“ดาว์พงษ์” โอด กอ.รมน.ถูกเฉือนงบฯปี 55 น้อยกว่าปี 54 เผยงบแผนทำยุทธศาสตร์เหลือแค่ 440 ล้าน แจงจับวิทยุชุมชนเหตุผิด ม.116 ข้อหายุยงทำแตกแยก...
เมื่อเวลา 14.30 น. 2 พ.ค. ที่กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ในฐานะ ผอ.รมน. เป็นประธานในการประชุมสรุปผลการปฏิบัติงานรอบ 6 เดือน ของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) ตามแผนรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักรปี 2553-2554 มี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม และผบ.เหล่าทัพ พร้อมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง
จากนั้นพล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ เสธ.ทบ. ในฐานะเลขาธิการกอ.รมน. แถลงผลการประชุมกอ.รมน. ว่า เป็นการสรุปผลงานรอบ 6 เดือนของ กอ.รมน. โดยนายกรัฐมนตรี ในฐานะผอ.รมน. มาเป็นประธาน ซึ่งกอ.รมน.ได้สรุปผลงาน อาทิ ยาเสพติด ผู้หลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย การก่อการร้าย อาชญากรรมข้ามชาติ ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สถานการณ์จังหวัดชายแดนภาคใต้ และสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งนายกรัฐมนตรี รู้สึกพอใจที่กอ.รมน.ได้ทำงานขึ้นมากตามลำดับ แต่มีบางเรื่องที่กอ.รมน.ต้องปรับตามสถานการณ์และภัยคุกคามที่เกิดขึ้น คือเรื่องภัยพิบัติที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องในประเทศ
พล.อ.ดาว์พงษ์ กล่าวว่า ความจริงมีหลายหน่วยงานที่ช่วยแก้ไขปัญหานี้ แต่ก็ยังขาดการบูรณาการในภาพรวม ซึ่งเราได้เรียนนายกฯว่า น่าจะมีหน่วยงานที่ดูแลเรื่องนี้ ซึ่งกอ.รมน.ก็ศึกษาเรื่องนี้อยู่ ความจริงตามกฎหมายระบุว่า กอ.รมน.ดูแลภัยคุกคามที่เกิดขึ้นจากกลุ่มบุคคล และบุคคลเท่านั้น แต่ภัยธรรมชาติไม่ได้เกิดจากบุคคล ซึ่งไม่ใช่หน้าที่ของกอ.รมน. ตามพ.ร.บ.ความมั่นคงปี 2551 แต่ก็มีช่องทางที่รัฐมนตรีสามารถมอบหมายได้ เพราะเป็นเรื่องที่ต้องพิจารณาและปรับร่วมกัน
นอกจากนี้ พล.อ.ดาว์พงษ์ ยังกล่าวถึงเรื่องงบประมาณของกอ.รมน.ว่า จริงๆ แล้วงบประมาณในปี 2555 ยังไม่ตกผลึก กอ.รมน.ได้น้อยกว่าปี 2554 ที่ได้จำนวน 7,500 กว่าล้านบาท ส่วนงบประมาณปี 2555 ได้จำนวน 6,943 ล้านบาท แบ่งเป็นงบการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ 6,164 ล้านบาท และงบความมั่นคงของรัฐ 778 ล้านบาท ซึ่งในงบความมั่นคงของรัฐ แบ่งเป็นงบกำลังพล 337 ล้านบาท และงบสำหรับขับเคลื่อนงานตามยุทธศาสตร์เพียง 440 ล้านบาท
พล.อ.ดาว์พงษ์ กล่าวว่า เรื่องความมั่นคงภายในกรณีที่มีการชุมนุมของกลุ่มต่างๆ กอ.รมน.มีส่วนเดียวคือ การจัดตั้งศอ.รส. และมอบให้ตำรวจควบคุมดูแลสถานการณ์ แต่ไม่ได้ลงลึกไปว่า มีกลุ่มผู้ชุมนุมกี่สีกี่กลุ่ม และสถานการณ์เป็นอย่างไร
ส่วนกรณีที่กอ.รมน.ถูกฝ่ายการเมืองโจมตีว่า นำทหารเข้าไปในพื้นที่เพื่อแทรกแซงการเลือกตั้งนั้น เรื่องนี้ต้องทำความเข้าใจกับสื่อฯ ตนเป็นเสนาธิการทหารบก เป็นเลขาธิการ กอ.รมน. อะไรก็ตามที่เกี่ยวข้องกับสายงาน ก็ต้องทำเป็นเรื่องธรรมดา ส่วนใครจะมองอย่างไรหรือเข้าใจผิด ถ้ามีโอกาส ตนจะไปทำความเข้าใจ ส่วนการดูแลการเลือกตั้งเป็นหน้าที่ของตำรวจ รัฐบาลยังไม่ได้สั่งการมายังกอ.รมน.เป็นพิเศษ และกอ.รมน.ไม่มีหน้าที่ดูแลการเลือกตั้ง ทั้งนี้เหตุการณ์รุนแรงในช่วงเลือกตั้ง อาจมีการยิงกันเป็นเรื่องธรรมดา แต่เรื่องใหญ่ๆ คงไม่มี
เมื่อถามถึงกรณีที่กอ.รมน.แจ้งจับวิทยุชุมนุมที่ผิดกฎหมายจำนวน 13 สถานี พล.อ.ดาว์พงษ์ กล่าวว่า ความจริงส่วนใหญ่มีความผิดตามมาตรา 116 คือยุยงปลุกปั่นให้เกิดความแตกแยกความสามัคคี ไม่ใช่ความผิดมาตรา 112 ที่เกี่ยวกับสถาบันฯ ซึ่งเราเอาพ.ร.บ.วิทยุกระจายเสียงเป็นตัวนำ และมาขยายผลเอาผิดโทษทางอาญา ทำให้ดูเหมือนเป็นสองมาตรฐาน และขณะนี้มีอีก 800 กว่าสถานีที่กระทำผิดพ.ร.บ.วิทยุกระจายเสียง ซึ่งทางคณะกรรมการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กทช.) ได้ให้ตำรวจดำเนินการ ไม่ใช่ว่าตนจะมาไล่จับเสื้อแดงเสื้อเขียวอย่างเดียว
ทั้งนี้ ผลสรุปการปฏิบัติงานกอ.รมน.ที่สำคัญมี 3 ด้าน คือ 1.ด้านการติดตามตรวจสอบและประเมินแนวโน้มของสถานการณ์ โดยได้จัดทำโครงการเครือข่ายสายด่วนความมั่นคง 1374 ซึ่งเป็นงานตามแผนขับเคลื่อนงานด้านมวลชน กอ.รมน. โดยรณรงค์ส่งเสริมให้ประชาชนมีความรู้ความเข้าใจและมีจิตสำนึกด้านความมั่นคง และทราบถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นจากภัยคุกคามด้านต่างๆ โดยให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่รัฐในการเฝ้าระวัง แจ้งเตือนภัยความมั่นคงต่างๆ เบอร์เดียวทั้งประเทศ
2.ด้านการเสริมสร้างให้ประชาชนตระหนักในหน้าที่ที่ต้องพิทักษ์ไว้ซึ่งชาติ ศาสนาและพระมหากษัตริย์ โดยจัดชุดวิทยากรเสริมสร้างความเข้าใจสนับสนุนการดำเนินงานพิทักษ์ปกป้องและเทิดทูนสถาบัน รวมทั้งแก้ไขปัญหายาเสพติดในพื้นที่ กอ.รมน.ภาค 1-4 จำนวน 100 ชุด
นอกจากนี้ กอ.รมน.ยังร่วมกับกองทัพบกรณรงค์สร้างกระแสความรักชาติและความจงรักภักดี โดยใช้ดนตรีเป็นสื่อสนับสนุน กอ.รมน.ภาคในการพิทักษ์ปกป้องและเทิดทูนสถาบัน รวมทั้งการให้เครือข่ายวิทยุชุมชนเพื่อความมั่นคง กอ.รมน.จำนวน 700 สถานีออกอากาศผ่านระบบอินเตอร์เน็ตพร้อมกันทั้งเครือข่าย วันละ 3 เวลา โดยเน้นเรื่องพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่มีต่อพสกนิกรชาวไทย โดยให้นักจัดรายการสอดแทรกเรื่องของความรักชาติและความจงรักภักดี
3.ด้านการสร้างความรักความสามัคคีของคนในชาติ รวมทั้งการส่งเสริมให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการปกป้องและแก้ไขปัญหาต่างๆ ที่กระทบต่อความมั่นคงภายในราชอาณาจักรและความสงบเรียบร้อยของสังคม ซึ่งได้มีการจัดตั้งกลไกในการขับเคลื่อนมวลชนของทุกหน่วยงานภาครัฐและเอกชน เพื่อกำหนดกรอบทิศทางการอำนวยการและการขับเคลื่อนงานด้านมวลชนในภาพรวมของประเทศ รวมทั้งมีการฟื้นฟูมวลชนไทยอาสาป้องกันชาติ (ทสปช.)และมวลชนกลุ่มอื่นๆในทุกโครงการของ กอ.รมน.โดยเน้นให้ความสำคัญในเรื่องการพิทักษ์ปกป้องและเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งถือเป็นความเร่งด่วนลำดับแรก โดยในปี 2554 ได้ทำการฝึกอบรมและจัดตั้งมวลชนไทยอาสาป้องกันชาติในพื้นที่ กอ.รมน.จังหวัดรวม 26 จังหวัด จำนวน 30 รุ่น รุ่นละ 200 คน รวม 6,000 คน
...