- บริษัทในซาอุดีอาระเบีย และบริษัทต่างชาติ 16 แห่ง เข้าร่วมการประมูล โดยอารามโค (Aramco), ซาอุดี อิเล็กทริกซิตี คอมปานี (Saudi Electricity Company: SEC) และอีโนวา (ENOWA) ซึ่งเป็นบริษัทในเครือนีอุม (NEOM) ซื้อคาร์บอนเครดิตเป็นจำนวนมากที่สุด
- งานประมูลนำเสนอคาร์บอนเครดิตคุณภาพสูงที่เข้าเกณฑ์โครงการการชดเชยและการลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในภาคการบินระหว่างประเทศ (Carbon Offsetting and Reduction Scheme for International Aviation: CORSIA) และจดทะเบียนกับเวอร์รา (Verra)
- งานประมูลทำลายสถิติของงานประมูลคาร์บอนเครดิตแบบภาคสมัครใจครั้งก่อนในเดือนตุลาคม 2565 ซึ่งมีการขายคาร์บอนเครดิต 1.4 ล้านตัน
ภาวะโลกร้อน เป็นวิกฤตการณ์ที่ไม่อาจมองข้ามได้ ซึ่งหลายปีที่ผ่านมาทั่วโลกได้ตระหนักถึงความสำคัญด้านสิ่งแวดล้อม ทำให้ "คาร์บอนเครดิต" กลายเป็นคนที่ถูกพูดถึงมากขึ้นตามไปด้วย
ซึ่ง "คาร์บอนเครดิต" ก็คือ ปริมาณก๊าซเรือนกระจก หรือจำนวนคาร์บอนไดออกไซด์ ที่กำหนดให้บริษัทสามารถปล่อยได้ต่อปี หากปล่อยมลภาวะน้อยกว่าเกณฑ์ที่กำหนด ก็สามารถนำส่วนต่างไปจำหน่ายให้กับบริษัทอื่นๆ ในภาคอุตสาหกรรมได้ ซึ่งสิ่งนี้นี่เองที่เราเรียกว่า "คาร์บอนเครดิต" โดยการซื้อขายคาร์บอนเครดิตถูกนำมาใช้เป็นแรงจูงใจและเป็นส่วนหนึ่งของกลไกตลาดเพื่อโน้มน้าวให้โรงงานอุตสาหกรรมและผู้ผลิตรายใหญ่ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนฯ
โดยล่าสุดมีรายงานว่า ในงานประมูลคาร์บอนเครดิตแบบภาคสมัครใจที่ใหญ่ที่สุดที่เคยมีมา ซึ่งจัดขึ้นในกรุงไนโรบี ประเทศเคนยา เมื่อวันที่ 14 มิถุนายน 2566 บริษัทรีจินอล โวลันทารี คาร์บอน มาร์เกต คอมปานี (Regional Voluntary Carbon Market Company: RVCMC) ได้ประกาศความสำเร็จในการประมูลคาร์บอนเครดิตกว่า 2.2 ล้านตัน
งานประมูลดังกล่าวเป็นการนำเสนอคาร์บอนเครดิตคุณภาพสูงที่เข้าเกณฑ์ CORSIA และจดทะเบียนกับ Verra ซึ่งช่วยให้ผู้ซื้อที่ดำเนินธุรกิจในอุตสาหกรรมต่างๆ มีส่วนร่วมในการเปลี่ยนผ่านทั่วโลก ซึ่ง RVCMC มุ่งมั่นที่จะรับประกันว่าการซื้อคาร์บอนเครดิตแบบภาคสมัครใจนั้นไปไกลกว่าการลดการปล่อยมลพิษอย่างมีนัยสำคัญภายในห่วงโซ่คุณค่า
ทั้งนี้พบว่าหน่วยงานระดับภูมิภาคและระหว่างประเทศของซาอุดีอาระเบีย 16 แห่งเข้าร่วมการประมูล โดยอารามโค (Aramco), ซาอุดี อิเล็กทริกซิตี คอมปานี (SEC) และอีโนวา (ENOWA) ซึ่งเป็นบริษัทในเครือนีอุม (NEOM) ซื้อคาร์บอนเครดิตเป็นจำนวนมากที่สุด ส่วนผู้ประมูลรายอื่นที่ประสบความสำเร็จในการประมูล ได้แก่
- อับดุล ลาตีฟ จามีล (Abdul Latif Jameel)
- ฟรุซ มารีน คอร์ป (Fruiz Marine Corp) (Costamare)
- กอล์ฟ ซาอุดี (GOLF SAUDI)
- ธนาคารกัลฟ์ อินเตอร์เนชันแนล แบงก์ (Gulf International Bank)
- บรรษัทการเงินการค้าระหว่างประเทศอิสลาม (ITFC)
- บริษัท โอลายัน ไฟแนนซิ่ง คอมปานี (Olayan Financing Company)
- ซาอุเดีย (SAUDIA)
- ซาอุดี อาระเบียน ไมน์นิ่ง คอมปานี (Saudi Arabian Mining Company) (MA'ADEN)
- ซาอุดี อารามโค เบส ออย คอมปานี (Saudi Aramco Base Oil Company) (Luberef)
- ซาอุดี เบสิก อินดัสตรีส์ คอร์ปอเรชั่น (Saudi Basic Industries Corporation) (SABIC)
- ธนาคารซาอุดี เนชั่นแนล แบงก์ (Saudi National Bank)
- บริษัทซาอุดี เทเลคอมมูนิเคชัน คอมปานี (Saudi Telecommunication Company) (STC)
- บริษัท ยันบู ซีเมนต์ คอมปานี (Yanbu Cement Company)
ราคาเริ่มต้นประมูลแตะ 23.50 ริยัลซาอุดีอาระเบียต่อคาร์บอนเครดิต 1 ตัน
เครดิตทั้งหมดที่ประมูลประกอบด้วย 18 โครงการที่แสดงถึงการผสมผสานระหว่างการหลีกเลี่ยงและกำจัด CO2 รวมถึงโครงการต่างๆ เช่น การปรับปรุงเตาปรุงอาหารที่สะอาดและโครงการพลังงานหมุนเวียน โดย 3 ใน 4 ของคาร์บอนเครดิตมาจากประเทศต่างๆ ทั่วตะวันออกกลาง, แอฟริกาเหนือ และแอฟริกาใต้สะฮารา ซึ่งรวมถึงเคนยา, ยูกันดา, บุรุนดี, รวันดา, โมร็อกโก, อียิปต์ และแอฟริกาใต้
ความสำเร็จของการประมูลในวันนี้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของซาอุดีอาระเบียในการจัดการกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งสอดคล้องกับโครงการซาอุสีเขียว (Saudi Green Initiative) และวิสัยทัศน์ปี 2573 (Vision 2030)
นอกเหนือจากงานประมูลในวันนี้ RVCMC ได้ลงนามใน MOU 2 ฉบับ โดยลงนามฉบับหนึ่งกับบริษัทเอเวอร์เรดี้ อีสต์ แอฟริกา (Eveready East Africa Plc) และอีกฉบับกับบริษัทคาร์บอน วิสต้า ไนจีเรีย (Carbon Vista Nigeria LP) เพื่อสร้างโครงการคาร์บอนคุณภาพสูงที่สร้างผลกระทบในเคนยา, ไนจีเรีย และที่อื่นๆ ซึ่งตอกย้ำความมุ่งมั่นที่สำคัญระหว่าง RVCMC และสถาบันหลักของแอฟริกา
คุณริฮัม เอลกิซี่ (Riham ElGizy) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ RVCMC กล่าวว่า "เราจำเป็นต้องใช้ทุกเครื่องมือที่มีอยู่เพื่อรับมือกับผลกระทบร้ายแรงจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่กำลังเกิดขึ้น งานประมูลครั้งนี้แสดงให้เห็นถึงบทบาทของตลาดคาร์บอนแบบภาคสมัครใจในการผลักดันเงินทุนไปยังพื้นที่ที่มีความต้องการมากที่สุด เพื่อดำเนินการด้านสภาพอากาศและยกระดับความเป็นอยู่ทั่วทั้งกลุ่มประเทศซีกโลกใต้"
วันนี้เราได้เสร็จสิ้นการประมูลคาร์บอนเครดิตคุณภาพสูงแบบภาคสมัครใจที่ใหญ่สุดเท่าที่เคยมีมา โดยขายได้กว่า 2.2 ล้านตัน สานต่อความสำเร็จจากการประมูล 1.4 ล้านตันในเดือนตุลาคมปีที่ผ่านมา
"เป้าหมายของเราคือการก้าวขึ้นเป็นหนึ่งในตลาดคาร์บอนแบบภาคสมัครใจที่ใหญ่ที่สุดในโลกภายในปี 2573 ซึ่งเป็นตลาดที่สามารถชดเชยการปล่อยคาร์บอนหลายร้อยล้านตันต่อปี และสนับสนุนการบรรลุเป้าหมายการปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ทั่วโลก ความสำเร็จของเราจนถึงปัจจุบันในช่วงเวลาสั้นๆ แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นต่อความสำเร็จในระยะยาว และขีดความสามารถในการบรรลุปณิธานของเรา"
สำหรับ RVCMC ก่อตั้งขึ้นโดยกองทุนพับลิค อินเวสต์เมนต์ ฟันด์ (PIF) และกลุ่มบริษัทซาอุดี ทาดาวุล กรุ๊ป (Saudi Tadawul Group) โดยมีจุดประสงค์เพื่อแนะแนวทางและการจัดหาทรัพยากรเพื่อสนับสนุนธุรกิจและอุตสาหกรรมในภูมิภาคตะวันออกกลางและแอฟริกาเหนือ (MENA) ขณะที่พวกเขามีส่วนร่วมในการเปลี่ยนผ่านทั่วโลกสู่เป้าหมายการปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ ภารกิจของบริษัทคือการสร้างตลาดที่แข็งแกร่งและประสบความสำเร็จสำหรับทั้งการสร้างและการใช้คาร์บอนเครดิตแบบสมัครใจในภูมิภาค MENA และยังมีบทบาทสำคัญในการช่วยเปลี่ยนผ่านไปสู่เศรษฐกิจคาร์บอนต่ำทั่วโลก.
