สัปดาห์นี้ “คุณชายแป๊ะ” อยากแนะนำร้านประจำของครอบครัวสักหน่อย ด้วยความประทับใจในรสชาติของอาหาร ราคาไม่แพง มีมุมถ่ายภาพในสวนสวย นั่งแช่เท้าให้ปลาตอดเล่นสบายๆ ย้อนกลับไปครั้งแรกที่มาเยือนเมื่อ 2 ปีก่อน ครอบครัวผมได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดี ทั้งที่เป็นลูกค้าแวะเวียนผ่านมา รู้สึกถึงความมีน้ำใจไมตรี จนกลายเป็นรักแรกพบกับร้านแห่งนี้ นอกจากความอร่อยและความสวยงามจากภายนอกแล้ว คาเฟ่แห่งนี้ยังแฝงไปด้วยปรัชญาการใช้ชีวิตที่แฝงไว้ตามมุมต่างๆของร้าน แม้แต่ชื่อร้านที่จงใจให้สะกดผิด อย่างคำว่า “Untill” ต้องสะกดว่า “Untill” ก็มีความหมายลึกซึ้งชวนขบคิดซ่อนอยู่เช่นกัน

“คุณชายตะลอนชิม” สัปดาห์นี้ “คุณชายแป๊ะ” ขอแนะนำร้าน “Untill Today” ของคู่สามีภรรยา “รงค์–ณรงค์ชัย ทิพย์พิมพ์วงศ์” อายุ 54 ปี และ “แป้ว–นฤภร ทิพย์พิมพ์วงศ์” อายุ 51 ปี ตั้งอยู่ในซอยปานเถื่อน 2 ถนนไทยรามัญ แขวงสามวาตะวันตก เขตคลองสามวา บรรยากาศในร้านมีทั้งส่วนที่เป็นคาเฟ่อยู่ในห้องกระจกเพดานสูงดูโปร่งโล่งสบาย ส่วนใครชอบสัมผัสธรรมชาติต้องประทับใจสวนสวย ขนาด 1 ไร่ ร่มรื่นด้วยต้นไม้น้อยใหญ่นานาพรรณ บ่อปลาคราฟขุดไว้คดเคี้ยวอย่างตั้งใจ น้ำใสมองเห็นฝูงปลาแหวกว่ายเพลินตา มีมุมนั่งหย่อนขาสปาเท้าให้ปลาตอด นั่งฟังเสียงน้ำตกช่วยให้ผ่อนคลายสบายใจ

...

หลังกล่าวสวัสดีทักทาย คุณรงค์และคุณแป้วเชิญผมไปชิมอาหารชุดใหญ่ที่จัดเตรียมไว้คอยท่า เริ่มจาก “ยำผักบุ้งกรอบ” ใช้ผักบุ้งใบใหญ่พันธุ์ผักบุ้งแก้ว ที่คุณแป้วการันตีว่า ปลูกเองกับมือในพื้นที่สวนผักของร้าน น้ำยำครบเครื่องทั้งหมูสับและกุ้งสดลวกสุก คลุกเคล้ากับหอมแดงซอย พริกจินดาซอย บีบมะนาวเหยาะน้ำปลา อร่อยเต็มปากเต็มคำดี

จานต่อมา “ปลาอินทรีย์ทอดน้ำปลา” ใช้ปลาอินทรีย์สดหั่นเป็นท่อนชิ้นใหญ่ขนาดเท่าฝ่ามือ ได้กลิ่นหอมน้ำปลารสหวานปะแล่มตัดเค็ม ทานคู่กับข้าวสวยร้อนๆอร่อยเหาะไปเลย หรือจะลอง “กุ้งคั่วพริกเกลือ” รสชาติเข้มข้น ทั้งเค็ม เผ็ด หอมกระเทียมเจียว ใช้กุ้งคัดไซส์ขนาด 30-35 ตัวต่อกิโลกรัม เคี้ยวแล้วถึงเนื้อถึงรสชาติ

เมนูเด็ดพลาดไม่ได้ คือ “แกงคั่วกระดูกอ่อน” รสชาติแกงใต้เผ็ดร้อน หอมเครื่องพริกแกงใต้ กระดูกอ่อนเคี้ยวกรุบๆ คุณแป้วอธิบายว่า “แกงคั่วแบบพี่ไม่เหมือนใคร ต้องเอากระดูกไปทอดในน้ำมันก่อน จากนั้นถึงเอาไปแกง ผัดเครื่องแกงใต้เติมน้ำแล้วเคี่ยวให้น้ำงวดลงจนเข้มข้น มีรสเผ็ดร้อน หอมกลิ่นพริกไทยดำ โรยหน้าด้วยใบมะกรูดและพริกชี้ฟ้าหั่นฝอย ลูกค้าคนใต้ชอบทานเพราะได้รสชาติอาหารใต้แท้ๆ แนมด้วยลูกฉิ่งหรือมะเดื่อมีความมันๆ ทานแล้วเข้ากับแกงใต้ มะเขือเปราะลูกสวยปลอดสาร เคมี เป็นผักที่ปลูกเองในสวนของร้าน ลูกค้าบางคนติดใจขอผักสดกลับบ้านก็มี ใครมาทานอยากแนะนำให้ทานหมึก การันตีว่าปลอดภัยไร้ฟอร์มาลิน ส่งตรงจากเรือน้องชายที่พัทลุง ด้วยระบบแช่แข็ง”

ตบท้ายด้วยของหวานล้างปากอย่าง “ขนมปํา” ขนมพื้นบ้านของชาวพัทลุง ใช้แป้งผสมน้ำตาลโตนดนำไปนึ่งเป็นก้อนกลม แป้งเหนียวนุ่มทานคู่กับสังขยาโรยหอมเจียว ด้วยความหวานละมุนลิ้น ช่วยคลายความเผ็ดร้อนจากอาหารคาวได้เป็นอย่างดี

...

คุณรงค์เชิญผมออกไปเดินย่อย พร้อมบอกเล่าความเป็นมาของร้านว่า “เมื่อ 10 ปีก่อน ผมกับภรรยาวางแผนไว้ว่า เมื่อลูกโตขึ้นต้องไปมีวิถีชีวิตของตัวเอง จึงมองหาที่ดินเพื่อทำร้านอาหาร นำเอาความชอบต้นไม้ของผม มาบวกกับความชอบทำอาหารของภรรยา ขณะที่แม่ยายถนัดทำขนม กลายเป็นจุดเริ่มต้นให้เกิดร้านนี้ ต้องใช้เวลานานหลายปีกว่าจะมีวันนี้ได้ นำเอาความหมายนี้ตั้งเป็นชื่อร้านว่า Untill Today เหตุที่จงใจสะกดผิด เพื่อเอาไว้สอนลูกหลานว่า ผมเรียนรู้ความผิดพลาดนำไปสู่การทำงาน เมื่อเราทำพลาดย่อมไม่อยากให้ลูกหลานทำผิดซ้ำ เมื่อเริ่มทำร้านกลับกลายเป็นจุดศูนย์รวมของครอบครัว มี โต๋ย-ศุภชัย ทิพย์พิมพ์วงศ์ ลูกชาย เรียนจบจากคณะสถาปัตย์ฯ มรภ.พระนคร เป็นผู้ออกแบบ”

...

ผมเดินตามคุณรงค์ไปที่ชิงช้าไม้หน้าร้าน “ชิงช้าตัวนี้เปรียบเสมือนกระดุมเม็ดแรก แฝงคำสอนว่า ถ้าเริ่มผิดทุกอย่างมันผิดไปหมด ผมคิดว่าจะปลูกกาแฟ ตัดสินใจโค่นต้นจามจุรีขนาดใหญ่ เอาไม้จามจุรีมาทำชิงช้าตัวนี้ รวมถึง โต๊ะในร้าน แต่มาทราบภายหลังว่า ต้นกาแฟสามารถปลูกใต้ต้นไม้ใหญ่ได้ นึกเสียดายต้น จามจุรี ถ้าผมศึกษามาก่อนคงไม่ต้องโค่นต้นจามจุรี” ข้างๆชิงช้ามีกระจกเงาทรงกลมบานใหญ่ไว้ให้ลูกค้าส่อง โดยรอบกระจกมีไฟส่องแสงสว่างคุณรงค์เล่าว่า “เวลาคนส่องกระจกมักมองแค่ใบหน้าตัวเอง แสงส่องทำให้ดูสดใส ถ้าไฟดับลงหน้าจะหม่นหมอง เตือนให้คนอย่าหลงลืมผู้ที่อยู่เบื้องหลัง ข้างร้านมีภาพลิงปิดตา ปิดหู ปิดปาก สื่อว่า เห็น รู้ พูดในสิ่งไม่เป็นมงคล มันไม่มีประโยชน์”

คุณรงค์พาผมเดินข้ามสะพานไม้กันเกราทำจากหมอนรางรถไฟเข้าไปในสวนสวย “สวนนี้มีแนวคิดมาจากประสบการณ์ชีวิตผม ทุกคนล้วนมีเป้าหมายสุดท้ายอยากไปสวรรค์ แต่กว่าจะไปถึงจุดนั้น ต้องผ่านเส้นทางมากมาย หลายจุดในสวนจึงมีเก้าอี้ไว้ให้คนได้นั่งคิด ฟังเสียงน้ำตก ให้จิตใจสงบ เพื่อทบทวนเรื่องราวต่างๆ ผ่านสุมทุมพุ่มไม้ที่จัดไว้รายรอบ เมื่อคิดได้เกิดกลับตัวกลับใจเดินเข้าไปสู่ประตูสวรรค์ แสนเรียบง่ายเป็นเพียงแค่สวนผักธรรมดา”

...

“ผมปลูกต้นเสม็ดไว้ 4 ทิศ เปรียบเสมือนเทพเทวดาทั้งสี่ ไม่ว่าจะอยู่ตรงจุดไหนเมื่อคนทำความดี หรือทำความเลว เทพเทวดาจากทิศอื่นก็มองเห็น ส่วนต้นกระดิ่งนางฟ้า ปลูกไว้ 2 ต้น เปรียบเหมือนพ่อกับแม่อยู่อย่างมีระยะ ช่วยกันทำมาหากิน และต้นใหญ่กลางสวนคือ ต้นจิกดอย เปรียบเป็นตัวผม แม้โบราณว่าเป็นต้นไม้ของคนจู้จี้จุกจิก แต่ผมคิดว่ามันคือความละเอียดรอบคอบ ลำต้นมีแผลเยอะเพราะผ่านประสบการณ์ชีวิต แผ่กิ่งก้านเป็นร่มโพธิ์ร่มไทรให้ครอบครัว”

“บางต้นปลูกไว้เพื่อระลึกถึงความหลัง อย่างเช่น ต้นมะปราง ผมมีภาพจำในวัยเด็ก ญาติพี่น้องพ่อนั่งล้อมวงกินมะปรางรสเปรี้ยวเข็ดฟัน แต่กลับหัวเราะกันอย่างสนุกสนาน คิดได้ว่าแม้รสเปรี้ยวแต่มันทำให้มีความสุขได้ ไม่จำเป็นต้องเป็นของแพงเสมอไป หรือแม้แต่ต้นมะไฟ ผมปีนเก็บมะไฟไปขายตั้งแต่เด็ก แต่โยนส่งเดชลงพื้นทำให้เปลือกช้ำ แม่ผมสอนว่า แม้คนจะกินแค่เนื้อใน แต่เราต้องใส่ใจเปลือกไม่ให้มันช้ำ นึกถึงใจเขาใจเรา คนหาเงินมาซื้อย่อมอยากได้ของมีสภาพดี”

มาทานอาหารจิบกาแฟรอบนี้ รู้สึกอิ่มทั้งกายและใจ นั่งหย่อนเท้าแช่น้ำให้ปลาตอด ตามองไปรอบๆเห็นต้นไม้ตัวแทนของเรื่องราว และปรัชญาชีวิตที่แฝงไว้ในสวนอย่างมีความสุข

สนนราคา ผักบุ้งกรอบ 149 บาท, ปลาอินทรีย์ทอดน้ำปลา 249 บาท, กุ้งคั่วพริกเกลือ 189 บาท, แกงคั่วกระดูกอ่อน 179 บาท และ ขนมปํา 25 บาท เครื่องดื่ม บลูสกายโซดา 75 บาท และ กาแฟลาเต้มะพร้าวน้ำหอม 89 บาท ร้าน “Untill Today” เปิดวันอังคาร-วันอาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 10.00-19.00 น. หยุดวันจันทร์ โทรศัพท์ 08–1920– 6596 และ Facebook : Untill Today Coffee.

คุณชายแป๊ะ