• Future Perfect
  • Articles
  • รู้หรือไม่ "กินเจ" อิ่มบุญสุขใจ งดบริโภคเนื้อสัตว์ ช่วยลดโลกร้อนได้

รู้หรือไม่ "กินเจ" อิ่มบุญสุขใจ งดบริโภคเนื้อสัตว์ ช่วยลดโลกร้อนได้

Sustainability

ความยั่งยืน17 ต.ค. 2566 15:11 น.
  • เทศกาลกินเจ 2566 เริ่ม 15-23 ตุลาคม งดบริโภคเนื้อสัตว์ และผักฉุนที่มีกลิ่นแรง 5 ชนิด
  • รู้หรือไม่ "กินเจ" งดบริโภคเนื้อสัตว์ ช่วยลดโลกร้อนได้แบบง่ายๆ  
  • อุตสาหกรรมปศุสัตว์ กับผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม "วัวเพียงตัวเดียว สามารถผลิตก๊าซมีเทน ซึ่งเป็น 1 ในก๊าซเรือนกระจกเฉลี่ย 70-120 กิโลกรัมต่อปี"

เทศกาลกินเจ 2566 ในปีนี้ได้เริ่มขึ้นแล้ว ตั้งวันที่ 15 ตุลาคม 2566 ไปจนถึงวันที่ 23 ตุลาคม 2566 รวมเป็นเวลาทั้งหมด 9 วัน 9 คืน โดยผู้ที่ถือศีลกินเจนั้นจะต้องงดเว้นจากการกินเนื้อสัตว์ ห้ามเสพของมึนเมา รวมทั้งห้ามรับประทานผักฉุนที่มีกลิ่นแรง 5 ชนิด อาทิ กระเทียม หัวหอม กุยช่าย หลักเกียว ใบยาสูบ และทำจิตใจให้สงบ สำรวมกาย วาจา ใจ ไม่พูดจาหยาบคาย 

แต่รู้หรือไม่ว่า การกินเจ นอกจากได้บุญแล้วยังรักษ์โลกด้วย เนื่องจากหนึ่งในสาเหตุที่มีผลทำให้ "โลกร้อน" เป็นอันดับต้นๆ คือ การทำปศุสัตว์ 

การทำปศุสัตว์ ทำให้โลกร้อนได้อย่างไร

อย่างที่ทราบกันว่า "กินเจ" คือ การไม่รับประทานเนื้อสัตว์ หลายคนอาจยังไม่ทราบว่าการผลิตเนื้อสัตว์มาเป็นอาหารให้ประชากรโลกได้รับประทานกัน ไม่ว่าจะเป็นเนื้อวัว เนื้อหมู เนื้อไก่ เนื้อแกะ รวมไปถึงวัตถุดิบอย่าง นม ไข่ และอาหารทะเล ล้วนส่งผลก่อให้เกิดก๊าซมีเทน ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้เกิดภาวะเรือนกระจกทำให้โลกร้อน เป็นอันดับ 2 รองจากก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์

การทำปศุสัตว์ ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

ในการทำอุตสาหกรรมปศุสัตว์ โดยเฉพาะการทำฟาร์มขนาดใหญ่บางแห่งจำเป็นต้องตัดต้นไม้ เพื่อใช้พื้นที่ในการเลี้ยงสัตว์ที่มีจำนวนมาก รวมไปถึงพื้นที่ในการเพาะปลูกธัญพืชต่างๆ นำมาใช้เลี้ยงสัตว์ด้วย 

นอกจากนี้ การทำอุตสาหกรรมสัตว์ ยังส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เช่น การปล่อยน้ำเสียลงแม่น้ำ ไม่ว่าจะเป็นการทำอาหาร หรือการทำความสะอาดคอกสัตว์ 

จากรายงานผลวิจัยที่ประเมินอุตสาหกรรมปศุสัตว์ทั่วโลกพบว่า อุตสาหกรรมปศุสัตว์มีส่วนทำให้เกิดก๊าซเรือนกระจกประมาณ 14% หรือเทียบเท่ากับการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของภาคคมนาคมขนส่งทุกประเภท ซึ่งก๊าซเรือนกระจกส่วนใหญ่ที่ปล่อยออกมาคือ "ก๊าซมีเทน" ที่มาจากการผายลม และการเรอของสัตว์เคี้ยวเอื้อง โดยวัวเพียงตัวเดียวสามารถผลิตก๊าซมีเทนได้เฉลี่ย 70-120 กิโลกรัมต่อปี ซึ่งทั่วโลกมีวัวอยู่ประมาณ 1,500 ล้านตัว

จากการประชุมออนไลน์ United Nation Framework Convention on Climate Change Dialogues หรือ UNFCCC Climate Change Dialogues ซึ่งเป็นเวทีในการแลกเปลี่ยนการดำเนินงานของรัฐภาคีภายใต้อนุสัญญาสหประชาชาติ ว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในประเด็นต่างๆ จากการรายงานขององค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO) คาดการณ์ว่า การบริโภคโปรตีนที่มาจากเนื้อสัตว์ทั่วโลกจะมีสัดส่วนเพิ่มมากขึ้นเป็นร้อยละ 50 ในปี 2593 ซึ่งปัจจุบันภาคปศุสัตว์มีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกค่อนข้างสูง 

ดังนั้นหลายประเทศจึงได้ปรับปรุงระบบการผลิตสินค้าปศุสัตว์ เช่น การปรับปรุงคุณภาพอาหารสัตว์ที่ให้เนื้อสัตว์เพิ่มมากขึ้น การผลิตก๊าซชีวภาพจากมูลสัตว์ การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีในฟาร์ม การคิดค้นนวัตกรรมในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากภาคปศุสัตว์

จากปัญหาดังกล่าวมีรายงานว่า บิล เกตส์ ผู้ร่วมก่อตั้งไมโครซอฟท์ ตัดสินใจทุ่มเงินลงทุนใน "รูมินเอท" บริษัทสตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยีสภาพอากาศในเมืองเพิร์ทของออสเตรเลีย ที่มีแผนลดการปล่อยก๊าซมีเทนจากการเรอของวัว ซึ่งทางบริษัทกำลังพัฒนาผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่ทำขึ้นเลียนแบบ "สาหร่ายสีแดง" ซึ่งมีคุณสมบัติพิเศษสามารถช่วยหยุดการผลิตก๊าซมีเทนในสัตว์ได้ ดังนั้นหากโครงการนี้มีความสำเร็จก้าวหน้า น่าจะเป็นผลดีกับทุกฝ่าย 

แนวทางลดโลกร้อน

แต่ใช่ว่าการไม่รับประทานเนื้อสัตว์จะเป็นวิธีเดียวในการช่วยลดภาวะโลกร้อน เช่นเดียวกับ การกินเจ ที่นอกจากจะงดการบริโภคเนื้อสัตว์แล้ว ยังต้องปฏิบัติตัวเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมควบคู่ไปด้วย ก็จะส่งผลดีมากขึ้น เช่น

  • การเพิ่มพื้นที่สีเขียว หรือช่วยกันปกป้องผืนป่า เนื่องจากต้นไม้จะช่วยที่ดูดซับคาร์บอน
  • หลัก 3R ได้แก่ Reduce (การลดการใช้เพิ่ม) Reuse (การใช้ซ้ำจนกว่าจะหมดสภาพการใช้งาน) และ Recycle (การนำกลับมาใช้ใหม่โดยการแปรสภาพ)
  • ลดการใช้พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้ง
  • ใช้ขนส่งสาธารณะเพื่อลดการใช้รถยนต์ส่วนตัว
  • ลดการรับประทานอาหารแช่แข็ง เนื่องจากกระบวนการผลิต การเก็บรักษา ไปจนถึงการขนส่งอาการแช่แข็ง ค่อนข้างใช้พลังงานปริมาณมาก และก่อให้เกิดก๊าซพิษ ที่สำคัญยังเป็นการสร้างขยะพลาสติก
  • Zero Food Waste หรือ จัดการขยะอาหารให้เหลือทิ้งน้อยที่สุด 
SHARE

Follow us

  • |