เคยคิดไหมว่ากว่าคนเราจะประสบความสำเร็จเป็นพันล้าน ไม่ใช่เรื่องง่ายเพียงแค่คิด แต่ขึ้นอยู่กับการวางแผนและลงมือทำ และคนที่เป็นเศรษฐีอายุน้อยที่ประสบความสำเร็จด้วยมือตัวเอง อย่าง ''วรวิทย์ ศิริพากย์'' ก็เป็นตัวอย่างที่น่าสนใจ
ขอเกริ่นถึงเจ้าของธุรกิจผลิตภัณฑ์สปาและผลิตภัณฑ์อโรมาเธอราปีคุณภาพสูงที่โด่งดังทั้งไทยและเทศอย่าง ''ปัญญ์ปุริ'' ที่เกิดขึ้นจากผู้ชายไทยใบหน้าอ่อนเยาว์ นามว่า ''วรวิทย์ ศิริพากย์'' ซึ่งตอนนี้เขาไม่ใช่ผู้ชายเอเชียธรรมดาๆ ที่ทำธุรกิจประสบความสำเร็จ แต่เป็นผู้ชายที่ร่ำรวยทั้งเงินทองและความสามารถในการบริหาร ถึงขนาดแบรนด์ปัญญ์ปุริโด่งดังมีชื่อติดหูคนทั่วโลกด้วยคุณภาพและแพ็กเกจที่สวยงามน่าใช้
ชีวิตวัยเด็กในครอบครัวธรรมดา
ผู้บริหารหนุ่มวัย 36 ปี เล่าถึงชีวิตวัยเด็กว่า "ผมเคยเป็นเด็กที่ซนมาก ถึงขนาดครูที่โรงเรียนยังกลัว แต่พอหัวแตกเลยกลายเป็นเด็กเรียบร้อยหลังจากนั้น (หัวเราะและชี้แผลเป็นให้ดูยืนยันหลักฐาน) ผมเติบโตในครอบครัวที่มีคุณพ่อเป็นตำรวจและคุณแม่ทำธุรกิจส่วนตัว ซึ่งทุกคนในครอบครัวคาดหวังว่าโตขึ้นผมจะเป็นหมอ เนื่องจากผลการเรียนค่อนข้างดีมาก เรียนติดอันดับ 1 ใน 3 ของชั้นมาตลอด แต่พอผมไปฝึกงานที่โรงพยาบาล เลยมีโอกาสได้เห็นแพทย์เขาผ่าศพกัน ผมตัดสินใจทันทีว่า ชีวิตนี้เป็นหมอไม่ได้อย่างแน่นอน"
โลกกว้างเกินไปที่จะหยุดอยู่กับที่
หลังจากเบนเข็มความสนใจออกจากความฝันแพทย์ที่เคยตั้งใจ วรวิทย์ ศิริพากย์ สมัครสอบชิงทุนไปเรียนต่อมัธยมปลายที่ประเทศแคนาดาได้สำเร็จ โดยเก็บกระเป๋าออกเดินทางสู่โลกกว้างด้วยความคิดที่ว่า "โลกมีอะไรมากกว่าที่เราเห็น ผมอยากเป็นส่วนหนึ่งของโลกใบนี้ ซึ่งการตัดสินใจไปเมืองนอกในครั้งนั้น ทำให้ผมเปลี่ยนวิธีคิดของตัวเองโดยสิ้นเชิง เพราะจากที่เราเคยเรียนเก่งติดอันดับมาโดยตลอด กลายเป็นเราตามเพื่อนไม่ทัน เนื่องจากภาษา การใช้ชีวิต และความสามารถพิเศษอะไรเราก็ไม่มี แต่ผมก็ไม่ท้อนะ พยายามอยู่ถึง 2 ปีทีเดียวกว่าทุกอย่างจะเข้าที่"
เลือกเรียนสิ่งที่ต่อยอดอนาคต
...
"พอเรียนจบไฮสคูล ผมเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยแคนาดา โดยเลือกเรียนคณะเศรษฐศาสตร์ แม้ตัวเองจะชอบวาดรูปและศิลปะมากแค่ไหน (ยิ้ม) เหตุผลที่ไม่เลือกสิ่งที่เราชอบที่สุด เพราะผมอยากสบาย ไม่อยากเป็นศิลปินไส้แห้ง หลังจากจบปริญญาตรีแล้ว ผมเดินทางกลับมาทำงานในบริษัทที่ปรึกษาด้านการเงินในประเทศไทย ซึ่ง ณ เวลานั้นเป็นช่วงวิกฤติต้มยำกุ้งพอดี ผมจึงได้เรียนรู้ทั้งทฤษฎีและการปฏิบัติแบบครบถ้วน ส่งผลให้เราโดดเด่นจากเพื่อนร่วมงานคนอื่น จนเจ้านายมองเห็นว่าผมทำงานได้ดี จึงส่งไปประจำตามประเทศต่างๆ และสิ้นสุดที่มหานครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งพิสูจน์ได้ว่าผมมีดีพอที่จะรับมือปัญหาการเงินระดับโลกได้"
งานดี เงินเยอะ แต่ไม่สุขใจ
จากที่ฟังมาทั้งหมด ชีวิตของผู้ชายคนนี้สมบูรณ์พร้อม แต่สิ่งที่ผู้บริหารวรวิทย์กำลังจะเล่าต่อไปนี้ได้เปลี่ยนชีวิตเขาจนถึงทุกวันนี้ "แม้ผมจะทำงานได้เงินเดือนเยอะมาก ถ้าเทียบกับคนที่มีอายุเท่ากัน แต่ชีวิตของผมก็ว่างเปล่า ถึงวันๆ จะหมดไปกับการทำงานแทบไม่ว่างเว้นก็ตาม ยิ่งมาเจอเหตุการณ์เพื่อนสนิทป่วยเป็นโรคมะเร็ง ซึ่งมีอายุเพียง 27 ปีเท่านั้น สิ่งนั้นทำให้เราคิดได้ว่า โลกใบนี้กว้างมากก็จริงอยู่ แต่ชีวิตไม่มีใครรู้ว่าจะอยู่ได้ยาวนานสักแค่ไหน"
9/11 จุดพลิกอนาคตด้วยนาทีชีวิตให้กลายเป็นผู้บริหารซะเอง
เจ้าของธุรกิจปัญญ์ปุริเล่าวินาทีชีวิตเสี่ยงตายให้เราฟังว่า "ผมอยู่ในเหตุการณ์ก่อวินาศกรรม 9/11 เรียกว่าผมรอดชีวิตมาได้อย่างหวุดหวิดเลยทีเดียว โดยเช้าวันนั้นผมต้องไปประชุมกับลูกค้าที่ตึกเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์ แต่โชคดีที่ย้ายห้องประชุมมาที่ชั้น 5 เพราะห้องประชุมจริงชั้น 68 เป็นห้องใหญ่เกินไป ขณะที่กำลังจะเริ่มประชุม เกิดเสียงดังตู้ม คล้ายเฟอร์นิเจอร์ชิ้นยักษ์หล่นลงมา จากนั้นภาพที่ผมเห็นนอกหน้าต่างเป็นภาพควันสีขาวปกคลุมทั่วบริเวณและเศษกระดาษปลิวกระจายเต็มไปหมด ทุกคนเริ่มแตกตื่นวิ่งหนีตายออกมาจากตึกอย่างอลหม่าน พอออกมาพ้นตัวตึกแล้ว มองกลับไปเห็นเครื่องบินอีกลำกำลังพุ่งชนตึกเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์อีกตึกหนึ่ง แค่นั้นแหละที่ทุกคนเริ่มวิ่ง วิ่งและวิ่งให้ไกลที่สุดเท่าที่จะทำได้ และจากเหตุการณ์นาทีระทึกในวันนั้น ผมรู้สึกว่าชีวิตมันต้องหาอะไรที่เป็นตัวเรามากกว่านี้ เลยตัดสินใจไปเรียนต่อปริญญาโทที่มิลาน ประเทศอิตาลี เลือกเรียนเกี่ยวกับแบรนด์ และ Luxury Good ซึ่งเป็นวิชาเฟ้นหาผู้บริหารที่เข้าใจดีไซเนอร์ผู้เต็มเปี่ยมด้วยศิลปะในจิตใจ หลังจากเรียนจบก็ฝึกงานกับกุชชี่ และเข้าทำงานกับเว็บไซต์ขายสินค้าอันดับหนึ่งของโลก ซึ่งหนีไม่พ้นงานหนักเกินจะรับไหว จึงตัดสินใจกลับเมืองไทยในที่สุด แน่นอนว่าการเดินทางกลับมาก็มาพร้อมกับความตั้งใจจะเปิดธุรกิจของตัวเอง"
เพื่อนดี คิดเป็น เริ่มต้นโดยไม่รอช้า
"หลังจากกลับมาในปี 2003 ผมเจอเพื่อนที่เป็นนักเคมี และมีโรงงานเล็กๆ ผลิตเครื่องหอมแต่ไม่มีแบรนด์ จึงเริ่มต้นวางแผนสร้างแบรนด์เกี่ยวกับสปา เพราะเท่าที่ดูตลาดในช่วงนั้น ธุรกิจสปาตามโรงแรมใหญ่กำลังเติบโต แต่กลับไม่มีเครื่องหอมหรือผลิตภัณฑ์เป็นของไทยเลย ''ปัญญ์ปุริ ลักชัวรี่สกินแคร์สายเลือดไทย'' จึงถือกำเนิดขึ้นมา โดยผ่านกระบวนการคิดแล้วว่า ประเทศไทยมีพร้อมทั้งวัตถุดิบและการบริการที่เป็นเลิศ แต่สิ่งที่ขาดคือการนำเสนอที่น่าสนใจ ซึ่งผมให้ความสำคัญกับแพ็กเกจจิ้งและคุณภาพของผลิตภัณฑ์ว่าต้อง ''เจ๋ง'' เพื่อจะได้แข่งขันกับแบรนด์อื่นๆ ในตลาดโลกได้"
เริ่มต้นแค่คิด ทุกวันนี้ไกลทั่วโลก
MD ปุริ กรุ๊ป เล่าให้ฟังถึงความยากลำบาก กว่าแบรนด์ปัญญ์ปุริจะเดินทางมาไกลถึงวันนี้ ด้วยคำพูดและท่าทางที่ภูมิใจกับความสำเร็จว่า "ผมเริ่มต้นจากศูนย์ มีแค่ตัวผม ไอเดียและคอมพิวเตอร์หนึ่งตัว (หัวเราะ) ผมและเพื่อนช่วยกันคิดค้นสูตรเครื่องหอม ออกแบบแพ็กเกจจิ้ง แพ็กของด้วยตัวเอง นัดลูกค้า ไปส่งของ ยืนรอด้วยความหวัง ขายเอง ถ้าถามตอนนั้นคิดว่าจะประสบความสำเร็จไหม ผมมั่นใจว่า อายุผมแค่ 27 ปีเท่านั้น คำว่า ''ไม่'' ไม่มีในพจนานุกรม เพราะตัวผมนี่แหละได้ผลิตสินค้าที่เข้าใจผู้บริโภคมากที่สุด"
...
ชีวิตก็เหมือนเกม
ทุกวันนี้ปัญญ์ปุริได้รับการยอมรับจากทั่วโลก มีสาขามากมายท้ังในประเทศไทย ประเทศแถบยุโรป สหรัฐฯ และเอเชีย ซึ่งการันตีด้วยรางวัลมากมาย อาทิ Silver Pentaward 2011 - Luxury ซึ่งถือเป็นรางวัลทรงเกียรติที่ทำให้แบรนด์สัญชาติไทยเปี่ยมคุณภาพ มีชื่อเสียงระดับนานาชาติ "สิ่งที่ผมได้มา ใครฟังก็ต้องบอกว่าเรื่องง่ายๆ แต่แท้จริงแล้วผมต่อสู้มาเยอะมากนะ (ยิ้ม) อย่างช่วงก่อนที่จะเอาสินค้าเข้ามาขายในห้างได้ ผมพยายามอยู่ถึง 2-3 ปีเลยทีเดียว แต่ผมอยู่ได้ด้วยความเชื่อที่ว่า ชีวิตไม่ได้เดินตามทางตรงอย่างเดียว เดินเฉียงบ้างอ้อมบ้าง ถ้าเราทำไม่ได้ แสดงว่าสินค้าเรายังดีไม่พอ ต้องพัฒนาอีก ปรับปรุงอีก ด้วยเหตุผลทั้งหมดนี้ผมสนุกกับความท้าทาย ชีวิตถ้าเรียบง่ายโรยด้วยกลีบกุหลาบมันจะสนุกอะไร สมมติถ้าเล่มเกมมาริโอแล้วไม่มีศัตรูให้สู้ ไม่มีแท่นให้กระโดดข้าม แล้วเกมจะสนุกได้อย่างไร"
ทำงานหนัก แต่ไม่เคยหยุดหรือท้อถอย
"ผมใช้ความกดดันเป็นแรงผลักดันตัวผมเสมอ" วรวิทย์ ศิริพากย์ กล่าวประโยคง่ายๆ ที่ความหมายแสนลึกซึ้ง พร้อมอธิบายต่อว่า "แม้ใครจะบอกธุรกิจของผมใหญ่โตแล้ว แต่สำหรับผมมันยังไม่พอ ยังไม่พอใจ ธุรกิจมีคู่แข่งเสมอ แต่ขึ้นอยู่กับว่าขยันทำการบ้าน พัฒนาสินค้าหรือเปล่า ตัวผมทำงานตลอด 24 ชั่วโมง ขอยอมรับตรงๆ ว่า ผมแยกเรื่องงานและการพักผ่อนไม่ออกจริงๆ เพราะผมรู้สึกว่าการทำงานคือความสนุกสำหรับชีวิตที่ขาดไม่ได้ในทุกๆ วันที่ตื่น"
...
ฝากส่งท้าย สำหรับว่าที่นักธุรกิจพันล้าน
นักธุรกิจผู้ประสบความสำเร็จนามว่า ''วรวิทย์ ศิริพากย์'' ทิ้งท้ายด้วยข้อคิดดีๆ สำหรับคนที่มีความฝัน อยากมีธุรกิจของตัวเองแล้วโด่งดังเช่นเขาว่า
1. หัดตั้งคำถามกับตัวเอง มองตัวเองให้ออกว่าชีวิตต้องการอะไร ชอบอะไร
2. หยุดความคิดอยากเป็นคนรวย อย่าเอาความอยากเป็นที่ตั้ง เพราะสิ่งเหล่านี้จะทำให้เรามองไม่เห็นตัวเอง มองแต่คนอื่นว่าทำไมเขารวย เรายังจนอยู่
3. เชื่อว่าตัวเองมีศักยภาพ คนทุกคนมีความสามารถเพียงแค่รอเวลาที่ใช้เท่านั้น
ขอยอมรับจากใจเลยว่า ผู้บริหารหนุ่มอนาคตไกลคนนี้เก่งเหลือเกิน เพราะทุกครั้งที่ชีวิตเหมือนจะจนมุม เขาก็สร้างโอกาสขึ้นมาใหม่ โดยไม่รอเวลาให้เสียเปล่า ลุกขึ้นก้าวเดินอย่างมุ่งมั่น ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นตัวอย่างให้กับเด็กรุ่นใหม่ที่อยากเติบโตอย่างมีคุณภาพและเป็นได้อย่าง ''วรวิทย์ ศิริพากย์''.
...
Twitter : quet_thairath