“เปลี่ยนขยะเป็นพลังงาน”

Sustainability

ความยั่งยืน20 ธ.ค. 2568 04:05 น.

ปัญหาขยะ เป็นปัญหาของคนทั้งโลกใบนี้...และเป็นปัญหาเรื้อรังที่สำคัญ...ส่งผลกระทบในวงกว้างต่อสิ่งแวดล้อม สุขภาพ เศรษฐกิจและสังคม

ตามข้อมูลเบื้องต้นเมื่อปี 2566 ประเทศไทยมีปริมาณขยะมูลฝอยสูงถึง 26.95 ล้านตัน จากวันนั้นจนถึงวันนี้ เชื่อว่าปริมาณขยะมูลฝอยในประเทศไทยน่าจะทะลุ 40 ล้านตันไปแล้ว

คอลัมน์ Sustainable together หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ สัปดาห์นี้ ได้มีโอกาสอ่านเรื่องราวการจัดการขยะครบวงจรของศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ถือเป็นเรื่องราวดีๆที่จะร่วมด้วยช่วยกัน ลดปริมาณขยะบนโลกใบนี้ และเปลี่ยนจากขยะให้เป็นพลังงานมีค่า

โดยนายสุรพล อุทินทุ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็น. ซี. ซี. แมนเนจเม้นท์ แอนด์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ได้ลงนามความร่วมมือกับนายฉลอง ลิ่มสุนทรากุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอส ซี ไอ อีโค่ เซอร์วิสเซส จำกัด (SCIeco) ในเครือเอสซีจี เพื่อยกระดับระบบการจัดการขยะภายในศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ไปสู่โมเดล “Waste-to-Value” ผ่านเทคโนโลยีการแปรรูปขยะทั่วไปให้เป็นเชื้อเพลิงทดแทน ซึ่งช่วยลดปริมาณขยะที่จะเข้าสู่หลุมฝังกลบ พร้อมเดินหน้าสู่เป้าหมาย Net Zero ในปี 2050

และความร่วมมือนี้สะท้อนเจตนารมณ์ร่วมของทั้งสององค์กรในการขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงด้านสิ่งแวดล้อมที่วัดผลได้จริง และเป็นอีกก้าวสำคัญของอุตสาหกรรมไมซ์ไทย ในการผลักดันประเทศไทยสู่เศรษฐกิจคาร์บอนต่ำอย่างยั่งยืน

อีกทั้งยังเป็นการตอกย้ำบทบาทของศูนย์ฯ สิริกิติ์ ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) ให้กับอุตสาหกรรมไมซ์ไทย โดยศูนย์สิริกิติ์จะเป็นศูนย์ประชุมแห่งแรกของประเทศไทยที่นำระบบแปรรูปขยะ ทั่วไปเป็นพลังงานนำมาใช้จริง สร้างการเปลี่ยนแปลง ด้านสิ่งแวดล้อมอย่างเป็นรูปธรรม และผลักดันแนวคิดความยั่งยืนให้เกิดขึ้นในอุตสาหกรรมไมซ์อย่างแท้จริง

“การสร้างความยั่งยืนของอุตสาหกรรมไมซ์ ต้องเริ่มจากฐานโครงสร้างการบริหารจัดการ ไม่ใช่เพียงการรณรงค์ในระดับกิจกรรม ความร่วมมือครั้งนี้คือก้าวสำคัญในการปรับระบบตั้งแต่ต้นทางของการจัดการขยะ เพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และเดินหน้าไปสู่เป้าหมาย Net Zero อย่างมั่นคง” นายสุรพลกล่าว

โดยตลอด 3 ปีที่ผ่านมา ศูนย์ฯสิริกิติ์ได้พัฒนามาตรการด้านความยั่งยืนอย่างต่อเนื่อง ทั้งภายในและภายนอกองค์กร ไม่ว่าจะเป็นการจัดทำระบบมาตรฐานสากล ISO 14064-1 และ Carbon Footprint for Organization (CFO) ซึ่งล้วนเป็นมาตรฐานสำหรับการวัดปริมาณและการรายงานการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกขององค์กร การร่วมมือกับองค์กรภายนอกในการนำอาหารส่วนเกินกลับมาใช้ให้เกิดประโยชน์ และด้วยความทุ่มเทดังกล่าวทำให้ศูนย์ฯสิริกิติ์ได้รับรางวัลด้านความยั่งยืนทั้งในระดับประเทศและระดับสากล ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญที่ผลักดันองค์กรสู่เป้าหมาย Net Zero 2050 อย่างเป็นรูปธรรม

“เรามองว่าขยะไม่ใช่ภาระแต่เป็นทรัพยากรที่ยังมีคุณค่าซ่อนอยู่ การแปรรูปขยะทั่วไปให้เป็นพลังงานทดแทน คือการคืนคุณค่าให้ทรัพยากรกลับเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจหมุนเวียน ศูนย์ฯสิริกิติ์เป็นศูนย์การประชุมแรกในประเทศไทยที่เราร่วมมือ ด้วยเล็งเห็นศักยภาพในการพัฒนาระบบจัดการขยะในระดับปฏิบัติการจริง ตั้งแต่ขั้นตอนคัดแยก รวบรวมจัดเก็บ ไปจนถึงการส่งต่อ เพื่อแปรรูปเป็นพลังงานอย่างครบวงจร ความร่วมมือครั้งนี้จะเป็นต้นแบบสำคัญให้อุตสาหกรรมไมซ์ในการยกระดับมาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อม และขับเคลื่อนประเทศไทยสู่ระบบเศรษฐกิจหมุนเวียนอย่างยั่งยืน” นายฉลองกล่าว.

SHARE

Follow us

  • |