การดูแลเรื่องอาการข้างเคียงจากการใช้ยารักษามะเร็งไตแบบเฉพาะเจาะจงมุ่งเป้าการรักษา

1.อาการข้างเคียงทั่วไปที่พบได้บ่อย

          1.1 อาการทางผิวหนังที่ฝ่ามือฝ่าเท้า โดยพบในการรักษาด้วยยาออกฤทธิ์ยับยั้ง การสร้างเส้นเลือดที่ไปเลี้ยงเซลล์มะเร็ง โดยพบว่าอาจมีความรุนแรงน้อย เช่น ผิวหนังแห้ง ผิวลอก หรือผิวแตกเป็นแผลได้ โดยในผู้ป่วยบางรายพบลักษณะผิวหนังเป็นลักษณะตุ่มนูนคล้ายตาปลาที่ฝ่ามือ ฝ่าเท้า มีอาการเจ็บและรบกวนการดำรงชีวิตในกิจวัตรประจำวัน โดยผลข้างเคียงจะทุเลาและหายเมื่อมีการปรับขนาดยา

การดูแลตนเองเมื่อเกิดผลข้างเคียง

      - การทาโลชั่นผิวหนัง เพื่อลดการแตกแห้งของผิวหนัง

      - การปรับรองเท้าที่ไม่คับแน่นเกิน และสวมรองเท้าที่พื้นรองเท้านุ่มสบาย

      - ปุ่มผิวหนังตาปลา ใช้ครีมผิวหนังยูเรียทา กรณีที่ผลข้างเคียงมีความรุนแรง เช่น เป็นตาปลาหลายตำแหน่งอาจปรึกษาแพทย์ผิวหนัง เพื่อตัดลอกตาปลาออก

      - เมื่อมีผลข้างเคียง ให้ปรึกษาแพทย์ผู้รักษาก่อน เช่น การโทรติดต่อกับทางโรงพยาบาล ไม่แนะนำการหยุดยาเอง เพราะอาจกระทบกับประสิทธิภาพการรักษา และไม่แนะนำในการทนผลข้างเคียงโดยไม่รายงานแพทย์ เพราะอาจมีอันตรายต่อร่างกายได้

          1.2 ผิวหนังและผมเปลี่ยนสี อาจพบภาวะผิวหนังมีสีเหลืองขึ้น ไม่มีอันตรายและไม่ต้องใช้ยารักษาอาการผิวหนังเหลือง นอกจากนี้ผิวหนังจะมีความไวแสง ทำให้ผิวหนังไหม้อักเสบจากแสงแดดได้ง่าย แนะนำการใช้ร่ม หมวกบังแสงแดด หรือการทาครีมกันแดดป้องกัน หลีกเลี่ยงการใช้เครื่องสำอางที่มีส่วนประกอบของแอลกอฮอล์ เพราะอาจมีอาการผิวอักเสบได้ง่าย และอาจพบอาการแพ้ที่ผิวหนังเป็นลักษณะผิวหนังอักเสบหรือเป็นผื่นลมพิษได้ อาการเส้นผมเปลี่ยนสี โดยอาจพบเส้นผมเปลี่ยนเป็นสีขาวได้ ซึ่งไม่มีอันตราย

...

          1.3 อาการอ่อนเพลีย อาจเกิดจากอาการร่วมอื่นๆ ที่ทำให้ผู้ป่วยรู้สึกอ่อนเพลีย ไม่มีกำลัง เช่น อาการโลหิตจาง อาการปวดหรืออาการนอนไม่หลับ จึงควรต้องมีการตรวจค้นเพื่อแก้ไขสาเหตุที่รักษาได้ก่อน สำหรับอาการอ่อนเพลียจากยา อาจใช้การปรับพฤติกรรม เช่น งดการออกแรง ออกกำลังกายที่หนักเกินไป จัดตารางเวลาโดยจัดทำกิจกรรมในช่วงเวลาที่ร่างกายสดชื่นเพื่อทำกิจกรรม และพักผ่อนในเวลาที่ร่างกายรู้สึกอ่อนเพลีย

          1.4 อาการท้องเสีย โดยแพทย์และพยาบาลจะแนะนำผู้ป่วยในการปรับอาหารเป็นอาหารกลุ่มที่ไม่กระตุ้นอาการท้องเสีย เช่น หลีกเลี่ยงอาหารหมักดอง งดการดื่มนมในผู้ป่วยที่แพ้นม โดยยากลุ่มออกฤทธิ์ยับยั้งการสร้างเส้นเลือดที่ไปเลี้ยงเซลล์มะเร็ง อาจทำให้มีอาการถ่ายเหลวเป็นน้ำ แต่จะต่างจากอาการถ่ายเหลวติดเชื้อที่มักมีอาการไข้ ปวดบิดในท้อง หรือถ่ายอุจจาระเป็นมูกเลือด โดยกรณีที่ถ่ายเหลวเป็นน้ำที่เกิดจากยา สามารถใช้ยาลดอาการถ่ายเหลวได้ แต่หากกรณีที่ถ่ายรุนแรง เช่น เกิน 6 ครั้งต่อวัน หรืออาการถ่ายไม่ทุเลาหลังรับประทานยาแล้ว ให้ติดต่อกับทางโรงพยาบาล

          1.5 อาการแผลในปาก มีอาการคล้ายแผลร้อนในในช่องปาก กรณีอาการไม่รุนแรง แนะนำการรับประทานอาหารอ่อน รสไม่จัด และใช้น้ำยาบ้วนปากหรือน้ำเกลือทำความสะอาดช่องปาก แต่ถ้ากรณีที่เป็นรุนแรง เช่น มีปริมาณแผลมาก กระทบการรับประทานอาหาร แนะนำให้ปรึกษาแพทย์ผู้รักษา เพราะอาจต้องมีการปรับขนาดของยา

          1.6 ภาวะความดันโลหิตสูง โดยพบได้ทั้งผู้ป่วยที่มีและผู้ป่วยที่ไม่มีโรคประจำตัวความดันโลหิตสูงมาก่อน โดยในผู้ป่วยที่ได้ยาควบคุมความดันโลหิตเดิม อาจพบว่ามีการควบคุมความดันยากขึ้น ต้องมีการปรับขนาดยา จึงควรมีการตรวจวัดความดันโลหิตระหว่างการใช้ยากลุ่มออกฤทธิ์ยับยั้งการสร้างเส้นเลือดที่ไปเลี้ยงเซลล์มะเร็ง

2. อาการข้างเคียงที่พบได้น้อย แต่อาจมีความรุนแรง

          2.1 อาการเจ็บหน้าอกโรคหลอดเลือดหัวใจอุดตันหรืออาการหัวใจล้มเหลว เป็นภาวะที่พบได้น้อย แต่อาจพบในกลุ่มที่มีความเสี่ยงกับการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจ เช่น ผู้ป่วยเบาหวาน ไขมันในหลอดเลือดสูง ภาวะอ้วน หรือโรคความดันโลหิตสูง กรณีที่ผู้ป่วยใช้ยากลุ่มที่ออกฤทธิ์ยับยั้งการสร้างเส้นเลือดที่ไปเลี้ยงเซลล์มะเร็งแล้วมีอาการเหนื่อย แน่นหน้าอก อาการขาบวมมากขึ้น แนะนำให้แจ้งแพทย์ผู้รักษาทันที

          2.2 การทำงานของฮอร์โมนไทรอยด์ โดยพบในการรักษาด้วยยากลุ่มที่ออกฤทธิ์ยับยั้งการสร้างเส้นเลือดที่ไปเลี้ยงเซลล์มะเร็ง ผู้ป่วยจะมีอาการอ่อนเพลีย รู้สึกไม่มีแรง ซึ่งโดยทั่วไปจะมีการตรวจเลือดประเมินอยู่สม่ำเสมอระหว่างได้รับยา แต่กรณีที่ผู้ป่วยสังเกตว่ามีอาการผิดปกติ แนะนำให้แจ้งแพทย์ผู้รักษาเพื่อทำการตรวจเลือด

...

          2.3 ภาวะปอดอักเสบ ในผู้ป่วยที่ใช้ยากลุ่มออกฤทธิ์ไปยับยั้งกลไกภายในเซลล์ที่เกี่ยวข้องกับการเจริญเติบโตของมะเร็ง เช่น ยาเอเวอร์โรลิมุส อาจพบอาการปอดอักเสบได้ โดยผู้ป่วยจะมีอาการไข้สูง หายใจหอบเหนื่อย แนะนำให้ติดต่อแพทย์ผู้รักษา และอาจมีการตรวจวินิจฉัยอื่นเพิ่มเติม เช่น เอกซเรย์ปอด การตรวจเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ และรับการรักษาภาวะปอดอักเสบในโรงพยาบาล

          2.4 ภาวะน้ำตาลในเลือดสูงและภาวะไขมันในเลือดสูง พบในผู้ป่วยที่ได้รับยากลุ่มออกฤทธิ์ไปยับยั้งกลไกภายในเซลล์ที่เกี่ยวข้องกับการเจริญเติบโตของมะเร็ง เช่น ยาเอเวอร์โรลิมุส จึงต้องมีการตรวจเลือดอย่างสม่ำเสมอ

          2.5 ภาวะตับอักเสบ สังเกตอาการที่สัมพันธ์กับการทำงานที่ผิดปกติของตับคือ อาการดีซ่าน อาการปวดท้องที่บริเวณท้องด้านขวาบน อาการไข้อ่อนเพลียอย่างรุนแรง

          2.6 ภาวะอื่นๆ ที่พบได้ เช่น การรับรสอาหารที่เปลี่ยนไป, การพบจำนวนเม็ดเลือดที่ต่ำลง, ภาวะขาบวม, ภาวะผมร่วง เป็นต้น โดยขอให้ผู้ป่วยติดต่อกับแพทย์ผู้รักษาทันที และไม่ควรหยุดยาเอง

...

การรักษาประคับประคอง

โดยในผู้ป่วยที่มีอาการของโรคมาก สมรรถภาพความแข็งแรงของร่างกายอ่อนแอ ไม่พร้อมกับการรักษาวิธีอื่นๆ หรือโรคดื้อต่อการรักษาหลายๆ ชนิดแล้ว การรักษาประคับประคอง หรือการรักษาแบบพาลลิเอทีฟแคร์ จะมุ่งหวังเพื่อลดอาการโรค เช่น ลดอาการปวดจากโรคมะเร็ง และเป็นการให้คำปรึกษาโดยแพทย์และพยาบาล เพื่อเตรียมความพร้อมทั้งทางร่างกาย จิตใจ และความพร้อมของครอบครัวกับการดำรงชีวิตกับโรคมะเร็งที่ไม่หายขาด โดยมุ่งหวังเพื่อเพิ่มคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยและครอบครัว

อ่านเพิ่มเติม

รู้จัก “โรคมะเร็งไต” (ตอน 1)

รู้จัก “โรคมะเร็งไต” (ตอน 2)

-----------------------------------------------------------------

แหล่งข้อมูล

นพ.พิชัย จันทร์ศรีวงศ์ สาขามะเร็งวิทยา ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล

ขอเชิญร่วมงาน “RIAC 2018”

คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดลจัดงานประชุมวิชาการนานาชาติแห่งปี “Ramathibodi International Academic Conference (RIAC 2018)” ขึ้นระหว่างวันที่ 3-5 กันยายน 2561 ณ โรงแรม แบงค็อก แมริออท มาร์คีส์ ควีนส์ปาร์ค

ในปีนี้มีหัวข้องานประชุมที่น่าสนใจมากมาย อาทิ การรักษาโรคมะเร็งที่ทันสมัย, การประชุมการปลูกถ่าย 2,000 ไต 200 ตับ, การก้าวสู่สังคมผู้สูงอายุ จะมีการดูแลอย่างไร, การรักษาทางศัลยกรรม โดยใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย, การศึกษาวิจัยเรื่องยีนและจีโนม, การประชุมร่วมกับมหาวิทยาลัยโอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น, พ.ท.นพ.ภาคย์ โลหารชุน และทีมนักดำน้ำ มาร่วมเปิดประสบการณ์ช่วย 13 ชีวิต, การรักษาแบบสหสาขาวิชา, นโยบายสาธารณสุขระดับชาติโดยผู้บริหารระดับสูงจากกระทรวงและแพทย์ดีเด่น ซึ่งเป็นศิษย์เก่าแพทย์รามาธิบดี

...

หากมีข้อสงสัยเพิ่มเติม สามารถสอบถามได้ที่โทร. 0-2201-2193, 0-2201-2606, 0-2201-1542

หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.riac2018.com/