• Future Perfect
  • Articles
  • โครงข่ายสีเขียวของเอไอเอสบนผืนดินอีสาน

โครงข่ายสีเขียวของเอไอเอสบนผืนดินอีสาน

Sustainability

ความยั่งยืน15 พ.ย. 2568 04:50 น.

การปล่อยมลพิษจากอุตสาหกรรมโทรศัพท์มือถือคิดเป็นสัดส่วน 0.4% ของการปล่อยมลพิษทั่วโลก แต่วิถีดิจิทัล ซึ่งมีอุตสาหกรรมมือถือเป็นรากเหง้าแห่งการขับเคลื่อน กลับสามารถช่วยให้อุตสาหกรรมหลากหลายลดการปล่อยมลพิษลงได้มากกว่า 10 เท่าของที่ภาคอุตสาหกรรมมือถือปล่อยมลพิษออกมา (ข้อมูลจากสมาคมจีเอสเอ็ม (GSMA) และองค์กรอิสระด้านสิ่งแวดล้อม Carbon Trust)

ในฐานะผู้ให้บริการมือถือรายใหญ่ของประเทศ 1 ในภารกิจหลักของบริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือเอไอเอสคือการรับผิดชอบต่อสังคม ทั้งการจัดการกับขยะอิเล็กทรอนิกส์และการปรับลดผลกระทบที่จะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศ

ช่วงที่ผ่านมานอกจากการจัดเก็บและทำลายทิ้งขยะอิเล็กทรอนิกส์อย่างถูกวิธีไปแล้วจำนวน 1.2 ล้านชิ้น การประกอบธุรกิจด้วยพลังงานสะอาดยังเป็นอีกภารกิจสำคัญ

ที่ภาคอีสาน พื้นที่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศ ซึ่งกว้างใหญ่ที่สุด คิดเป็น 1 ใน 3 ของพื้นที่ประเทศไทย ครอบคลุม 20 จังหวัด มีที่ราบสูงมากที่สุด สูงเฉลี่ย 90-200 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล อีสานจึงเป็นหมุดหมายสำคัญของการใช้แสงอาทิตย์ (โซลาร์เซลล์) เป็นพลังงานหลักในการทำงานของสถานีฐานเอไอเอสในภาคอีสาน

วสิษฐ์ วัฒนศัพท์ หัวหน้าหน่วยธุรกิจปฏิบัติการและสนับสนุนด้านเทคนิคทั่วประเทศ เอไอเอส เปิดเผยว่า พื้นที่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลางตอนบน และภาคตะวันออกของประเทศไทย มีศักยภาพสูงในการผลิตไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์ โดยหากโฟกัสเฉพาะภาคอีสาน พื้นที่จังหวัดนครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ และศรีสะเกษ มีความเข้มของรังสีรวมค่อนข้างสูง เหมาะที่จะนำพลังงานสะอาดเหล่านี้มาใช้ทดแทนแหล่งพลังงานจากฟอสซิล (น้ำมัน)

เอไอเอสเริ่มติดตั้งโซลาร์เซลล์ที่สถานีฐานมาตั้งแต่ปี 2563 ปีที่แล้ว 2567 เอไอเอสมีสถานีฐานที่ติดตั้งโซลาร์เซลล์ที่ 13,688 สถานี ส่วนภายในสิ้นปี 2568 จะมีสถานีฐานที่ติดตั้งโซลาร์เซลล์ ทั้งสิ้น 15,458 สถานีฐาน โดย 1 ใน 3 ของจำนวนสถานีฐานโซลาร์เซลล์ทั้งหมดอยู่ในภาคอีสาน มากที่สุดในประเทศด้วยจำนวน 4,512 สถานีในปี 2567 และ 5,061 สถานีภายในสิ้นปี 2568

นอกจากติดตั้งที่สถานีฐานแล้ว ยังมีการนำโซลาร์ฟาร์ม (Solar Farm) มาใช้เป็นพลังงานทดแทนที่ดาต้าเซ็นเตอร์ จังหวัดขอนแก่น ซึ่งเป็นสถานีที่ที่ใช้พลังงานไฟฟ้าสูงมาก เพื่อลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนจากพึ่งพิงการใช้พลังงานจากฟอสซิลเพียงอย่างเดียว

การใช้พลังงานแสงอาทิตย์สะท้อนภารกิจโครงข่ายสีเขียว (Green Network) ทำให้เอไอเอสสามารถลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนจากโครงการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ (power saving project) จำนวน 1,694 ตันคาร์บอน หรือเทียบเท่า ลดการปล่อยก๊าซ CO2 จากโครงการพลังงานทดแทน (Renewable energy) จำนวน 9,067 ตันคาร์บอน หรือเทียบเท่า

ทำให้ภาพรวมของภาคอีสานในปี 2568 สามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ 10,761 ตันคาร์บอน หรือเทียบเท่า

อย่างไรก็ตาม โซลาร์เซลล์ยังมีข้อจำกัด เช่น มีช่วงที่ผลิตไฟได้มากที่สุดประมาณ 5 ชั่วโมงต่อวัน (ประมาณ 10.00-15.00 น.) แล้วแต่พื้นที่และฤดูกาล, พื้นที่ติดตั้งจำกัดจึงต้องออกแบบให้รับแสงให้ดีที่สุด โดยพื้นที่ในไทยจะต้องหันแผงไปทางทิศใต้ และมีมุมเอียงอยู่ประมาณ 10-15 องศา จะเป็นมุมที่รับแสงอาทิตย์ได้ดีที่สุด, ระบบกักเก็บพลังงานยังมีราคาสูงอยู่มาก โดยรวมเป็นการลงทุนที่สูงกว่าสถานีฐานที่ใช้พลังงานน้ำมัน แต่เอไอเอสถือเป็นพันธกิจที่ต้องเดินหน้าเพื่อรักษาสภาพแวดล้อมที่ดีให้กับประเทศ.

SHARE

Follow us

  • |