“ภูเก็ต” ขึ้นชื่อว่าเป็นไข่มุกอันดามัน สภาพภูมิศาสตร์เป็นเกาะล้อมรอบด้วยทะเล เต็มไปด้วยหมู่เกาะน้อยใหญ่ ความอุดมสมบูรณ์ของแนวปะการัง และสัตว์น้ำนานาชนิดใต้ท้องทะเล สมกับที่ได้รับการขนานนามให้เป็น “คริสตัลเคลียร์ของนักดำน้ำ” และหมุดหมายในฝันของนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลก

“คุณชายตะลอนชิม” สัปดาห์นี้ “คุณชายแป๊ะ” ขอแนะนำร้าน “ครัวย่าหยา” ของ “ปิ่น–ภาวดี สุวัณณาคาร” อายุ 33 ปี ทายาทเจเนอเรชันที่ 4 ของตระกูลค้าเครื่องเพชรเก่าแก่บนเกาะภูเก็ต “ร้านทวีสุวัณณ์” โดย “ครัวย่าหยา” ตั้งอยู่ภายใน “พิพิธภัณฑ์ เพอรานากัน ภูเก็ต” ถนนเทพกษัตรี ตำบลศรีสุนทร อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต นั่งรถจากสนามบินภูเก็ตมาเพียง 15 นาที มีที่จอดรถกว้างขวางสะดวกสบาย เป็นแหล่งรวบรวมความรู้ แฟชั่น เครื่องประดับ และความอร่อยไว้ในที่เดียว

ก่อนลงมือชิมอาหาร เจ้าของร้านพาผมไปเรียนรู้วิถีชีวิต ความเชื่อ ขนบธรรมเนียม ประเพณีของชาว “เพอรานากัน” ที่ชั้น 2 “พิพิธภัณฑ์ เพอรานากัน ภูเก็ต” บอกเล่าถึงความเป็นมาจากการย้ายถิ่นฐานของ “ชาวจีนฮกเกี้ยน” โล้สำเภามาจาก “มณฑลฟูเจี้ยน” ไปตั้งรกรากที่คาบสมุทรมลายู มะละกา และปีนัง ประเทศมาเลเซีย โดยภูเก็ตกับปีนังติดต่อกันทางธุรกิจด้านเหมืองดีบุก สร้างครอบครัวพัฒนาเป็นวัฒนธรรม “บาบ๋า เพอรานากัน” เป็นลูกผสมระหว่างชาวจีนฮกเกี้ยนกับคนท้องถิ่น เมื่อคนปีนังย้ายถิ่นฐานมาอยู่ที่ภูเก็ต จึงนำวัฒนธรรมมาเผยแพร่ ตัวอย่างเช่น “เสื้อเคบายา” และ “เครื่องประดับกอรอสัง” แม้แต่ “หมูฮ้อง” เมนูเลื่องชื่อของชาวภูเก็ต ก็ได้รับอิทธิพลมาเต็มๆจากวัฒนธรรมบาบ๋า

...

หลังเดินชมพิพิธภัณฑ์หาความรู้ใส่สมอง ถึงเวลาหาของอร่อยใส่ท้องบ้าง ผมเดินลงมาที่ชั้นล่าง เข้าไปในร้าน “ครัวย่าหยา” บรรยากาศโทนสีสบายตา ตกแต่งด้วยโคมไฟแบบจีน มาถึงภูเก็ตทั้งทีต้องห้ามพลาด “หมูฮ้อง” ซิกเนเจอร์ของร้าน ที่นี่เลือกใช้หมูส่วน “เอี่ยมต้อ” คือราวนมหมูเป็นเนื้อก้อนสามเหลี่ยมมีชั้นไขมันบางๆ คะเนว่าหมู 1 ตัว มีเนื้อส่วน “เอี่ยมต้อ” เพียง 4 กิโลกรัมเท่านั้น นำหมูไปหั่นเป็นชิ้นหนาพอดีคำ ต้มกับซีอิ๊วแดง ซีอิ๊วดำ และเครื่องพะโล้ ใช้เวลาเคี่ยวนาน 6-7 ชั่วโมง ทำให้การทาน “หมูฮ้อง” ได้รสสัมผัสนุ่มละมุนลิ้น รสชาติเข้มข้นหวาน เค็ม หอมพริกไทยดำและเครื่องพะโล้

จานต่อมา “แกงส้มปลามงยอดมะพร้าว” รสชาติกลมกล่อมหอมเครื่องพริกแกง มีรสเปรี้ยวด้วยส้มแขก “ปลามง” หรือ “ปลากะมง” เป็นปลาน้ำลึก การว่ายอยู่ในน้ำทะเลลึกทำให้ปลามงมีเนื้อแน่น รสสัมผัสแตกต่างจากปลาเลี้ยงที่เนื้อนิ่มๆ ได้ยอดมะพร้าวช่วยตัดรสชาติความเผ็ดร้อนให้กลมกล่อมยิ่งขึ้น ทานคู่กับไข่เจียวหอมๆฟูๆ รับประกันว่า เจริญอาหาร เติมข้าวแล้วเติมข้าวอีก

...

“น้ำพริกกุ้งเสียบ” เป็นที่ขึ้นชื่อลือชาของชาวภูเก็ต น้ำพริกขลุกขลิกสำหรับคลุกข้าว ใช้กะปิที่ผลิตในภูเก็ต กุ้งเสียบคัดมาอย่างดี เมื่อวัตถุดิบมีคุณภาพทำให้อาหารมีรสชาติอร่อย ผักสด ผักต้ม เป็นผักที่ทางร้านปลูกเองแบบออร์แกนิก ปลอดสารเคมี มีแปลงปลูกผักอยู่บริเวณด้านหลังของร้าน ผักสดทั้งยอดเม็ดมะม่วงหิมพานต์ ผักกูด มะเขือ ถั่วฝักยาว พริกทุกชนิด คุณปิ่นบอกว่า “อยากให้ทุกคนได้ทานผักแบบปลอดสารเคมี ตั้งใจปลูกให้มากขึ้นอาจจะต้องใช้เวลา แต่เราพร้อมที่จะเริ่มต้น เพื่อให้ลูกค้าได้ทานผักออร์แกนิก เพื่อความปลอดภัยต่อร่างกาย”

อร่อยจนหยุดไม่อยู่ยังรวมถึง “หมูคั่วพริกเกลือ” ใช้หมูสามชั้น นำมาผัดคั่วกับพริกสดและกระเทียมเจียว แต่งรสด้วยเกลือป่น รสชาติจัดจ้าน เผ็ดร้อน นำมาทานคู่กับ “น้ำพริกกุ้งเสียบ” เมนูหลักประจำบ้านของชาวภูเก็ต อร่อยเข้ากันเป็นอย่างดี “ปลามงเจี๋ยนตะไคร้” ปลามงเนื้อแน่น ตะไคร้ซอยผัดด้วยน้ำซอสมะขามเคี่ยว รสชาติเปรี้ยว หวาน เค็ม “ผักเหมียงไข่กุ้งเสียบ” อันที่จริง “ผักเหมียง” ก็คือ “ผักเหลียง” นั่นเอง แต่คนภูเก็ตเรียกคุ้นปากว่า “ผักเหมียง” รสชาติเค็มๆมันๆ มีกระเทียมจีนเม็ดใหญ่ผัดกับไข่และกุ้งเสียบ เป็นอาหารจานโปรดของทุกครอบครัว

อาหารพื้นบ้านชาวภูเก็ตยังมี “แกงปูหมี่หุ้น” น้ำยาปูใส่เนื้อกรรเชียงปูก้อนใหญ่ๆ ทานกับเส้นหมี่ นำเส้นมาจับม้วนเป็นคำๆ โรยด้วยกระเทียมเจียวและผักชี น้ำยาปูโดดเด่นด้วยความหอมของเครื่องพริกแกง และน้ำกะทิรสชาติเข้มข้น มีความเผ็ดนิดๆ ทานคู่กับ “หมี่หุ้น” เรียกว่าเข้มข้นถึงเครื่องถึงรส เนื้อปูเป็นก้อนๆ กินแล้วจุใจเต็มปากเต็มคำ

...

หาทานยากต้องจานนี้ “เบือทอด” เบือหมายถึงการแผ่ออก ใช้ “หญ้าช้อง” พืชท้องถิ่นทางภาคใต้ มาชุบแป้งทอดที่ผสมกับเครื่องแกง ทำให้มีรสชาติเผ็ดนิดๆ กินคู่กับน้ำจิ้ม “น้ำฉ่อ” ของคู่ครัวคนภูเก็ตนิยมทานกับของทอดทุกประเภท เพิ่มรสชาติเปรี้ยวๆหวานๆแก้เลี่ยนดี

คุณปิ่น เล่าว่า “ธุรกิจของครอบครัวเริ่มจากคุณทวดทำร้านเพชรที่ถนนถลาง พอมาถึงยุคปิ่น คุณพ่ออยากขยายธุรกิจมาด้านอื่นบ้าง จึงเริ่มศึกษาค้นคว้าวัฒนธรรมภูเก็ต เปิดเป็นพิพิธภัณฑ์ เพอรานากัน ภูเก็ต บอกเล่าวิถีชีวิตของคนภูเก็ตเชื้อสายจีนฮกเกี้ยน ก่อนแตกยอดมาเป็นครัวย่าหยา นำเสนออาหารสไตล์ภูเก็ต สืบทอดรสชาติมาจากตระกูลของปิ่น เป็นอาหารที่ปิ่นกินมาตั้งแต่เด็กๆ คุ้นชินกับรสชาติอาหารของครอบครัว เรามีสูตรอาหารของตัวเอง จึงนำเสนออาหารให้ลูกค้าได้รับประทานในแบบรสชาติในความทรงจำ”

“พิพิธภัณฑ์ เพอรานากัน ภูเก็ต รับจัดงานแต่งงานสไตล์ท้องถิ่นด้วย ลูกค้าสามารถทานอาหารเช้าและอาหารเที่ยงในครัวย่าหยา มีการจัดพิธีสู่ขอ พิธีหมั้น จัดโต๊ะไหว้เทวดา ฟ้า ดิน พิธีแต่งงาน ยกน้ำชา สามารถจัดในส่วนของพิพิธภัณฑ์ได้ ภายในมีการจัดบ้านจำลอง ตกแต่งเป็นเหมือนย่านเมืองเก่า มีที่จอดรถต้อนรับลูกค้าอย่างเพียงพอ เราตั้งใจอนุรักษ์วัฒนธรรมประเพณีท้องถิ่นดั้งเดิมของภูเก็ต” คุณปิ่นกล่าวด้วยความภูมิใจ

สนนราคา หมูฮ้อง 250 บาท, แกงส้มปลามงยอดมะพร้าว 220 บาท, น้ำพริกกุ้งเสียบ 170 บาท, หมูคั่วพริกเกลือ 180 บาท, ปลามงเจี๋ยนตะไคร้ 250 บาท, ผักเหมียงไข่กุ้งเสียบ 170 บาท, แกงปูหมี่หุ้น 390 บาท และเบือทอด 220 บาท นอกจากนี้ยังมีเมนูแนะนำ คือ “กุ้งปาเต๊ะ” กุ้งพันด้วยหมี่ซั่วนำไปทอด ร้าน “ครัวย่าหยา” เปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 10.00-18.00 น. โทร. 09–9315–8795 หรือ Facebook : ครัวย่าหยา Krua Yaya–อาหารท้องถิ่นภูเก็ต อาหารเกาหลี by สะใภ้เกาหลี.

คุณชายแป๊ะ

คลิกอ่านคอลัมน์ “คุณชายตะลอนชิม” เพิ่มเติม