ปัจจุบัน เชื่อว่าคู่แต่งงานหลายคู่ มีการวางแผนมีบุตรไว้ล่วงหน้า แต่ก็มีหลายกรณีที่มีบุตรโดยไม่พร้อม ก่อนที่จะคิดมีบุตรคุณพ่อคุณแม่ควรมีความพร้อมในด้านต่างๆ บทความนี้ พญ.ปวีณา ศรีมโนทิพย์ สูติ-นรีแพทย์ โรงพยาบาลเวชธานี ได้แนะนำเรื่องของการตรวจสุขภาพก่อนการสมรสหรือก่อนการมีบุตร ซึ่งเป็นพื้นฐานของการเตรียมความพร้อมที่จะมีลูกว่า การตรวจสุขภาพก่อนการสมรสหรือก่อนการมีบุตร เป็นการตรวจที่ค่อนข้างเฉพาะเจาะจง เหตุผลที่ต้องมีการตรวจนี้ ก็เพื่อตรวจหาโรคที่สามารถติดต่อกันได้ระหว่างสามีภรรยา และลูก โรคทางพันธุกรรม ตรวจหาภูมิคุ้มกันของโรคที่สำคัญ รวมถึงประเมินความเสี่ยงต่างๆ เพื่อจะได้วางแผนการมีบุตรอย่างเหมาะสม ปัจจุบันโรงพยาบาลจะมีโปรแกรมการตรวจสุขภาพชนิดนี้ ให้บริการเกือบทุกโรงพยาบาลค่ะ

การตรวจสุขภาพก่อนการสมรสหรือก่อนการมีบุตรประกอบด้วยอะไรบ้าง

เมื่อไปพบแพทย์ แพทย์จะพูดคุย ซักประวัติเบื้องต้น และตรวจร่างกายพื้นฐาน จากนั้นจึงส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการ เพื่อตรวจสิ่งต่างๆ ดังต่อไปนี้ค่ะ

ตรวจหาหมู่เลือด วิธีการแบ่งหมู่เลือดมีหลายวิธี ที่ใช้เป็นประจำ คือ หมู่เลือด ABO และหมู่เลือด Rh การแบ่งแบบ ABO จะแบ่งเป็นกรุ๊ป A, B, O และ AB ส่วนการแบ่งแบบ Rh จะแบ่งเป็น Rh positive (+) และ Rh negative (-) คนไทยส่วนใหญ่เป็นกลุ่ม Rh positive ค่ะ กลุ่ม Rh negative พบได้เพียง 0.3% กลุ่มนี้ถือเป็น “หมู่โลหิตหายาก”  หากมีความจำเป็นต้องใช้เลือดควรมีการเตรียมล่วงหน้า นอกจากนี้ในกรณีตั้งครรภ์ ถ้าคุณแม่มีเลือด Rh negative และลูกในครรภ์เป็น Rh positive คุณแม่จะสร้างภูมิต้านทานต่อเม็ดเลือดแดงของลูก ขณะตั้งครรภ์ ลูกคนแรกจะไม่เกิดปัญหาใดๆ แต่เมื่อตั้งครรภ์ลูกคนที่สอง ภูมิต้านทานนี้จะไปทำลายเม็ดเลือดแดงของลูกคนที่สอง ทำให้เกิดภาวะโลหิตจางในทารก เป็นอันตรายถึงขั้นเสียชีวิตในครรภ์ได้ เพราะฉะนั้นจะต้องมีการป้องกันการสร้างภูมิต้านทานชนิดนี้ขณะตั้งครรภ์

ความสมบูรณ์ของเม็ดเลือด เป็นการตรวจเพื่อคัดกรองภาวะโลหิตจาง ซึ่งเกิดได้จากหลายสาเหตุ ในบางสาเหตุสามารถให้การรักษาก่อนได้ หากขณะตั้งครรภ์มีภาวะโลหิตจาง จะส่งผลให้ทารกในครรภ์เจริญเติบโตช้า มีน้ำหนักตัวน้อย เกิดภาวะคลอดก่อนกำหนดได้ นอกจากนี้ สามารถดูความผิดปกติของเม็ดเลือดขาวและเกล็ดเลือดได้ด้วย

โรคโลหิตจางธาลัสซีเมีย โรคนี้เป็นโรคที่ถ่ายทอดทางพันธุกรรม ผ่านทางยีนด้อย หมายความว่าลูกจะต้องได้รับสารพันธุกรรมที่ผิดปกติจากพ่อและแม่ จึงจะเป็นโรค ความผิดปกติของโรคนี้คือ เม็ดเลือดแดงจะมีลักษณะผิดปกติและแตกง่าย ทำให้เกิดภาวะโลหิตจาง โรคธาลัสซีเมียมีหลายชนิด ความรุนแรงตั้งแต่น้อยมาก ไม่มีอาการ จนกระทั่งมีเลือดจางมากถึงขั้นเสียชีวิต คุณพ่อคุณแม่ที่เป็นพาหะของโรค หรือมียีนแฝงอยู่ในตัว ส่วนใหญ่จะไม่มีอาการอะไร  เพราะฉะนั้นการที่มีสุขภาพแข็งแรงดี หรือผลการตรวจสุขภาพทั่วไปปกติ ไม่สามารถรับประกันได้ค่ะว่าไม่มียีนของโรคนี้อยู่ การตรวจหาสารพันธุกรรมชนิดนี้ เป็นการตรวจเฉพาะเจาะจง ซึ่งในการตรวจสุขภาพทั่วไปจะไม่มีการตรวจในส่วนนี้  หากตรวจพบว่าคุณพ่อคุณแม่เป็นพาหะของโรค จะสามารถประเมินความเสี่ยงของทารกได้ ว่ามีโอกาสเป็นโรคมากน้อยเพียงใด หรือจำเป็นต้องตรวจวินิจฉัยก่อนคลอดหรือไม่

ตรวจหาภูมิต้านทานโรคหัดเยอรมัน โรคหัดเยอรมันเป็นโรคที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัสชนิดหนึ่งซึ่งมีความสำคัญ เนื่องจากหากได้รับเชื้อในขณะที่ตั้งครรภ์ ทารกในครรภ์มีโอกาสจะพิการสูง ความพิการที่เกิดขึ้น เช่น ผนังกั้นหัวใจรั่ว หูหนวก เยื่อหุ้มสมองอักเสบ เป็นต้น จึงแนะนำให้ตรวจดูว่ามีภูมิต้านทานหรือไม่ และรับการฉีดวัคซีนในกรณีที่ยังไม่มีภูมิต้านทานค่ะ การตรวจดูภูมิต้านทานนี้จะตรวจเฉพาะว่าที่คุณแม่เท่านั้นนะคะ

ไวรัสตับอักเสบชนิดบี ในส่วนของไวรัสตับอักเสบชนิดบี จะมีการตรวจ 2 ส่วน คือ ตรวจดูการติดเชื้อ และตรวจดูภูมิต้านทาน ผู้ที่ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบชนิดบี กลุ่มหนึ่งจะไม่แสดงอาการอะไร และสร้างภูมิต้านทานขึ้นเอง ส่วนในอีกกลุ่มหนึ่งจะมีเชื้อไวรัสอยู่ในร่างกาย สามารถถ่ายทอดไปยังผู้อื่นได้ เรียกว่าเป็น “พาหะ” ส่วนหนึ่งของคุณแม่ที่มีเชื้ออยู่ในร่างกาย จะสามารถถ่ายทอดเชื้อไปยังลูกได้ ทำให้ทารกมีโอกาสเป็นตับอักเสบเรื้อรัง หากตรวจพบว่าไม่มีเชื้อและไม่มีภูมิต้านทาน แนะนำให้ฉีดวัคซีนค่ะ ส่วนกรณีว่าที่คุณแม่เป็นพาหะของโรค ระหว่างตั้งครรภ์อาจจะมีการตรวจเพิ่มเติม หรือพิจารณาให้สารภูมิคุ้มกันกับลูกทันทีที่คลอดค่ะ

โรคซิฟิลิส เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย สามารถตรวจได้จากการตรวจเลือด กรณีที่มีการติดเชื้อระหว่างตั้งครรภ์นั้น ถ้าไม่ได้รับการรักษา จะมีโอกาสแท้ง เกิดภาวะทารกบวมน้ำ จนกระทั่งเสียชีวิตในครรภ์ได้ หรือทารกบางคนอาจจะมีการติดเชื้อซิฟิลิสโดยกำเนิด ถ้าว่าที่คุณพ่อคุณแม่ตรวจพบก่อน โรคนี้สามารถรักษาได้ค่ะ

โรคเอดส์ เกิดจากการติดเชื้อไวรัส “เอช ไอ วี” เมื่อติดเชื้อแล้ว ก็จะทำให้ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายทำงานลดลง หญิงตั้งครรภ์ที่ติดเชื้อเอดส์ ไม่ได้ทำให้ทารกในครรภ์พิการ เพียงแต่มีโอกาสที่ทารกแรกเกิดจะติดเชื้อ เอช ไอ วี ได้ กรณีที่ตรวจพบว่ามีการติดเชื้อ เอช ไอ วี คุณพ่อคุณแม่บางคู่อาจจะตัดสินใจไม่มีลูก เลือกจะคุมกำเนิดแบบถาวร หรือกรณีที่ต้องการมีลูก ก็สามารถลดความเสี่ยงที่ลูกจะได้รับเชื้อโดยการให้ยาต้านไวรัสขณะตั้งครรภ์ได้ค่ะ

จากที่กล่าวมาข้างต้น คงเห็นแล้วนะคะ ว่าการเตรียมตัวก่อนการสมรส หรือก่อนที่จะมีลูกนั้นมีความสำคัญแค่ไหน หากมีการเตรียมพร้อมที่ดี จะทำให้ว่าที่คุณพ่อคุณแม่ป้องกันและลดความเสี่ยงต่างๆ ได้พอสมควรเลยค่ะ

ศูนย์สุขภาพสตรี โรงพยาบาลเวชธานี
www.vejthani.com

...