อาหารไทยแสนคุ้นลิ้น อาหารญี่ปุ่นก็คุ้นเคย อาหารจีนหรือฝรั่งก็กินมาเสียตั้งนาน ถึงเวลาแล้วที่ลองเปลี่ยนรสชาติใหม่ๆกับอาหารต้นตำรับส่งตรงจากเลบานอน



ร้าน Alaadin หรืออาละดิน ชื่อเหมือนกับภาพยนตร์การ์ตูนที่ครองใจเด็กๆ มานานนับทศวรรษกับเจ้ายักษ์จินนี่ที่ให้พรสามประการแก่ผู้ที่ลูบตะเกียงวิเศษ แต่ร้านอาละดินที่ว่านี้ อาจให้พรแก่ผู้ที่ชื่นชอบอาหาร และเป็นอาหารที่หารับประทานในประเทศไทยไม่ได้ง่ายๆ เพราะเป็นเมนูต้นตำรับสัญชาติเลบานอนแท้ๆ

ภัตตาคาร 2 อารมณ์

มองร้านอาละดินจากภายนอกเป็นร้านกระจกติดแอร์ที่ดูน่านั่งชิวเป็นที่สุด แต่หากได้เปิดประตูเข้าไป จะพบกับบรรยากาศแสนสบายสไตล์แฟนซีอารบิก โต๊ะนั่งรับประทานอาหารขนาดกำลังดี เก้าอี้สีม่วงกำมะหยี่นุ่มๆ ตกแต่งรอบร้านด้วยโคมไฟแก้วสีใส เปิดแอร์ไม่หนาวหรือร้อนเกินไป แต่เมื่อเข้าร้านอาละดินทั้งที อยากเปลี่ยนร่างเป็นเจ้าหญิงอาหรับ ลองขึ้นไปชั้นสองของร้าน โต๊ะที่นั่งหรือแสงไฟจะส่องสว่างสีทองสดใส ราวกับย้ายตัวเองมาอยู่ในพระราชวังอียิปต์ก็ไม่ปาน

...



อาหารเลบานีส ชื่อแปลกแต่รสชาติอร่อย

แม้เจ้าของร้านจะบอกว่าลูกค้าส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติมากกว่าชาวไทย เนื่องจากคนไทยยังไม่พร้อมจะลิ้มลองรสชาติใหม่ๆ อย่างอาหารเลบานอนเท่าที่ควร ไทยรัฐออนไลน์จึงขอแนะนำเมนูที่ชาวเลบานอนภูมิใจนำเสนอ และคาดว่าจะดึงดูดใจคนไทยได้อยู่หมัด เริ่มต้นที่รายการอาหารที่คนไทยเห็นบ่อยที่สุด คือ เคบาบเนื้อวัวและไก่, ชีช ตาวูค หรือบาบีคิวเนื้อสัตว์หมักในเครื่องเทศกลิ่นหอมๆ, สลัดเลบานอน ผักหั่นฝอยในน้ำสลัดรสเปรี้ยวกำลังดี ในชื่อแปลกๆ ว่า ทาบูเล่ นอกจากนี้ ทุกเมนูสามารถรับประทานเคียงคู่กับฮอมมูส ซึ่งก็คือถั่วบดละเอียดเนื้อละมุน


ด้วยความที่ยังแปลกใหม่และกลัวคนไทยไม่กล้าสั่งมารับประทาน ทางร้านได้เตรียมเมนูอาหารไทยไว้รับมือพร้อม โดยเจ้าของร้านยืนยันเลยว่า อาหาร โดยเฉพาะต้มยำกุ้งของอาละดิน อร่อยเด็ดไม่แพ้ร้านอาหารไทยอื่นๆ

...



บริการด้วยใจ

อย่าตกใจกับคำว่าเลบานอนจนไม่กล้าผลักประตูร้านอาละดินเข้ามา เพราะกลัวสั่งอาหารไม่ถูกหรือคุยกับพนักงานไม่ได้ ขอบอกออกตัวไว้เลยว่า เมนูอาหารมีรูปภาพประกอบชัดเจน มีภาษาไทยกำกับทุกชนิดอาหาร และพนักงานเป็นคนไทยที่ยิ้มแย้มน่ารัก พร้อมให้คำอธิบายและแนะนำอาหารอย่างคล่องแคล่วว่องไว




Alaadin อยากบอก....

1. การเดินทางมาร้านอาละดินง่ายมาก เพียงแค่ลงรถไฟฟ้าสถานีศาลาแดง เดินต่ออีกไม่เกิน 5 นาทีก็ถึงร้าน ซึ่งอยู่ข้างพัฒน์พงษ์ ซอย 1 หากเห็นป้ายเท่ากับเจอร้านอย่างแน่นอน รับรองไม่มีหลง หรือถ้าขับรถมา สามารถจอดรถได้ที่โรงพยาบาลกรุงเทพ ที่อยู่ไม่ไกลจากร้านเท่าไหร่นัก

...



2. ร้านเปิดให้บริการตั้งแต่เวลา 9 โมงเช้า จนถึง 20.00 น. ทุกวันไม่มีวันหยุด

3. หากคิดว่าร้านอาหารที่ตั้งอยู่กลางเมืองเช่นนี้จะมีราคาแพง จนกระเทือนงบประมาณในกระเป๋า ขอบอกเลยว่า ถ้าตั้งใจมากินอาหารเลบานอนต้นตำรับเตรียมเงินขั้่นต่ำมาเพียงหนึ่งร้อยต้นๆ ก็เพียงพอ แต่ถ้าสำหรับอาหารไทยมื้อเบาๆ เริ่มต้นที่ 50 บาทเท่านั้นเอง

4. น้ำผลไม้ของร้านนี้ไม่มีการใส่น้ำแข็ง แม้ลูกค้าจะต้องการมากแค่ไหน เพื่อให้ผู้บริโภคได้รับความอร่อยจากผลไม้ไร้การเจือปน



5. กลิ่นเครื่องเทศในอาหารร้านนี้อาจแรงเกินไปสำหรับจมูกคนไทย แต่ขอให้เราลองเปิดใจรับกับความอร่อยในแบบเลบานอนแท้ๆ ดูบ้าง เพราะเจ้าของร้านและพ่อครัวตั้งใจเสิร์ฟรสชาติดั้งเดิมให้แก่ลูกค้าทุกคนด้วยความตั้งใจ