ไร่ชาที่ใช้ในการทำชาเขียวของญี่ปุ่น ตั้งอยู่ในหุบเขาที่เมืองเกียวโต ได้รับการทะนุถนอมอย่างดีมีการติดตั้งพัดลมไฟฟ้าขนาดใหญ่เพื่อขับไล่หมอกไม่ ให้ปกคลุมทุกเวลาด้วย ชาถูกนำเข้าสู่ญี่ปุ่นครั้งแรกที่เมืองนี้ เมื่อ 800 ปีก่อน.


การเกิดแผ่นดินไหวและสึนามิครั้งใหญ่ที่ญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 11 มีนาคม ที่แล้วมานี้ ยิ่งทำให้โลกได้เห็นในธาตุแท้ของคนญี่ปุ่นยิ่งขึ้น ถึงจะได้รับความเสียหายอย่างกว้างขวาง ขนาดโรงไฟฟ้าปรมาณูทลาย และผู้คนบาดเจ็บล้มตายจำนวนไม่น้อย แต่ไร้ซึ่งความแตกตื่นวุ่นวาย คงมีแต่ความสงบ ประชาชนมีสติ เยือกเย็น เด็กเล็กๆปลายแถว ผู้มารอรับแจกสิ่งของบรรเทาทุกข์อันยืดยาว กลับปฏิเสธสิ่งของที่ผู้ใหญ่นำส่วนของตนมาแบ่งให้ ทั้งยังนำไปคืนให้กับเจ้าหน้าที่ผู้แจกจ่าย เพื่อจะได้นำข้าวของอันจำเป็นเหล่านี้ ถูกนำไปแจกจ่ายได้ทั่วถึงกันมากที่สุด

ระหว่างเวลาอันยากแค้นแสนเข็ญ เหล่านั้น ไม่ปรากฏว่ามีข่าวการบุกทุบทำลายเข้าไปในห้างร้านต่างๆปล้นสะดมข้าวของ อย่างที่เคยเป็นเรื่องปกติธรรมดา เมื่อเวลาเกิดภัยธรรมชาติ หรือการจลาจล ตามประเทศที่เจริญแล้วให้ได้เห็นกันเลย ตรงกันข้ามหลังจากเกิดเรื่องไปเพียงไม่กี่วัน กลับมีผู้นำตู้เซฟ ที่พบในกองซากปรักหักพังของบ้านเรือน และอาคารสำนักงานต่างๆมามอบให้กับเจ้าหน้าที่เป็นจำนวนมากถึง 5,700 ใบ ที่น่าอัศจรรย์ก็คือ ตู้เซฟพวกนั้นยังคงมีเงินทองเก็บอยู่ล้นปรี่ นับรวมเป็นเงินมูลค่าสูงถึง 960 ล้านบาท

ชวนให้เกิดคำถามขึ้นในใจของ สังคมโลกว่า เหตุใดชาวญี่ปุ่นถึงเป็นคนที่มีคุณภาพสูงเช่นนั้น ผู้ที่เคยไปเยือนดินแดนซากุระมา เมื่อพูดคุยกับคนญี่ปุ่นโดยตรง พวกเขามักจะชี้ให้เห็นว่า ในวัฒนธรรมของพวกเขา มักจะถูกอบรมสั่งสอนมาแต่อ้อนแต่ออกถึงความสำคัญของ “การรวมกันเราอยู่” ผู้เป็นแม่ จะพร่ำสอนลูกๆของตนให้รักหมู่คณะ รักเพื่อนฝูง เด็กที่วัยพอรู้เรื่อง จะกลัวการโดนถูกโดดเดี่ยวเพื่อนฝูงไม่ยอมให้เข้าพวกด้วยมากที่สุด

นัก วิชาการบางท่าน ได้เตือนให้ระลึกถึงว่า ชาวญี่ปุ่นต้องต่อสู้กับภัยพิบัติธรรมชาติมาตั้งแต่ในโบราณแล้ว แม้แต่ทุกวันนี้ก็ยังมีภัยธรรมชาติประเพณี เป็นพายุไต้ฝุ่น ปีหนึ่งประมาณ 30 ลูก และแผ่น ดินไหวทั้งเล็กใหญ่ ประมาณ 1,500 ครั้ง ภัยธรรมชาติทั้งใหญ่และรุนแรงขนาดนี้ จะบังคับให้ “การรวมกันเราอยู่” จำเป็นเพื่อความอยู่รอด

...


สำหรับ ท่านที่เคยไปดินแดนอาทิตย์อุทัย หรือสนใจศึกษาคนญี่ปุ่นมาบ้าง ยังจะพบลักษณะนิสัย ที่ทำให้เป็นคนมีคุณภาพของพวกเขาอื่นๆอีกมาก เช่น การมีความคิดริเริ่ม จะเห็นได้ชัดตามร้าน 100 เยน แม้แต่ในบ้านเราก็ยังมีมาขาย เขาช่างคิดทำเครื่องมือเครื่องใช้ในชีวิตประจำวันของคนเราอันกระจุกกระจิก ออกขายให้เป็นเงินเป็นทองขึ้นมาได้ นอกจากการรู้จักพัฒนาและปรับ ปรุงข้าวของ ตลอดจนวัฒนธรรมเก่าๆ ซึ่งบางอย่างอาจจะรับต่อมาจากชาติอื่นให้วิเศษและใช้สอยสะดวกขึ้นไปอีก

เป็น ที่น่าสังเกตว่า คำว่า “ชา” นั้น ล้วนเป็นคำเดียวกันทั้งในภาษาญี่ปุ่นและไทย เพียงแต่ออกเสียงเน้นต่างกันเท่านั้น จีนถือว่าชาเป็น หญ้าสมุนไพรชนิดหนึ่ง และใช้ชงน้ำร้อนดื่ม ส่วนญี่ปุ่นได้พัฒนาดัดแปลงออกมาเป็นชาหลายแบบหลายชนิด ตลอดช่วงเวลาอันยาวนานจนได้เป็นชาชนิดที่มีชื่อเสียงและได้รับความนิยมอย่าง รวดเร็วอย่างหนึ่ง คือ ชาเขียว การปรุงชาในอดีตเป็นงานอันเหนื่อยยาก ต้องใช้ความอุตสาหะเป็นอย่างหนัก เริ่มตั้งแต่การนวดคลึงใบชา บนถาดโลหะร้อนโดยไม่หยุดนาน 10-11 ชั่วโมง เพื่อจะรักษากลิ่นหอมและรสชาติเอาไว้ให้มากที่สุด แล้วยังต้องเอาไปบดป่นด้วยโม่ทำจากหินแกรนิตจนละเอียดยิบ เพิ่งมาเปลี่ยนหันมาใช้เครื่องจักรกลแทนในตอนหลัง


แบบ วิธีการดื่มชา ก็ได้เปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัยไปด้วย จากพิธีชงชาอันเป็นพิธีการที่มีอิทธิพลและความเชื่อของศาสนาปนอยู่ด้วย ก็ได้เปลี่ยนไปเพื่อความสะดวกและรสชาติใหม่ๆตามไปด้วย จนมาถึงจากยุครินชาใส่ถ้วย มาเป็นเทชาใส่ขวดเป็นเครื่องดื่มชาเขียวบรรจุขวดรสชาติต่างๆ แม้กระทั่งร้านน้ำชาก็เช่นกัน ผู้เชี่ยวชาญเรื่องชาของญี่ปุ่นเล่าว่า ร้านน้ำชาสมัยโบราณญี่ปุ่น ก็มีสภาพคล้ายกับร้านน้ำชาที่เห็นในหนังกำลังภายใน เพียงแต่ว่าแทนที่จะนั่งโต๊ะ กลับเป็นซามูไรลากดาบยาวนั่งซดน้ำชาบนเสื่อ “ทาทามิ” กับพื้นแทน

ในการออกแบบและผลิตเครื่องดื่มชาเขียวบรรจุขวด ยี่ห้อ “มิเรอิ” ร่วมกับบริษัท ทิปโก้ เอฟแอนด์บี จำกัด ของไทยเข้าตลาดไทยหนนี้ บริษัทซันโตริ บริษัทยักษ์ผลิตเครื่องดื่มและอาหารของญี่ปุ่น อายุ 112 ปี ก็มิได้ทิ้งวิญญาณ ของความอุตสาหะพยายามเยี่ยงญี่ปุ่น ได้เตรียมโครงการมาเป็นเวลานานถึง 3 ปี ได้ส่งผู้เชี่ยวชาญมาศึกษารสนิยมของคนไทยแรมปี จนพบรสนิยมของคนไทยว่า “ไม่ชอบเครื่องดื่มรสขม รสฝาดเกินไป และชอบกลิ่นแบบดอกไม้” แต่ที่สำคัญบริษัทยักษ์ใหญ่ญี่ปุ่นจวนเจียนจะมาเสียดุลการค้าเสียแล้ว เพราะผู้เชี่ยวชาญชาวซากุระกลับมาหลงเสน่ห์ของรสชาติ “ส้มตำ” ไทย ยังนอนฝันถึงจนทุกวันนี้

ก่อนที่จะถึงการผลิตออกมาเป็น “ชาเขียว ตำรับญี่ปุ่นขนานแท้” อย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้.

...