พลัง270แรงม้าบนเรือนร่างของรถไถนาเพื่อนคู่ใจเกษตรกรยุโรปที่สืบสายพันธุ์ควบคู่ไปกับรถสปอร์ตเจ้าของสัญลักษณ์กระทิงเปลี่ยวจากอิตาลี...

Ferruccio Lamborghini ชายผู้ก่อตั้งบริษัทรถไถนาและรถสปอร์ตซุปเปอร์คาร์ยี่ห้อLamborghiniถือกำเนิดขึ้นในตระกูลชาวนาที่ขยันขันแข็งและอดทนเมื่อปี1916 วัยเด็กกับความหลงใหลในเครื่องยนต์กลไกทุกชนิด รวมทั้งสนใจในรถยนต์ความเร็วสูงมาตั้งแต่อายุยังน้อย เขามักจะแอบเข้าไปในโรงนาของพ่อ เพื่อถอดดูชิ้นส่วนการทำงานของเครื่องยนต์กลไก และประกอบเครื่องจักรกลภายในโรงนา เพื่อดูการทำงานของเครื่องยนต์อยู่เสมอ อีกทั้งยังซ่อมแซมเครื่องจักรที่ใช้งานภายในครอบครัวด้วยตัวเอง แถมยังประดิษฐ์เครื่องจักรที่ใช้งานแบบง่ายๆ ได้อีกด้วยเช่นเครื่องปั้มน้ำและเครื่องยนต์ขนาดเล็กที่เอาไว้ใช้งานในไร่ แต่ก็ไม่รอดพ้นสายตาของผู้เป็นพ่อที่มองเห็นแววของFerruccioในความทะเยอทะยานอยากจะเป็นวิศวกรโดยให้ความรู้ความเข้าใจเพิ่มเติมในระบบการทำงานของเครื่องยนต์ต่างๆเพื่อทำให้บุตรชายสมหวังดั่งที่ตั้งใจไว้

ในปีค.ศ.1933 พ่อจึงส่งตัวFerruccio Lamborghini ไปเข้าเรียนที่โรงเรียนเทคนิคใกล้ๆกับเมืองBolognaและได้รับปริญญาทางอุสาหกรรมจักรกล หลังจากจบจากโรงเรียนเทคนิคแล้วจึงเข้าไปเป็นช่างฝึกงานที่โรงงานเครื่องยนต์ในBologna มหาสงครามโลกครั้งที่สองก็เริ่มต้นขึ้นในปี 1938-1939 Ferruccioจึงต้องเข้าไปรับใช้ชาติและถูกส่งไปยังเกาะRhodesเกาะเล็กๆที่อยู่ใกล้ชายฝั่งของประเทศตุรกี ที่นั่นFerruccioได้รับฉายาจากเหล่าทหารช่างของกองทัพอิตาลีว่า"พ่อมดแห่งเครื่องจักรกล"เนื่องจากสามารถทำให้รถทหารของกองทัพอิตาลีที่หมดสภาพการใช้งานกลับมาวิ่งได้อีกครั้ง

...

ช่วงปลายสงคราม เกาะRhodesได้ถูกยึดโดยทหารนาวิกโยธินพันธมิตรและพลร่มอังกฤษ Ferruccioในฐานะเชลยสงครามจึงต้องไปทำงานให้กับกองทัพอังกฤษในเรื่องการซ่อมบำรุงยุทธโธปกรณ์ตั้งแต่ปี 1944 ถึงปี 1946 หลังจากนั้นจึงได้รับการปลดปล่อยแล้วเดินทางกลับมายังบ้านเกิดเพื่อมาใช้ชีวิตพลเรือนในอายุ 30 ปี ช่วงหลังสงครามชาวนาในอิตาลีเป็นจำนวนมากต่างต้องการรถไถนาและแทร็กเตอร์เพื่อใช้งานในไร่ของตนแต่ไม่สามารถที่จะหารถไถได้เนื่องจากสงครามโลกครั้งที่สองเพิ่งจะผ่านพ้นไป
 Ferruccio มองเห็นลู่ทาง จึงคิดสร้างโรงงานผลิตรถแทร็กเตอร์และรถไถนาขึ้นมาจากสมบัติเก่าและที่ดินจำนวนมากของพ่อ พร้อมทั้งมีการโฆษณาว่าจะนำรถแทร็กเตอร์ที่ผลิตโดย Lamborghini มาประลองกำลังและแข่งขันลากดึงกันดูว่ารถของบริษัทใดจะมีแรงม้าและแรงบิดที่ดีพอจะเป็นอันดับที่หนึ่งได้ ซึ่งวิธีนี้ทำให้ตระกูล Lamborghini และผลิตภัณฑ์รถไถนาเป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวางรวดเร็ว จนทำให้กิจการรถไถและรถแทร็กเตอร์ของLamborghiniเจริญรุ่งเรืองมาโดยตลอด เนื่องจากการเข้าใจและเข้าถึงในระบบเครื่องยนต์ของรถ ความที่มีหัวก้าวหน้าทางด้านงานวิศวกรรมการออกแบบเครื่องจักรกล จนถึงปลายปี1949Ferruccio Lamborghiniก็ได้ก่อสร้างโรงงานใหม่ที่ใหญ่โตขึ้นกว่าเดิมในเมืองCento และเริ่มต้นผลิดเครื่องยนต์รถแทร็กเตอร์ขนาดเครื่องยนต์สี่กระบอกสูบตามที่ตัวเองได้ออกแบบไว้นานแล้ว โดยเอาข้อดีของทุกชิ้นส่วนมาปรับปรุงให้ดีและแข็งแรงมากขึ้นไปอีก ไม่นานนักLamborghiniก็กลายเป็นบริษัทผลิตรถแทร็กเตอร์ที่ใหญ่ที่สุดในอิตาลี

...

Ferruccio กลายเป็นเศรษฐีที่พรั่งพร้อมไปด้วยเงินทองและเกียรติยศรวมทั้งการนับหน้าถือตา สถานะอันมั่นคงของตระกูลLamborghiniปรากฏไปทั่วในอิตาลี แต่ในใจของFerruccioยังคงไม่ลืมที่จะถวิลหาคือโลกแห่งความเร็วของรถสปอร์ตที่ตัวเองเคยชอบมาตั้งแต่ยังเป็นเด็ก และเริ่มซื้อรถยนต์สปอร์ตราคาแพงมาไว้ในครอบครองเพื่อทำฝันในวัยเยาว์ของตนให้เป็นความจริง ในโรงรถของ Ferruccio มีตั้งแต่Alfa Romeo, Maserati, Jaguar, Aston Martin, Crovett รวมทั้งเจ้าม้าลำพองจากMaranelloนั่นก็คือ Ferrari นั่นเอง รถยนต์เหล่านี้กำเนิดขึ้นในยุค 1950-1960 มีเครื่องยนต์ที่ให้แรงม้ามากกว่ารถทั่วไปและควบคุมได้ยากกว่า ซึ่งมีเพียงเศรษฐีเท่านั้นที่สามารถหารถประเภทนี้มาครอบครอง ในวันหยุดFerruccio มักควบจ้าFerrari250GT วนเล่นรอบโรงงานของตนเอง แต่ก็มีหลายครั้งที่รู้สึกได้ว่ารถFerrari250GTยังไม่สามารถตอบสนองความต้องการของตนเองได้ทั้งหมด วิศวกรรมของตัวรถFerrariในยุคนั้นยังมีอะไรที่จะต้องแก้ไขปรับปรุงตามประสบการณ์และวิธีคิดแบบวิศวกรของ Ferruccio และมีบ่อยครั้งที่ช่วงล่างหรือระบบบังคับเลี้ยวของเจ้าม้าลำพองแห่งMaranelloทำให้Lamborghinหงุดหงิด วันหนึ่งFerruccioก็ทนไม่ได้ จึงควบเจ้า250GT ไปที่โรงงานในMaranelloโดยหวังว่าจะขอพบกับEnzo Ferrariเพื่อต้องการคำอธิบายและต้องการให้ปรับปรุงรถ Ferrari 250GT ให้ดีขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ตามความรู้สึกของตนเอง แต่พอถึงบริเวณโรงงานใน Maranello ก็ต้องพบกับความผิดหวังอย่างรุนแรงเนื่องจากการเข้าพบผู้บริหารสูงสุดของบริษัท Ferrari ทำให้ต้องรออยู่ในห้องเล็กๆ นานจนFerruccioทนแทบไม่ได้ ภายหลังจากการเข้าพบกับEnzoแล้วได้รับคำสบประมาทว่าเขาคงขับได้แต่รถไถนาและรถแทร็กเตอร์เท่านั้น Ferruccioจึงขับเจ้าม้าลำพองกลับมาอย่างอารมณ์เสีย พร้อมกับตั้งใจว่าตัวเขาเองนั้นเป็นถึงวิศวกร และนักอุตสาหกรรมเครื่องยนต์ที่ประสบความสำเร็จและร่ำรวยมหาศาล จะต้องสร้างรถยนต์ให้เทียบเท่าหรือดีกว่าบริษัท Ferrari ให้จงได้ หลังจากวันนั้นเป็นต้นมา บริษัทผลิตรถสปอร์ตสมรรถนะสูงLamborghiniก็ได้ถือกำเนิดขึ้นในช่วงปี1962 ต่อจากนั้นค่ายรถยนต์เจ้าของสัญลักษณ์กระทิงเปลี่ยวก็ได้สร้างปรากฏการณ์ใหม่ของวงการรถสปอร์ตในยุโรป ให้ได้ตื่นตะลึงกับรูปแบบของตัวรถLamborghiniและเทคโนโลยีของเครื่องยนต์ การวางตำแหน่งเครื่อง และการบังคับควบคุมที่วิศวกรและนักขับทดสอบของบริษัทร่วมกันคิดค้นและพัตนาจนกลายมาเป็นรถยนต์ที่ผู้คนมากมายบนโลกใบนี้ใฝ่ฝันอยากหามาครอบครองไว้สักคันหรือมากกว่านั้น

...

ปี 1972 กิจการผลิตรถแทร็กเตอร์และรถไถนาของLamborghiniถูกขายให้กับบริษัทSameผู้ผลิตเครื่องจักรกลทางการเกษตร หลังจากนั้นไม่นานบริษัท Lamborghini ทำการขายหุ้นส่วนหนึ่งของแบรนด์รถสปอร์ตให้กับนักลงทุนชาวสวิสและทำการซื้อคืนกิจการรถแทร็กเตอร์รวมถึงรถไถนาเพื่อสานต่อในกิจการทำไร่องุ่นเพื่อผลิตไวน์ บริษัทAutomobill Lamborghiniประสบกับปัญหาทางการเงินจนถึงขั้นล้มละลายลงในปี1977 ส่วนที่เหลือของโรงงานและช่างฝีมือถูกเทคโอเวอร์โดยพี่น้องตระกูลMimranในปี1987 หลังจากนั้นในช่วงยุคสมัยอันตกต่ำของLamborghiniกิจการที่ยังคงดำเนินงานอย่างติดขัดถูกขายทอดตลาดให้กับพวกอเมริกันอย่างบริษัทChrysler หลังจากการบริหารงานและโครงการที่ผิดพลาดเนื่องจากความไม่เข้าใจของChrysler เจ้ากระทิง Lamborghini ถูกขายต่ออีกทอดให้กับกลุ่มทุนจากอินโดนีเซีย ซึ่งเข้ามาบริหารงานได้ไม่นานนักแล้วขายทิ้งกิจการทั้งหมดของเจ้าวัวป่าจอมผยองในปี1999ให้กับบริษัทรถยนต์เก่าแก่ของเยอรมันอย่างAudi ทำให้ Lamborghini กลับมามั่นคงอีกครั้งจากการดูแล พัฒนาตัวผลิตภัณฑ์ของพวกวิศวกรจากเยอรมันที่มีความมุ่งมั่นบวกกับเงินทุนมหาศาลซึ่งAudiสามารถดึงเอาภาพลักษณ์รถสปอร์ตซุปเปอร์คาร์ของมันให้หวนกลับคืนสู่ความยิ่งใหญ่อีกครั้งด้วยการผลิตรถสปอร์ตสมรรถนะสูงอย่างรุ่นGallardoและMurcielagoซึ่งรวมเอาเทคโนโลยีของทั้งสองบริษัทมาผนวกเข้าไปในตัวรถทำให้บริษัทแม่อย่าง Audi สามารถขายรถ Lamborghini ทั้งสองรุ่นได้กว่า9000คันเลยทีเดียว บริษัทผลิตรถไถและรถแทร็กเตอร์Sameผู้ถือแบรนด์ของLamborghiniด้านเครื่องมืิอการเกษตรในการผลิตและจัดจำหน่ายรถไถนาได้เข้าร่วมทุนกับกลุ่มอุตสาหกรรมหนักจากเยอรมันDeutz-Fahrเมื่อปี1995 ปัจจุบันนี้รถแทร็กเตอร์ขนาดใหญ่ของLamborghini ถูกประกอบขึ้นที่โรงงานทางตอนเหนือของเมืองอูล์ม ประเทศเยอรมันโดยใช้เทคโนโลยีและการพัฒนาตัวรถร่วมกันกับรถแทร็คเตอร์ยี่ห้อDeutz

...

Lamborghini R8 270DCRคือ รถแทร็กเตอร์ขนาดใหญ่ที่นิยมกันมากในหมู่เกษตรกรผู้มีอันจะกินอย่างเจ้าของไร่องุ่นและโรงงานผลิตไวน์คุณภาพสูงในยุโรปหรือเกษตรกรที่ปลูกพืชไร่ประเภทมะกอกเพื่อคั้นเอาน้ำมัน แทร็กเตอร์รุ่น R8 270DCR มีระบบการผลิตในโรงงานประกอบแบบยืดหยุ่น (FMS) โดยผลิตและประกอบชิ้นส่วนของเครื่องยนต์,เกียร์ ซึ่งทั้งหมดต้องผ่านมาตรฐานการทดสอบและการทำงานอย่างหนักเนื่องจากมันเป็นอุปกรณ์เครื่องจักรกลที่จะต้องถูกใช้งานท่ามกลางสภาวะที่สุดขั้วเช่นงานไถพรวนดินหรือใช้กำลังในการฉุดลาก ซึ่งเกิดจากการร่วมมือกันของทั้งสามบริษัทคือ Deutz-Fahr จากเยอรมัน Lamborghini จากอิตาลีและบริษัทSeam รถแทร็กเตอร์ Lamborghini R8 270DCR ผลิตในสายการผลิตเดียวกันกับอุปกรณ์ที่ใช้กับตัวรถไถ Deutz-Fahr ในปี 2003 กลุ่มบริษัทDeutz-Fahrกลายเป็นผู้ถือหุ้นหลักในสายการผลิตเครื่องยนต์ของรถไถรุ่น R8 270DCR

การผลิตในแต่ละหน่วยภายในโรงงานประกอบรถแทร็กเตอร์ของกลุ่มบริษัทSameและDeutz-Fahrจะเป็นไปตามขนาดและกำลังของตัวรถ ซึ่งกำหนดองค์ประกอบทั่วไปที่เกี่ยวข้องกับการใช้งานในไร่นาด้วยการแยกไลน์การประกอบตัวรถ โรงงานในเมืองTreviglioผลิตรถแทร็กเตอร์ที่มีขนาดของแรงม้าและแรงบิดที่แตกต่างกันในรุ่นเครื่องยนต์50-140แรงม้า โรงงานLauingenในเยอรมันผลิตรถแทร็กเตอร์ที่มีกำลัง 140-270แรงม้าโดยในอนาคตจะเพิ่มขนาดของตัวรถและเครื่องยนต์ดีเซลติดระบบอัดอากาศแบบเทอร์โบให้อัพกำลังของตัวเครื่องยนต์ขึ้นไปอีกระดับถึง300แรงม้า สอดคล้องกับการขยายตัวทางภูมิศาสตร์ของกลุ่มโรงงานจากอินเดียที่กำลังขยายตัวเข้าไปในในรัสเซีย โรงงานประกอบจะเริ่มผลิตรถแทรกเตอร์Lamborghiniขนาด150 -270 แรงม้าสำหรับตลาดในรัสเซียและโรงงานใหม่ของDeutz-Fahrจะถูกสร้างขึ้นในประเทศจีน ซึ่งทั้งหมดยังคงรักษาหลักการทางวิศวกรรมของรถแทร็กเตอร์ที่ถูกกำหนดโดยLamborghini ทั้งหมดในทุกขั้นตอน.

แบบ.......................................รถแทร็กเตอร์ใช้งานทางเกษตร
เครื่องยนต์.............................ดีเซล6กระบอกสูบ วางด้านหน้าตามยาว
วาว์ล......................................4วาว์ลจ่อสูบ1เพลาราวลิ้น
ระบบอัดอากาศ.....................เทอร์โบเดี่ยวพร้อมอินเตอร์คูลเลอร์
ปริมาตรความจุเครื่องยนต์....7146 ซี.ซี.
แรงม้าสูงสุด...........................270แรงม้าที่2350รอบ/นาที
แรงบิดสูงสุด(นิวตัน-เมตร)....1052นิวตัน-เมตรที่1300รอบ/นาที
ระบบขับเคลื่อน......................ขับเคลื่อนสี่ล้อ
ระบบส่งกำลัง.........................เลือกโหมดการขับเคลื่อนได้ทั้งล้อหน้าและหลัง
เกียร์......................................เกียร์ธรรมดาเดินหน้า40ถอยหลัง40
มิติตัวรถ
ความกว้าง............................2750มิลลิเมตร
ความยาว..............................5268มิลลิเมตร
ความสูง................................3270มิลลิเมตร
ความยาวฐานล้อ...................3095มิลลิเมตร
ความสูงใต้ท้องรถ..................600มิลลิเมตร
รัศมีวงเลี้ยว............................3.37เมตร
น้ำหนักตัวรถ..........................9435กิโลกรัม
น้ำหนักบรรทุก/ลากจูง...........4500กิโลกรัม
ล้อและยาง
ล้อหน้า..................................600/65/R38
ล้อหลัง..................................710/70/R43
ความจุถังเชื้อเพลิง................585ลิตร
ปริมาตรน้ำมันหล่อลื่น...........28ลิตร
อัตราเร่ง................................0-100กิโลเมตรใน18.0วินาที
ความเร็วสูงสุด.......................50กิโลเมตร/ชั่่วโมง
อัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง...2.3กิโลเมตร/ลิตร
ราคาในยุโรป..........................194,053 ยูโร

arcom roumsuwan
E-Mail chang.arcom@thairath.co.th