วิกฤติโลก ทางออกไทย

Sustainability

ความยั่งยืน27 ก.ย. 2568 06:35 น.

ท่ามกลางความท้าทายรอบด้าน ทั้งวิกฤติเศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม และภูมิรัฐศาสตร์โลก มูลนิธิแม่ฟ้าหลวง ในพระบรมราชูปถัมภ์ ได้เปิดเวทีเสวนาแห่งปี MFLF Sustainability Forum 2025 ภายใต้แนวคิด “วิกฤติโลก ทางออกไทย” (Global Challenges, Local Solutions at Scale) โดยมุ่งหวังให้เป็นพื้นที่ระดมความคิด และแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ด้านความยั่งยืน

งานนี้จัดขึ้นที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ เมื่อวันที่ 22 ก.ย.2568 โดยมี ท่านผู้หญิงบุตรี วีระไวทยะ ประธานกรรมการมูลนิธิ เป็นประธานเปิดงาน และมีผู้แทนจากภาครัฐ ภาคเอกชน และชุมชน เข้าร่วมอย่างคับคั่ง

ดร.พิรุณ สัยยะสิทธิ์พานิช อธิบดีกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า โลกและประเทศไทยกำลังเผชิญกับความท้าทายรอบด้าน ทั้งจากความขัดแย้งทางการเมือง การค้า และกฎระเบียบสากลที่เข้มงวดขึ้น ขณะเดียวกัน วิกฤติสิ่งแวดล้อม เช่น การสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพและไฟป่ากว่า 42 ล้านไร่ทั่วโลก กำลังกดดันเศรษฐกิจฐานรากของไทย แม้พื้นที่ป่าไม้ในประเทศจะลดลงช้ากว่าหลายภูมิภาค แต่หากไม่มีมาตรการเชิงรุก ประเทศไทยอาจปรับตัวไม่ทัน

หม่อมหลวงดิศปนัดดา ดิศกุล เลขาธิการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร มูลนิธิแม่ฟ้าหลวงฯ ได้เน้นย้ำถึงบทบาทสำคัญของชุมชนในการขับเคลื่อนความยั่งยืน โดยเผยว่าการส่งมอบคาร์บอนเครดิตจากป่าชุมชนในปีนี้เกินกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ถึง 4 เท่า สะท้อนถึงผลลัพธ์จากการ

ทำงานหนักและความร่วมมือของชุมชน การทำงานแบบเดิมๆ หรือ Business As Usual (BAU) ไม่พออีกต่อไป การขับเคลื่อนความยั่งยืนต้องมองให้ลึกกว่าเดิม และไม่เพียงแค่ในมิติสิ่งแวดล้อม แต่ต้องครอบคลุมถึงมิติความเป็นอยู่ที่ดี (well-being) ของทุกคน นอกจากนี้ ยังควรคว้าโอกาสจากปัญหาด้วยการลงทุนใน nature credits พร้อมพิสูจน์ด้วยผลลัพธ์ที่จับต้องได้ โดยเฉพาะในภาคการเกษตรซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของประเทศ หากเพิ่มประสิทธิภาพและความสามารถในการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศได้ จะสามารถสร้างและกระจายรายได้ในวงกว้าง

ต่อจากนั้นเป็นเวทีเสวนาหลักในงานแบ่งออกเป็น 3 ช่วง โดยช่วงที่ 1 “วิกฤติโลก ทางออกไทย” ชี้ให้เห็นว่าความยั่งยืนและการเติบโตทางเศรษฐกิจสามารถไปด้วยกันได้ผ่านการ “รีบาลานซ์” ระหว่างผลกำไรกับผลกระทบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม พร้อมแนะนำให้ลงทุนในเศรษฐกิจสีเขียวเพื่อสร้างการเติบโตใหม่

ช่วงที่ 2 “กุญแจสู่การอยู่รอดของคนและธรรมชาติ”: ผู้เสวนาเน้นย้ำถึงบทบาทสำคัญของภาคป่าไม้ต่อเป้าหมาย Net Zero ของประเทศ การลงทุนในนวัตกรรมทางการเงิน เช่น blended finance และการกำหนดตัวชี้วัดที่ชัดเจน จะช่วยสร้างผลลัพธ์หลายด้าน ทั้งลดก๊าซเรือนกระจกและรักษาความหลากหลายทางชีวภาพ

ช่วงที่ 3 “เสวนาพิเศษ”: ตัวแทนชุมชน ได้เล่าประสบการณ์ตรงที่การจัดการป่าอย่างเป็นระบบช่วยให้คนกับธรรมชาติอยู่ร่วมกันได้ในทุกมิติ ด้านเอกชนมองว่าโครงการนี้ตอบโจทย์ทั้งเป้าหมายลดก๊าซเรือนกระจกและการลงทุนที่ยั่งยืน

หนึ่งในวาระสำคัญของงานคือพิธีส่งมอบคาร์บอนเครดิตจำนวน 43,123 ตันคาร์บอน ไดออกไซด์เทียบเท่า (tCO2e) ซึ่งถือเป็นปริมาณคาร์บอนเครดิตจากโครงการอนุรักษ์และฟื้นฟูป่าที่มากที่สุดที่เคยมีการส่งมอบในประเทศไทย คาร์บอนเครดิตนี้มาจากโครงการ “คุณดูแลป่า เราดูแลคุณ” ที่เริ่มมาตั้งแต่ปี 2564 ครอบคลุมพื้นที่ 12 โครงการ ใน 4 จังหวัดภาคเหนือ โดยความสำเร็จนี้เกิดจากความร่วมมือของ 14 หน่วยงานและเครือข่ายป่าชุมชน โดยมีรากฐานมาจากแนวคิด“ปลูกป่า ปลูกคน” ที่มูลนิธิได้ร่วมมือกับกรมป่าไม้และภาคเอกชนกว่า 30 ราย ฟื้นฟูป่าชุมชนไปแล้วกว่า 250,000 ไร่ ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา.


SHARE

Follow us

  • |