พิธีกรรมแบบพุทธศาสนาฝ่ายมหายานในพิธีประดิษฐานพระศาสดา(จำลอง).
อัง เชงตวน กับเพื่อนวัยทำงาน 4 คน ใช้เวลา 3 ชั่วโมงขับรถจากกัวลาลัมเปอร์มายังบ้านเกิดบนเกาะปีนัง ในบ่ายวันเสาร์สุดท้ายปลายเดือนกรกฎาคม เพื่อเข้าร่วมพิธีประดิษฐานพระพุทธรูปจำลอง “พระศาสดา” ณ สำนักงานองค์การพุทธศาสนิกสัมพันธ์แห่งโลก ศูนย์ภาคีปีนัง ที่จะมีในเช้าวันรุ่งขึ้น แล้วขับรถกลับในบ่ายวันเดียวกัน
นั่นเป็นหนึ่งในตัวอย่างศรัทธาที่มีต่อพระพุทธศาสนาในมาเลเซีย ซึ่งเป็นศาสนาที่มีผู้นับถือเป็นอันดับสอง รองจากอิสลาม สถิติเมื่อต้นปี 2554 ประมาณว่ามีพุทธศาสนิกชนในประเทศนี้ 5.4 ล้านคน หรือ 19.2 เปอร์เซ็นต์จากประชากร 28.3 ล้านคน ส่วนใหญ่ชาวพุทธในมาเลย์เป็นคนเชื้อสายจีนที่มีแนวปฏิบัติแบบมหายาน ถึงกระนั้นก็มียังมีที่ทางให้แก่สายเถรวาท ที่ผู้ปฏิบัติมักจะเป็นคนสยาม หรือ วัดพุทธจากศรีลังกาที่อพยพมาสู่ดินแดนมลายาตั้งแต่ศตวรรษก่อน
กล่าวเฉพาะปีนัง เกาะเล็กๆทางตะวันตกเฉียงเหนือของมาเลเซีย ก็มีแนวปฏิบัติที่หลากหลายขึ้นอยู่กับสายธรรมาจารย์ต้นทางของแต่ละวัดที่มา ลงหลักปักฐานว่ามาจากถิ่นใด คำสอนที่ถ่ายทอดจึงเจือวัฒนธรรมของชุมชนเชื้อสายเดิมมาด้วย
เช้าวันอาทิตย์แห่งพิธีการนั้น ขบวนรถอัญเชิญพระพุทธรูปจำลอง “พระศรีศาสดา” ออกเดินทางจากสถานกงสุลไทย ณ เมืองปีนัง มายังสำนักงานองค์การพุทธศาสนิกสัมพันธ์แห่งโลก (พ.ส.ล.) ศูนย์ภาคีปีนัง ในย่านแอร์อิตัม ตั้งอยู่ย่านชานเมือง ไม่ไกลจากวัดเค็คล็อกซี ซึ่งเป็นวัดใหญ่และมีชื่อเสียงแห่งหนึ่งของมาเลเซีย
...
เสียงกลองเชิดสิงโต ต่อด้วยการฟ้อนรำต้อนรับของสาวไทย ก่อนเข้าสู่พิธีกรรมทางศาสนา อันเริ่มจากพิธีกรรมแบบมหายาน ควันธูปลอยอ้อยอิ่งท่ามกลางเสียงเครื่องเคาะให้จังหวะประกอบทำนองสวดมนต์ พุทธาภิเษกแบบมหายานดำเนินไป ระหว่างนั้นแขกผู้มีเกียรติเข้าร่วมถวายธูปต่อพระศรีศาสดา (จำลอง) ก่อนจะต่อด้วยการสวดมนต์แบบเถรวาท นำโดยพระธรรมวราจารย์จากวัดบวรนิเวศวิหาร และคณะสงฆ์นานาชาติที่เข้าร่วมงาน
พิธีการและพิธีกรรมที่ดำเนินไปในการประดิษฐานพระศรีศาสดานั้น มีความหมายอย่างยิ่งในหลายระดับ ทั้ง ต่อคนธรรมดาสามัญ ที่เข้าร่วมพิธีในฐานะงานบุญซึ่งผู้ใจบุญสุนทานจากต่างนิกายพร้อมใจกันมา ร่วมประกอบกิจที่ทำให้จิตใจรำลึกถึงสิ่งอันเป็นกุศล
ต่อระดับองค์กร นั้นแสดงให้เห็นถึงความสำคัญของศูนย์ภาคี พ.ส.ล.ปีนัง ซึ่งเป็นศูนย์ภาคีดั้งเดิมขององค์การฯ ตั้งแต่แรกตั้งเมื่อ พ.ศ. 2493 ณ ประเทศศรีลังกา โดยการรวมตัวกันของ 27 ประเทศ จากการนำของผู้ก่อตั้งคือ ดร.คุณปาละ ปิยเสนา มาลาลาเซเกรา (Gunapala Piyasena Malalasekera) นักวิชาการผู้มากความสามารถด้านพระไตรปิฎกและภาษาบาลี ที่เล็งเห็นว่าควรมีองค์การพุทธในระดับโลก เพื่อเป็นเวทีแลกเปลี่ยนของทุกนิกายได้มาพบกันในยุคโลกาภิวัตน์
สำหรับศูนย์ภาคีปีนังเป็นภาคีสมาชิกแรกๆ ที่มีการสร้างที่ทำการของตนเองขึ้นมา เป็นสำนักงานให้ทุกนิกายมาทำงานร่วมกันได้ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับวัดใดหรือนิกายใดนิกายหนึ่ง ตอกย้ำความสำคัญในแง่ประวัติศาสตร์ ตั้งแต่เริ่มต้น ว่าทำอย่างไรให้ฟื้นฟูพุทธศาสนาเจริญรุ่งเรืองยิ่งขึ้น ด้วยความร่วมมือกันระหว่างนิกายต่างๆ
ดังนั้นทางสำนักงานใหญ่ พ.ส.ล.จึงมีมติมอบพระศรีศาสดาจำลอง หน้าตัก 19 นิ้ว ที่สร้างขึ้นโดยพระบรมราชานุญาต เนื่องในวโรกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวปี พ.ศ. 2550 ให้แก่ศูนย์ภาคีปีนัง อันเป็นลักษณะพิเศษแตกต่างจากแห่งอื่นที่มักจะมอบให้แก่วัดสำคัญ และกงสุลไทยก็มีส่วนสำคัญในการมอบให้แก่ชุมชนพุทธที่นั่น เป็นการแสดงความสัมพันธ์อันดี ต่อระดับประเทศ ระหว่างไทยกับมาเลย์อีกด้วย
...
น่าแปลกที่ว่าพระพุทธรูปที่ส่งมอบกันในคราวนี้เป็นพุทธศิลป์จากถิ่นไทย แต่กลับเป็นสิ่งที่มอบให้แก่ชุมชนชาวพุทธในมาเลย์ที่คนส่วนใหญ่เป็นนิกาย มหายาน กระนั้นก็ยังเป็นสื่อให้เกิดความร่วมมือระหว่างนิกายขึ้นได้อย่างไม่ยากเย็น และตอกย้ำสายสัมพันธ์ทางศาสนาที่มีมายาวนานระหว่างสองประเทศ
พุทธศาสนานั้นต่างจากศาสนาอื่นตรงที่ไม่ได้มีสภาพบังคับต่อศาสนิกของตน โดยเนื้อแท้แล้วเป็นศาสนาแห่งการใช้ปัญญา หากว่ารู้จักพิจารณาให้ถ่องแท้ ไม่ให้หลงยึดติดกับสิ่งที่เป็นเปลือก แต่ชี้ให้มองไปที่แก่นของคำสอน สมตามพระนาม “พระ ศาสดา” ที่แปลว่า ทรงเป็นเพียงครูผู้สอนที่ประเสริฐ
...
แต่ธรรมขององค์พระศาสดาที่ผ่านกาลเวลามาเนิ่นนานกว่า 2,500 ปี นั้นย่อมต้องเผชิญกับคลื่นลมและผสมกลมกลืนไปกับวัฒนธรรมในแต่ละแห่งที่พุทธ ศาสนาไปถึง เพื่อให้คำสอนนั้นได้ดำเนินแผ่ไปไพศาล การณ์เช่นนั้นจึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่ข้อวัตรปฏิบัติบางอย่างจะแปรเปลี่ยนไป
เปลี่ยนไปจนบางทีหากองค์สมเด็จพระศาสดาฟื้นคืนชีพมาอาจฉงนใจในสิ่งที่เป็น อยู่ในโลกชาวพุทธปัจจุบัน ว่ามันเป็นสิ่งเดียวกับสิ่งที่ตถาคตว่าไว้ในคราวเริ่มต้นล่ะหรือ.