จากบทความวันศุกร์ที่แล้ว เราได้ความรู้เรื่องอาการ ชนิด การวินิจฉัย และการรักษาโรคมะเร็งไตด้วยการผ่าตัดไปแล้ว (รู้จัก “โรคมะเร็งไต” (ตอน 1)) ซึ่งยังมีการรักษาโรคไตด้วยวิธีการอื่นๆ อีกคือ การรักษาเพื่อบรรเทาอาการในระยะโรคแพร่กระจาย ได้แก่
@ การฉายรังสี เป็นการบรรเทาอาการ แต่ไม่สามารถทำให้โรคมะเร็งไตหายขาดได้
@ การใช้ยาเคมีบำบัด แต่พบว่ามะเร็งไตเป็นโรคที่ตอบสนองกับยาเคมีบำบัดได้ไม่ดี จึงไม่ใช้ในการรักษามะเร็งไต
@ การให้ยากระตุ้นภูมิ ได้แก่
- ยาอินเตอร์ฟีรอน (Interferon) และยาอินเตอร์ลิวคิน-2 (Interleukin-2) ที่มีข้อมูลทั้งในการรักษาโรคระยะแพร่กระจาย และในการรักษาหลังการผ่าตัดมะเร็งออกทั้งหมด ที่มุ่งหวังเพื่อลดการกลับมาเป็นซ้ำของโรคมะเร็ง แต่เนื่องจากยามีผลข้างเคียงมาก จึงไม่เป็นที่นิยมในการรักษาในปัจจุบัน
- ยากระตุ้นภูมิคุ้มกัน กลุ่ม check point inhibitor เป็นยาที่ใช้ในการรักษามะเร็งที่ดื้อกับการรักษาด้วยยาแบบเฉพาะเจาะจงมุ่งเป้า แต่เนื่องจากเป็นยาชนิดใหม่และยามีราคาแพงมาก
...
@ ยารักษาแบบเฉพาะเจาะจงมุ่งเป้าการรักษา โดยมียาอยู่ 2 กลุ่ม คือ
1. กลุ่มที่ออกฤทธิ์ยับยั้งการสร้างเส้นเลือดที่ไปเลี้ยงเซลล์มะเร็ง มีทั้งยาฉีด เช่น ยาบีวาซิซูแมบ และยารับประทาน เช่น ยาพาโซพานิบ ยาซูนิทินิบ และยาแอคซิทินิบ เป็นต้น ในปัจจุบันยากลุ่มที่ยับยั้งการสร้างเส้นเลือดที่ไปเลี้ยงเซลล์มะเร็งถือว่าเป็นยาหลักในการรักษามะเร็งไต เป็นยาที่มีผลการรักษาที่ดี แต่ยามีผลข้างเคียง เช่น พบความดันโลหิตสูง ภาวะไข่ขาวรั่วในปัสสาวะ ภาวะเลือดออกได้ง่าย เช่น เลือดออกในช่องท้อง การมีแผลผิวหนังที่ฝ่ามือ ฝ่าเท้า และช่องปาก การมีผมและผิวหนังเปลี่ยนสี เช่น ผิวสีเหลืองมากขึ้น การมีภาวะท้องเสียจากยา และการเกิดลิ่มเลือดอุดตันในหลอดเลือดได้ง่าย เป็นต้น
2. กลุ่มยาที่ออกฤทธิ์ไปยับยั้งที่เป็นยารับประทาน กลไกภายในเซลล์ที่เกี่ยวข้องกับการเจริญเติบโตของมะเร็ง เช่น ยาเอเวอร์โรลิมุส ที่เป็นยาชนิดรับประทาน และยาเทมเซอร์โลลิมุส ที่เป็นยาฉีดเข้าทางหลอดเลือด เป็นต้น โดยผลข้างเคียงของยาอาจทำให้มีภาวะน้ำตาลในเลือดและไขมันในเลือดสูง การมีปอดอักเสบจากยา การพบการทำงานไทรอยด์ที่ผิดปกติ และการเสี่ยงต่อการติดเชื้อโรคได้ง่าย
โดยยารักษาแบบเฉพาะเจาะจงมุ่งเป้าการรักษา ใช้ในการรักษาที่มะเร็งมีการแพร่กระจายไปที่อวัยวะอื่น เนื่องจากยามีข้อบ่งชี้ในการรักษาเฉพาะมีผลข้างเคียง และมีค่าใช้จ่ายในการรักษา จึงควรปรึกษาแพทย์ในการรักษา
@ การดูแลตนเอง และการปรับพฤติกรรมเพื่อป้องกันมะเร็งไตกำเริบ โดยควรงดสูบบุหรี่ และปรับพฤติกรรมที่เพิ่มความแข็งแรงของร่างกาย เช่น การรับประทานอาหารครบ 5 หมู่ หลีกเลี่ยงสารก่อมะเร็ง การออกกำลังกาย และการนั่งสมาธิ ซึ่งพบว่าผลของการปรับพฤติกรรม ผู้ป่วยจะมีภูมิคุ้มกันของร่างกายดีขึ้น เมื่อมีข้อสงสัยควรปรึกษาแพทย์ เช่น ข้อสงสัยเกี่ยวกับอาหารที่กระตุ้นให้มะเร็งโตเร็ว คำตอบทางการแพทย์ยังไม่พบอาหารที่กระตุ้นการเติบโตของมะเร็ง ทางการแพทย์จึงแนะนำการรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่
...
-----------------------------------------------------------------
แหล่งข้อมูล
นพ.พิชัย จันทร์ศรีวงศ์ สาขามะเร็งวิทยา ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล
ขอเชิญร่วมงาน “RIAC 2018”
คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล จัดงานประชุมวิชาการนานาชาติแห่งปี “Ramathibodi International Academic Conference (RIAC 2018)” ขึ้นระหว่างวันที่ 3-5 กันยายน 2561 ณ โรงแรม แบงค็อก แมริออท มาร์คีส์ ควีนส์ปาร์ค
ในปีนี้มีหัวข้องานประชุมที่น่าสนใจมากมาย อาทิ การรักษาโรคมะเร็งที่ทันสมัย, การประชุมการปลูกถ่าย 2,000 ไต 200 ตับ, การก้าวสู่สังคมผู้สูงอายุ จะมีการดูแลอย่างไร, การรักษาทางศัลยกรรม โดยใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย, การศึกษาวิจัยเรื่องยีนและจีโนม, การประชุมร่วมกับมหาวิทยาลัยโอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น, พ.ท.นพ.ภาคย์ โลหารชุน และทีมนักดำน้ำ มาร่วมเปิดประสบการณ์ช่วย 13 ชีวิต, การรักษาแบบสหสาขาวิชา, นโยบายสาธารณสุขระดับชาติ โดยผู้บริหารระดับสูงจากกระทรวงและแพทย์ดีเด่น ซึ่งเป็นศิษย์เก่าแพทย์รามาธิบดี
หากมีข้อสงสัยเพิ่มเติม สามารถสอบถามได้ที่โทร. 0-2201-2193, 0-2201-2606, 0-2201-1542
หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.riac2018.com/
...