023 เรื่อง การวางแผนรับมือโรคอุบัติใหม่ แต่ทั้งนี้ยังรวมถึงกระบวนการเซ็นเซอร์ทั้งโลก ทั้งนี้ไม่สามารถให้รายละเอียดได้เนื่องจากสัญญาของการไม่เผยแพร่
ข้อมูลและหลักฐานการเก็บไวรัสใหม่จากค้างคาวและสัตว์ป่าของศูนย์วิทยาศาสตร์ รวมทั้งการที่ไม่ได้ประโยชน์จากการหาไวรัสใหม่และความเสี่ยงอย่างสูงที่จะมีการติดเชื้อในการปฏิบัติการ ได้มีการตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์ในวันที่ 10 เมษายน 2023 และแสดงเหตุผลของการยุติความร่วมมือกับสถาบันองค์กรของสหรัฐฯทั้งหมดและ EHA และหนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์ ใช้เวลา 6 เดือนในการตรวจสอบเอกสาร หลักฐานก่อนตีพิมพ์...ก่อนหน้าที่จะทำการตีพิมพ์ David Willman นักข่าวที่ได้รับรางวัลพูลิเซอร์ ที่สัมภาษณ์และเก็บข้อมูลจากศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพ รวมทั้งข้อมูลเหล่านี้ได้รับการตรวจสอบจากคณะบรรณาธิการของหนังสือพิมพ์แล้ว ได้สอบถามรองคณบดีฝ่ายวิจัยของคณะแพทยศาสตร์จุฬาฯ ถึงความเห็นในการสืบเสาะหาไวรัสในค้างคาวโดยที่การศึกษาดังกล่าวถือว่าเป็นการวิจัยที่มีความเสี่ยงสูง...บทความในหนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์ สามารถอ่านบทความได้ “Pandemic risk” research with exotic viruses risks a deadly outbreak, scientists warn โดยที่บทความนี้ตั้งใจให้ข้อมูลโดยแสดงให้เห็นถึงอันตรายร้ายแรงที่สามารถเกิดขึ้นได้ ถ้ายังคงปฏิบัติการศึกษาวิจัยแบบนี้อีก

บทความฉบับนี้ยังแสดงหลักฐานการตัดต่อพันธุกรรม สร้างไวรัสใหม่ที่ร้ายแรงเป็นความร่วมมือของ Daszak Baric และ Shi ตั้งแต่ปี 2003 และยังมีโครงการที่เรียกว่า EID search หรือ south east Asian research hub อยู่ภายใต้โครงการที่ครอบคลุมทั้งโลกจากกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯผ่าน NIH USAID 2018 และทุนเริ่มต้นในปี 2020 และบันทึกโครงการนี้มีการพิสูจน์แล้วว่า สามารถทำให้ไวรัสที่มีอยู่เข้ามายังมนุษย์ได้ดียิ่งขึ้นและก่อโรคได้มากขึ้น
ทั้งนี้ จากตัวอย่างไวรัสจากค้างคาวที่เก็บไว้และที่เก็บไว้ใหม่ทั้งจากไทย เวียดนาม บอร์เนียว ซาราวัค และแสดงเอกสารที่ยืนยันว่าสามารถสร้างไวรัสใหม่ที่ควบรวมไวรัสโคโรนา สองชนิดและก่อโรคในหนู โดยที่ไม่มียารักษา...ทุนต่างๆที่สหรัฐฯให้นี้ผ่านมายังทุกทวีป รวมกระทั่งถึงทวีปเอเชียและมีไทยร่วมด้วย
ประเทศในเอเชียที่ได้รับทุนและมีการปฏิบัติการหาไวรัสใหม่จากค้างคาวและสัตว์ป่า มีทั้งไทย เมียนมา เวียดนาม อินโดนีเซีย อินเดีย บังกลาเทศ และอีกหลายประเทศ...อันตรายที่จะมีการติดเชื้อมีทุกขั้นตอน ตั้งแต่การลงพื้นที่ในบริเวณวัด ในถ้ำ ในป่า ในขณะเก็บตัวอย่าง รวมกระทั่งถึงการขนย้ายตัวอย่างและในการปฏิบัติในห้องแล็บรวมกระทั่งถึงถ้ามีการหลุดรั่วของตัวอย่างไวรัสจากตู้เย็น

...
ทั้งนี้ ศูนย์วิทยาศาสตร์ได้ศึกษาไวรัสในค้างคาวไทย ตั้งแต่ปี 2000 จนถึงปี 2011 ว่า มีไวรัสพิษสุนัขบ้าและมีไวรัสนิป้าห์หรือไม่ในค้างคาวไทย โดยได้ทุนภายในประเทศจาก สกว. และ สวทช. โดยได้รับคำแนะนำในการเก็บตัวอย่างและการศึกษาจาก US CDC และทางศูนย์ทำงานร่วมกับสถานเสาวภา สภากาชาดไทย และกรมป่าไม้ สัตว์ป่า...ผลการศึกษาพบว่าค้างคาวไทยเป็นค้างคาวโลกเก่า มีไวรัส “คล้าย” ไวรัสพิษสุนัขบ้าและอันตราย และไม่มีวัคซีนตัวใดในโลกป้องกันได้
ไวรัสนิปาห์ก่อให้เกิดโรคระบาดในมาเลเซียในปี 1998 ถึง 1999 จากค้างคาวมายังหมู มีผู้ติดเชื้อ 265 ราย และเสียชีวิต 110 ราย และมีการทำลายหมู 1.2 ล้านตัว และมีความเสียหายทางเศรษฐกิจมากกว่า 220 ล้านเหรียญ นอกจากนั้น ยังมีการระบาดที่สิงคโปร์และจนกระทั่งถึงอินเดียและบังกลาเทศมาจนถึงปัจจุบัน
โดยที่การประชุมที่อินเดียในปลายปี 2023 นี้ ได้เน้นถึงการป้องกันการติดเชื้อและแพร่ระบาดโดยให้แหล่งของค้างคาวนั้นเป็นแหล่งห้ามรุกราน ecological protection zone...การระบาดที่มาเลเซียนั้นทำให้เกิดมีสมองอักเสบ ทั้งแบบเฉียบพลันและแบบที่หายแล้วปะทุขึ้นมาใหม่ หรือเป็นแบบที่เมื่อได้รับเชื้อแล้วไม่แสดงอาการ แต่มีสมองอักเสบภายหลังเกือบเป็นเวลาสองปี... การระบาดในบังกลาเทศนั้นต่างจากในมาเลเซีย โดยที่มีการติดต่อจากคนสู่คนและมีปอดบวมและมีการแพร่กระจายได้หลายทอด
ในประเทศไทยนั้นค้างคาวไทยสามารถแพร่ไวรัสได้โดยเป็นสายพันธุ์ทั้งมาเลเซียและบังกลาเทศ
ในประเทศฟิลิปปินส์ คนฆ่าและชำแหละเนื้อม้า มีการติดโรคเช่นกันในลักษณะคล้ายไข้หวัดใหญ่และเยื่อหุ้มสมองอักเสบจากค้างคาว ไวรัสนิปาห์นี้เป็นไวรัสที่อยู่ในรายการด้วย ที่ EHA ต้องการและเพื่อไปสร้างไวรัสใหม่ให้รุนแรงขึ้นอีก
...

ตั้งแต่ปี 2011 จนกระทั่งถึงปี 2020 ศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพและศูนย์ความร่วมมือองค์การอนามัยโลกได้รับทุนจากสหรัฐฯโดยผ่านกระทรวงกลาโหมและองค์กรต่างๆ โดยมีจุดประสงค์แตกต่างออกไปจากที่เคยทำทั้งนี้ก็คือ การหาไวรัสจากค้างคาวและสัตว์ป่าที่เป็นตัวไม่มีชื่อ หรือ novel virus และทำการถอดรหัส เพื่อที่จะได้คาดคะเนว่าตัวใดจะก่อให้เกิดโรคระบาด...ก่อนที่จะเกิดระบาดโควิดในช่วง 2012 ถึง 2018 นั้น ศูนย์ได้ทำการวิเคราะห์และพิจารณาว่า การหาไวรัสใหม่ดังกล่าวน่าจะไม่ได้ช่วยในการคาดคะเนว่าตัวใดจะเกิดโรคระบาด แม้ว่าทุนที่ได้รับนั้นจะมีขนาดใหญ่ แต่ไม่มีการถ่ายทอดความรู้และเทคโนโลยีชัดเจน และยังมีการให้ทดสอบว่าเครื่องมือในการวินิจฉัยไวรัส ในเวลา 1 ถึง 2 ชั่วโมง สามารถใช้ประโยชน์ได้หรือไม่ (point of need diag nostic) โดยมีการลงในพื้นที่ต่างๆ แต่ในที่สุดหลังจากที่เราแสดงให้เห็นว่าใช้ได้ กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ มีการขายสิทธิบัตรไปให้บริษัท เมอริเออร์ และปัจจุบัน มีการขายเครื่องใช้งานในโรงพยาบาลหลายแห่งในประเทศไทย
จากเหตุผลดังกล่าว ศูนย์ยุติความร่วมมือทั้งหมด เนื่องจากไม่ได้ประโยชน์และอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้น และนอกจากนั้นที่สำคัญที่สุดคือ ในปี 2019 ก่อนการระบาดโควิด ศูนย์ได้รับการทาบทามจาก EcoHealth alliance ให้รับผิดชอบภาคพื้นเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทั้งนี้ ให้มีการส่งไวรัสทั้งที่เก็บไว้และที่จะเก็บใหม่ไปยังต่างประเทศ ที่อู่ฮั่น สิงคโปร์และสหรัฐฯ ทั้งนี้เพื่อมีการสร้างไวรัสใหม่ที่รุนแรงขึ้น ทั้งนี้เจาะจงไวรัสในตระกูลโคโรนา นิปาห์ และไวรัสในตระกูลอีโบลา...ทั้งนี้ในเวลาที่ผ่านมานั้นศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพ มีการถอดรหัสพันธุกรรมในห้องแล็บแต่ไม่มีการเพิ่มจำนวนไวรัสอย่างเด็ดขาดและไม่มีการส่งออกนอกประเทศ
ทุนที่ได้รับจากกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯในช่วงปี 2011 ถึง 2012 นั้นชื่อโครงการ Prophecy หลังจากนั้นได้ผ่านมาทาง USAID ผ่าน EHA ในโครงการชื่อ PREDICT I และ II ระหว่างปี 2012 ถึง 2016 และ 2016 ถึง 2020 ในโครงการแรกนั้นเฉพาะเจาะจงที่ค้างคาว โครงการที่สองนั้นมีการควบรวมในการหาเชื้อจากคนป่วยที่โรงพยาบาลจังหวัดเลยเป็นจำนวน 100 ราย ด้วยวิธีที่ได้จาก USAID ในการหาไวรัสทั้งครอบครัวแต่ไม่ประสบผลสำเร็จว่าดีกว่าวิธีการธรรมดา... กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯยังได้ให้ทุน โดยการผ่านสำนักย่อยต่างๆ จนกระทั่งถึงปี 2020 และมีการเก็บตัวอย่างจากคนป่วยที่มีอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่เป็นจำนวน 200 ราย โดยการใช้ พีซีอาร์ต่อเชื้อ 37 ชนิด ที่ชลบุรีและราชบุรีที่มีแหล่งค้างคาวอยู่ แต่ไม่เจอสาเหตุ นอกเหนือจากที่เป็นไวรัสที่ทราบอยู่แล้ว
...
โครงการที่ได้รับทุนหลังจาก Prophecy มีจำนวนเจ็ดโครงการแต่โครงการในการหาไวรัสจากค้างคาวและสัตว์ป่าจบสิ้นในกลางปี 2020 คือวันที่ 14 มิถุนายน 2020 และรายงานการวิจัยในวันที่ 8 กันยายน 2020 และทางศูนย์ไม่ได้รับผิดชอบงานต่างๆทั้งสิ้น หลังจากกลางปี 2020 ไปแล้ว
โครงการยังมีการทำต่อในประเทศไทยที่ไม่ใช่จากศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพ แต่เป็นภายใต้หน่วยงาน CREID (Center for research emerging infectious diseases) ของ EcoHealth alliance ที่เคยทาบทามศูนย์ของเราให้ส่งไวรัสจากค้างคาวไปยังต่างประเทศเพื่อไปสร้างไวรัสใหม่ที่รุนแรงขึ้น.
หมอดื้อ
อ่าน "สุขภาพหรรษา" ทั้งหมดที่นี่