แม้จะผ่านไปกว่าปี ความเศร้าโศกของพสกนิกรก็ยังไม่จางหาย วันนี้เวลา 17.30 น. และ 22.00 น. จะมีพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เพื่อส่งเสด็จกลับสู่สรวงสวรรค์ คอยดูแลปกป้องพสกนิกรของพระองค์ตลอดไป ท่ามกลางพระบรมวงศานุวงศ์ และพระราชอาคันตุกะจากต่างประเทศมากมาย ที่มาร่วมพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพด้วยความอาลัยข้าพระพุทธเจ้าขอร่วมส่งเสด็จสู่สวรรคาลัย ด้วยความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้พระมหากษัตริย์ ตามความเชื่อใน ศาสนาพราหมณ์ ถือเป็น “เทวราชา” หรือ “สมมติเทพ” ดังนั้น พระเมรุมาศ ในทางสถาปัตยกรรมจึงมีการก่อสร้างอย่างอลังการยิ่งใหญ่ เมื่อ พระมหากษัตริย์ หรือ สมมติเทพ สวรรคตก็จะเสด็จกลับสู่สวรรค์ไปเป็นเทวดาเหมือนเดิมเมื่อวานนี้ผมเล่าเรื่องการสร้าง พระเมรุมาศ ตามความเชื่อใน พุทธศาสนา ที่เชื่อว่า เขาพระสุเมรุ เป็นศูนย์กลางแห่งโลกทั้งสาม มี พระอาทิตย์ พระจันทร์ โคจรรอบเขาพระสุเมรุ เหนือเขาพระสุเมรุขึ้นไปคือ “สวรรค์ชั้นดาวดึงส์” มี ปราสาทไพชยนต์ ตั้งอยู่ มีเมืองชื่อ นครไตรตรึงษ์ มี พระอินทร์ เป็นเจ้าผู้ครองนครวันนี้จะนำเรื่องราวของ สวรรค์ชั้นดาวดึงส์ จากพระนิพนธ์ของ สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก สังฆราชองค์ก่อนมาเล่าเพิ่มเติมสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ตั้งอยู่บนพื้นเบื้องบนของ เขาสิเนรุ ซึ่งอยู่กลางภูเขาบริภัณฑ์ทั้ง 7 ที่เป็นแกนกลางของโลก นครดาวดึงส์ นี้กล่าวไว้ในคัมภีร์ว่า ตั้งอยู่ใน 10,000 โยชน์ (น่าจะเป็นเส้นผ่าศูนย์กลาง) มีการกล่าวว่า ระหว่างทวารของปราการ (ประตูกำแพงเมือง) อันเป็นทวารกลางทั้ง 4 ด้าน นับได้ด้านละ 10,000 โยชน์ ประดับไปด้วยสวนและสระโบกขรณี กลางนครมีปราสาทชื่อ เวชยันต์ เป็นที่ประทับของ ท้าวสักกเทวราช ผู้เป็นจอมเทพที่ไทยเราเรียกกันว่า พระอินทร์ เวชยันต์ปราสาทนี้จะแพรวพราวไปด้วยรัตนะทั้ง 7 คือ ทอง เงิน มุกดา มณี ไพฑูรย์ วชิระ (เพชร) ประพาฬ ประดับด้วยธงรัตนะต่างๆคือ ธงแก้วมณี มีคันเป็นทอง ธงแก้วมุกดา มีคันเป็นแก้วประพาฬ ธงแก้วประพาฬ มีคันเป็นแก้วมุกดา ธงรัตนะทั้ง 7 มีคันเป็นรัตนะทั้ง 7ในปราสาทมี ต้นปาริฉัตตกะ สูงใหญ่ ภายใต้ต้นไม้นี้มีแท่นศิลาชื่อ บัณฑุกัมพล (เหมือนผ้าขนสัตว์สีเหลือง) มีสีเหมือนดอกชัยพฤกษ์ สีครั่ง และสีบัวโรย เป็นพระแท่นที่ประทับ ของ พระอินทร์ เวลาประทับนั่งจะอ่อนยวบลงไปกึ่งกาย เวลาลุกขึ้นกลับเต็มขึ้นมาเหมือนเตียงสปริงมีช้างชื่อ เอราวัณ เป็นพาหนะ แต่ท่านว่าในเทวโลกไม่มีสัตว์เดรัจฉาน ฉะนั้น ช้างนี้จึงเป็นเทวบุตร ชื่อว่า เอราวัณ มีหน้าที่คอยเนรมิตตนเป็นช้างสำหรับทรงของ พระอินทร์ ในเวลาที่มีพระประสงค์จะเสด็จเพื่ออุทยานกีฬาช้างเทวบุตรจำแลง นี้ มีตะพอง 33 ตะพอง สำหรับเทวบุตร 33 พระองค์ รวมทั้ง พระอินทร์ ซึ่งเป็นสหายบำเพ็ญกุศลร่วมกันมาในสมัยเป็นมนุษย์ ตะพองกลางชื่อว่าสุทัสสนะ เป็นที่ประทับของพระอินทร์ มีมณฑปรัตนะ (กูบ) มีธงรัตนะ ในระหว่างปลายสุด ห้อยข่ายพรวนกระดึง หรือกระดิ่ง เมื่อต้องลมอ่อนๆโชยพัด ก็ดังปานเสียงทิพยสังคีตอันเสนาะ ประสานกับเสียงดนตรี มีองค์ 5 กลางมณฑป มีบัลลังก์มณีเป็นที่ประทับของพระอินทร์ช้างเอราวัณ 33 ตะพอง น่าจะเขียนภาพได้ยาก และดูจะรกรุงรังไม่งดงาม จึงมักเขียนย่อลงเป็น ช้าง 3 เศียร เศียรละ 2 งา ซึ่งดูงดงามและเป็นสัญลักษณ์พิเศษว่า เป็นช้างทรงของ “พระอินทร์” โดยเฉพาะ เห็นภาพก็รู้กันได้โดยทั่วไป นอกจากนี้ ยังมีรถชื่อ เวชยันต์ เทียมม้าอาชาไนยข้างละ 1,000 ม้า มีบัลลังก์ที่ประทับปักเศวตฉัตรกางกั้น...นี่คือภาพ สวรรค์ชั้นดาวดึงส์ หรือ นครไตรตรึงษ์ ที่ผมเก็บมาเล่าอย่างย่อครับ.“ลม เปลี่ยนทิศ”