เดือนเมษายน...หรือเดือนที่ 4 ของปี เวียนมาถึงแล้วนะครับ...และแน่นอนเทศกาลใหญ่ที่พี่น้องชาวไทยทั่วประเทศรอคอยอยู่สำหรับเดือนนี้ก็คือ “เทศกาลปีใหม่” แบบไทยๆ หรือเทศกาลสงกรานต์นั่นเอง
บรรพชนไทยของเราจะมีประเพณีทั้งสรงน้ำพระและรดน้ำดำหัวมาตั้งแต่เมื่อไรยังไม่มีหลักฐานระบุไว้ชัดเจนนัก รู้แต่ว่ามีมานานมาก มีมาก่อน 80 ปี ซึ่งเป็นอายุของหัวหน้าทีมซอกแซกแน่ๆ เพราะเท่าที่จำความได้ตอนอายุ 4 ขวบ 5 ขวบ ก็เห็นพี่ๆ น้องๆ และเพื่อนบ้านที่จังหวัดนครสวรรค์ทำบุญตักบาตรและเล่นสาดน้ำในวันสงกรานต์กันแล้ว
ซึ่งก็ต้องขอบคุณพี่น้องชาวไทยทุกรุ่นที่ช่วยกันรักษาและต่อยอดจนประเพณีสงกรานต์ของบ้านเรามีอายุยืนยาวมาถึงปัจจุบัน และเชื่อได้ว่าจะยืนยงต่อไปในอนาคตโดยไม่มีที่สิ้นสุด
แม้จะมีหลักฐานว่าผู้คนในอุษาคเนย์ล้วนแต่มีประเพณีสงกรานต์กันทั้งสิ้น แต่ก็ต้องยอมรับอย่างไม่เข้าข้างตัวเองว่าของเรานั้นยิ่งใหญ่เกรียงไกรสนุกสนานได้ทั้งอรรถรสแห่งโบราณกาลผสมผสานกับสมัยใหม่เหนือกว่าสงกรานต์ของประเทศใดๆทั้งสิ้น
จนเป็นที่เลื่องลือและคาดหมายกันว่าในช่วงเทศกาลของปี 2566 ที่จะมาถึงนี้จะมีนักท่องเที่ยวต่างประเทศแห่แหนกันมาตักตวงความสุข และความสนุกสนานในบ้านเราอย่างหนาแน่นอีกครั้งหนึ่ง หลังจากที่จัดงานไม่ได้อย่างน้อยก็ 2 ปี ในช่วงโควิด-19 รุกราน
ในขณะที่คนไทยเราเองก็คงเตรียมตัวเตรียมใจที่จะออกเดินทางไปเล่นสงกรานต์ทั่วประเทศดังที่เคยเกิดขึ้นเมื่อก่อนยุคโควิด
งานสงกรานต์ที่ยิ่งใหญ่งานหนึ่งที่ออกมาแถลงข่าวแล้วว่าปีนี้จะกลับมาจัดใหญ่และจัดเต็มอีกครั้ง ทั้งเพื่อพี่น้องชาวไทยเราเองและนักท่องเที่ยวต่างประเทศที่จะหลั่งไหลเข้ามา ...ได้แก่งาน “เทศกาลวิถีน้ำ วิถีไทย” นั่นเอง
...
เมื่อวันพุธที่ 29 มีนาคมที่ผ่านมา ณ วัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร ริมฝั่งเจ้าพระยาใกล้ๆ สะพานสมเด็จพระพุทธยอดฟ้า, คณะกรรมการจัดงานซึ่งนำโดยผู้แทนของ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) หัวเรือใหญ่ร่วมกับพันธมิตรอันได้แก่ผู้แทนของ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย, กระทรวงวัฒนธรรม, กองทัพเรือ และ กรุงเทพมหานคร ฯลฯ ได้ออกมาแถลงข่าวร่วมกันว่า “เทศกาลวิถีน้ำ วิถีไทย ครั้งที่ 8” หรือ “Water Festival 2023” สำหรับสงกรานต์ปีนี้จะมีขึ้นอีกครั้งระหว่างวันที่ 13-16 เมษายน ใน 6 จังหวัดทั่วประเทศไทย
เริ่มจาก กรุงเทพมหานคร เมืองหลวงของประเทศ ไปจนถึง ภาคเหนือ ที่จังหวัด เชียงใหม่ และ ลำพูน, ภาคอีสาน ที่จังหวัด อุดรธานี และ ขอนแก่น ก่อนจะล่องใต้ไปที่จังหวัด ภูเก็ต ไข่มุกแห่งอันดามัน
สำหรับใน กทม.นั้นจะยึดโยงกับท่านํ้าสำคัญ 11 ท่านํ้าของแม่นํ้าเจ้าพระยาเช่นเคย ซึ่งจะมีทั้งท่าวัดเก่าแก่คู่บ้านคู่เมือง และศูนย์การค้าริมนํ้าที่มีชื่อเสียง
โดยในแต่ละวันระหว่าง 13-16 เมษายน จะมีเรือโดยสารนำพี่น้องประชาชนจากท่าหนึ่งไปยังอีกท่าหนึ่ง โดยไม่คิดค่าโดยสารตลอดทั้งวัน เพื่อให้ประชาชนแวะขึ้นไหว้พระ สรงนํ้าพระตามวัดต่างๆ รวมทั้งร่วมสนุกสนานกับบรรยากาศ สงกรานต์ริมนํ้าต่างๆ
ในส่วนของวัดวาอารามนั้น ได้แก่ วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม, วัดอรุณราชวราราม, วัดกัลยาณมิตร, วัดประยุรวงศาวาส, วัดระฆัง โฆสิตาราม รวม 5 วัดด้วยกัน
ส่วนท่าเอกชนหรือท่าศูนย์การค้า ก็ได้แก่ เอเชียทีคเดอะริเวอร์ฟร้อนท์, ท่ามหาราช, ท่ายอดพิมาน, เดอะล้ง 1919, ไอคอนสยาม และ ศาลเจ้ากวนอูคลองสาน รวมทั้งหมด 6 ท่า หรือ 6 ที่ เป็นทั้งสิ้น 11 ท่า หรือ 11 ที่พอดิบพอดี
ทุกๆท่านํ้าจะมีการจัดกิจกรรมเกี่ยวกับสงกรานต์ พร้อมการแสดงวัฒนธรรมประเพณีของชุมชนท้องถิ่น ให้พี่น้องประชาชนต่างถิ่นที่ไปเยี่ยม เยือนบังเกิดความประทับใจไปอีกนานแสนนาน
กล่าวไปแล้วรูปแบบของการจัดงานก็คล้ายกับเทศกาล “วิถีนํ้า วิถีไทย” ในช่วง “ลอย กระทง” นั่นเอง เพราะถ้าจะว่าไปทั้ง 2 เทศกาลนี้ต่างก็อิงอยู่ กับ “นํ้า” เป็นหลักทั้งคู่
ต่างกันบ้างในกรณี ของวัด ซึ่งจะมีการอัญเชิญพระพุทธรูปประจำวัด หรือพระอาราม มาให้กราบไหว้บูชาและสรงนํ้ากันอย่างใกล้ชิด
ส่วนทาง ภาคเหนือ ที่ เชียงใหม่ นั้น จะจัด ณ บ้านโบราณเชียงใหม่ ถนนเจริญประเทศ จังหวัดเชียงใหม่ ด้วยประเพณีรดนํ้าดำหัวอันยิ่งใหญ่ และการแสดงพื้นเมืองมากมายครบถ้วน
ที่ ลำพูน ก็จะมีการแสดงต่างๆรอบๆเมือง และที่วัดพระธาตุหริภุญชัย รวมทั้งการจำหน่ายสินค้าพื้นเมืองที่ถนนอินทยงยศ
ที่ อีสาน ยังคงจัดที่ วัดสระแก้ว และลานวัฒนธรรมมรดกโลก บ้านเชียง จังหวัดอุดรธานี เช่นเดียวกับปีก่อนๆ ส่วนที่ ขอนแก่น จะจัด ณ วัดไชยศรี ด้วยการทำบุญสงกรานต์ และสืบสานประเพณีโบราณอันยิ่งใหญ่ของพี่น้องขอนแก่นที่จะนำความประทับใจมาสู่ผู้ไปเยือนอย่างยากจะลืม
สุดท้ายที่ ภูเก็ต จะจัด ณ วัดไม้ขาว และ Phuket old Town สนามหน้าชาร์เตอร์ (เมืองเก่าภูเก็ต) ด้วย วัฒนธรรมประเพณีดั้งเดิมของชาวภูเก็ตขนานแท้
นี่คือบทสรุปโดยย่อของการจัดงาน“เทศกาลวิถีนํ้า วิถีไทย” ครั้งที่ 8 เฉลิมฉลองมหาสงกรานต์ 2566 ในพื้นที่จัดงานทั้ง 6 จังหวัด
เสียดายที่ทีมงานซอกแซกไม่สามารถจะแนะนำรายละเอียด (ซึ่งยังมีอีกมากๆ) ได้มากไปกว่านี้...เอาเป็นสรุปว่า 13–16 เมษายน...ใครอยู่ใกล้สถานที่จัดงานใดใน 6 จังหวัดที่ว่านี้ อย่าลืมแวะไปร่วมบุญร่วมสนุกสนานและร่วมสืบสานประเพณีอันยิ่งใหญ่ของไทยเราให้อยู่ยั้งยั่งยืนสืบไปอีกนานแสนนาน เป็นขุมทรัพย์ “ซอฟต์ เพาเวอร์” ที่ใช้ไม่มีวันหมด ว่างั้นเถอะ.
...
“ซูม”