กงปั่นด้ายที่ถือเข้าร่วมขบวนแห่.
เสียงโห่ร้องตีฆ้องโหม่งเอาฤกษ์เอาชัยดังก้องกังวานมาแต่ไก่โห่ สลับกับเสียงพิณเสียงแคนในท่วงทำนองสนุกสนาน ตามติดมาด้วยขบวนรำฟ้อนของหญิง-ชายผู้ไทบ้านภู แต่ละคนแต่งกายในชุดประจำถิ่นงดงาม บ้างหยิบถืออุปกรณ์ทอผ้า เดินตามขบวนแห่ยาวเหยียดด้วยความมุ่งมั่นสู่ วัดศรีนันทาราม (วัดบ้านภู) ต.บ้านเป้า อ.หนองสูง จ.มุกดาหาร เพื่อร่วมงานบุญใหญ่ประจำปี และเป็นวันที่คนทั้งหมู่บ้านรอคอย เพื่อจะได้ร่วมสืบสานงานประเพณี “ปั่นฝ้าย ใยบุญ จุลกฐิน ถิ่นผู้ไท” อีกครั้ง
จุลกฐิน หรือ กฐินแล่น เป็น กฐินราษฎร์...ที่ผู้คนจะต้องร่วมแรงร่วมใจกันทำทุกอย่างให้สำเร็จเสร็จสิ้น ภายในเช้าวันหนึ่งต่อเนื่องไปจนถึงย่ำรุ่งของอีกวัน เพื่อมิให้เลยกำหนดแห่ง “กฐินกาล” ในช่วง 1 เดือนหลังวันออกพรรษา นับแต่วันแรม 1 ค่ำ เดือน 11 ถึงวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 12 ซึ่งถือปฏิบัติสืบทอดต่อกันมาตั้งแต่ครั้งพุทธกาล ชาวพุทธเชื่อกันว่าอานิสงส์การร่วมงานบุญจุลกฐินได้บุญหนัก เพราะกฐินประเภทนี้ต้องมีเจตนาความมุ่งมั่นตั้งใจสูง
ประเพณีจุลกฐิน ของชาวผู้ไทบ้านภู จะวางแผนล่วงหน้า 6-8 เดือน เริ่มด้วยการปลูกต้นฝ้าย ดูแลรอเวลาให้ดอกฝ้ายบานในช่วงใกล้วันออกพรรษา พอหลังเที่ยงคืนในวันงาน หมอขวัญจะเริ่มทำพิธีมงคล ให้หญิงสาวพรหมจารี 9 นาง นุ่งขาวห่มขาวไปเก็บดอกฝ้ายสีขาวบริสุทธิ์มาแยกเอาเมล็ดออก เรียกว่า“อิ้วฝ้าย” แล้วส่งต่อไปยังขัั้นตอน “ดีดฝ้าย” จนขึ้นฟูเป็นฝอยละเอียด นำมาม้วนเป็นหลอด ส่งต่อไปปั่นด้วย “กงปั่นฝ้าย” ให้ออกเป็นสายใยขาวยาว นำเส้นด้านปั่นใส่หลอดกระสวยเครือ ก่อนขึ้นทอบนกี่กระตุกพื้นบ้านให้ออกมาเป็นผืนผ้า จากนั้นส่งไปย้อมสีกรัก ตากแดดให้แห้งสนิท แล้วนำไปตัดเย็บเป็นผ้าไตร สบง จีวร อังสะ ผ้าสังฆาฏิ ซึ่งกว่าจะถึงขั้นตอนนี้ก็ดึกดื่นมืดค่ำ
แม้ท้องฟ้าจะมืดมิดไปนาน แล้ว แต่ไม่อาจหยุดยั้งแรงศรัทธา เสียงฟืมกระทบผืนผ้าบนกี่ยังก้องกังวาน บางคนสาละวนเตรียมตกแต่งสถานที่จัดงานฉลององค์กฐินในวันรุ่ง ขณะที่แม่ครัวพ่อครัวมือฉมัง ต่างง่วนอยู่กับสำรับกับข้าวคาวหวาน จัดเตรียมและปรุงขึ้นด้วยความพิถีพิถันกันสุดฝีมือ
ค่ำคืนที่ทุกคน เหนื่อยล้าเช่นนี้ ไม่มีอะไรผ่อนคลายได้ดีเท่าเสียงเพลงพิณท้องถิ่นอีสาน และสีสันงดงามของบั้งไฟดอก ที่ถูกจุดขึ้นประดับฟ้ายามรัตติกาล ส่องแสงเรืองรองอร่ามไปทั่วบริเวณงาน สร้างความสนุกสนานจนลืมความง่วงได้ตลอดทั้งคืน จนจวนเจียนเวลาจะถึงรุ่งสางของอีกวัน ผ้าทอผืนงามสีเหลืองหม่นก็สำเร็จด้วยพลังสามัคคี
หลังอรุณเบิกฟ้า พ่อแก่ แม่เฒ่า ผู้บ่าว ผู้สาว และเด็กน้อย ตลอดจนญาติโยมผู้มีจิตศรัทธาต่างมารวมตัวกันตั้งขบวนแห่บริเวณปากทางเข้า หน้าหมู่บ้านภู แต่ละคนถือเครื่องอัฐบริขาร รวมทั้งปัจจัยต่างๆ แล้วเคลื่อนขบวนนำองค์กฐินมุ่งสู่วัดบ้านภู เพื่อร่วมถวายผ้าจุลกฐินให้กับพระภิกษุสงฆ์ พร้อมทำบุญเลี้ยงพระด้วยจิตใจอันเป็นกุศล หลังเสียงสวดชยันโตอนุโมทนาบุญดังขึ้น นับเป็นอันเสร็จสิ้นงานบุญจุลกฐินของคนผู้ไทบ้านภู
ธงรูปจระเข้ ธงรูปนางเงือก ธงรูปปลา และธงรูปตะขาบ ถูกปักปลิวไสวเป็นสัญลักษณ์อยู่หน้าวัด ไม่ใช่เพียงแค่แสดงให้ผู้ผ่านไปมารู้ว่า ปีนี้วัดบ้านภูได้รับกฐินแล้ว แต่ยังส่งความหมายไปถึงพลังแห่งศรัทธาที่มีต่อพระพุทธศาสนา ยังคงแนบแน่นอยู่ในวิถีของชาวผู้ไทมิเปลี่ยนแปลง
วิชุกร กุหลาบศรี ผอ.ททท.สำนักงานนครพนม ซึ่งดูแลกลุ่มจังหวัดสนุก (สกลนคร นครพนม มุกดาหาร) ให้ข้อมูลว่า ชาวผู้ไทเป็นกลุ่มชนที่ยึดมั่นในขนบธรรมเนียมประเพณี และมีความโดดเด่นในอัตลักษณ์ของชนเผ่า หากได้มาสัมผัสและเรียนรู้วิถีชีวิตความเป็นอยู่ที่เรียบง่ายของชาวผู้ไท แล้ว จะประทับใจในมิตรไมตรีและเสน่ห์ของคนที่นี่ ซึ่งงานบุญจุลกฐินได้แสดงให้เห็นถึงตัวตนของคนผู้ไทอย่างชัดเจน สำหรับเทศกาลออกพรรษาปีนี้ วัดต่างๆใน 3 อำเภอ ของ จ.มุกดาหาร ได้จัดงานบุญจุลกฐินขึ้น โดย วัด มัชฌิมาวาส อ.ดอนตาล จัดวันที่ 14–16 ต.ค. ที่วัดศรีนันทาราม อ.หนองสูง จัดวันที่ 22–24 ต.ค. และวัดโพธิ์ศรีแก้ว อ.คำชะอี วันที่ 4–6 พ.ย.นี้
“การจัดงานบุญจุลกฐิน เป็นการย้ำให้เห็นถึงความโดดเด่นของการท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมของ จ.มุกดาหาร และยังสอดคล้องกับการส่งเสริมการท่องเที่ยวตามแคมเปญ“เที่ยวหัวใจใหม่ เมืองไทยยั่งยืน” ของ ททท.อีกด้วย นักท่องเที่ยวที่สนใจ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ททท.สำนักงานนครพนม โทร.0-4251-3490 และในโอกาสนี้ สมาคมส่งเสริมธุรกิจท่องเที่ยวไทย (สธทท.) ยังจัดรายการนำเที่ยวจากกรุงเทพฯ ให้นักท่องเที่ยวได้เดินทางมาร่วมงานบุญจุลกฐิน เพื่อสร้างบุญกุศลและเป็นสิริมงคลกับชีวิต พร้อมสัมผัสวัฒนธรรมชาวผู้ไท และแหล่งท่องเที่ยวอื่นๆของกลุ่มจังหวัดสนุก ติดต่อได้ที่ สธทท. โทร.08-2083-7733, 08-2083-9911”.
...