ผู้เขียนกับซามูไร ที่หมู่บ้านซามูไร.
เมื่อปลายเดือนกันยายน ผมมีโอกาสไปเมืองเณรน้อยเจ้าปัญญา "อิกคิวซัง" ที่เกียวโต
แล้วได้มีโอกาสไปชมการผลิต ซันคลอเรลล่า สาหร่ายเซลล์เดียวที่มีคุณสมบัติพิเศษ คือ มีคลอโรฟิลล์ที่สามารถขจัดมลพิษในร่างกายได้
เราเดินทางโดยสายการบินไทยไปลงสนามบินคันไซ เมืองโอซากา ซึ่งเป็นถิ่นกำเนิดของ ออกญาเสนา ภิมุขยามาดา นางาซาวา แม่ทัพญี่ปุ่นในสมัยแผ่นดินสมเด็จพระนารายณ์มหาราช จากนั้นก็นั่งรถไฟไปเมืองเกียวโต ระหว่างที่อยู่เกียวโตนอกจากจะได้ไปดูการผลิตซันคลอเรลล่า แล้ว ยังไปเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ และกินอาหารญี่ปุ่นที่แสนอร่อยทุกมื้อ
เกียวโต เป็นเมืองหลวงเก่าและเป็นที่ประทับของจักรพรรดิญี่ปุ่นมา 1,000 กว่าปี เป็นเมืองใหญ่อันดับ 7 ของญี่ปุ่น มีประชากรประมาณ 1,400,000 คน นอกจากเป็นเมืองเก่าแก่แล้ว เขายังคงรักษาเอกลักษณ์และศิลปวัฒนธรรมโบราณ ตลอดจนพิพิธภัณฑ์และสถานที่เก่าแก่ทางประวัติศาสตร์ไว้ได้เป็นอย่างดี ทำให้ มีนักท่องเที่ยวไปเยือนเกียวโตอยู่เสมอ
...
การเดินทางไปเกียวโตครั้งนี้ก็เพื่อไปดูการผลิต ซันคลอเรลล่า โดยมีประธานบริษัท MR.TETSUAKI NAKAYAMA และลูกชาย MR.FUTOSHI NAKAYAMA ตลอดจนพนักงานบริษัทอีกหลายคนมาคอยดูแลต้อนรับคณะเราอย่างอบอุ่น
เจ้า สาหร่ายเซลล์เดียวซันคลอเรลล่าชนิด นี้เกิดมาพร้อมกับโลก มีขนาดเล็กมากจนไม่ สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า อาหารที่ทำให้ มันมีอายุยืนยาวได้ คือ แสงแดดและน้ำสะอาดเท่านั้น การจะนำเอาซันคลอเรลล่ามากินได้ ต้องมีการเพาะเลี้ยงในอ่างพิเศษขนาดใหญ่ ที่มีน้ำสะอาดบริสุทธิ์และแสงแดดจ้าส่องสว่าง จึงจะทำให้มันเจริญเติบโตได้ เมื่อมีปริมาณมากพอก็นำมาอัดเป็นเม็ดออกจำหน่าย ซันคลอเรลล่ามีประโยชน์ต่อร่างกายของเรามาก เพราะมีโปรตีนสูงและมีคลอโรฟิลล์ช่วยขจัดสารพิษในร่างกายได้
หลังจากได้ชมกระบวนการผลิตซันคลอเรลล่าแล้ว คุณโจเซฟ ชิน ซึ่งเป็นผู้จัดการฝ่ายประเทศไทย ได้เป็นไกด์พาคณะของเราไปเที่ยวตามที่ต่างๆในเกียวโต เริ่มจากไปชมความงดงามของ วัดคิงกะกุ หรือ วัดโระคุองจิ แต่คนที่ไปเที่ยวมักจะเรียกวัดนี้ว่า วัดทอง ที่มีศาลาทองเป็นจุดเด่นของวัดตั้งอยู่กลางสระน้ำกว้างใหญ่ เมื่อมองไปจะเห็นเงาสะท้อนของน้ำ เห็นภาพวัดทองเหลืองอร่ามตัดกับต้นไม้ สีเขียวสวยงามจับตา วัดนี้เคยเป็นที่อยู่ของเณร น้อยเจ้าปัญญา "อิกคิวซัง" ที่เรารู้จักกันดีในโทรทัศน์ ในอดีตวัดนี้ถูกเผาแล้วสร้างขึ้นมาใหม่ ปัจจุบันได้รับการบูรณะใหม่หมดทั้งหลังสวยงามเหลืองอร่ามเพราะเอาทองคำมาปิด ไว้ทั้ง หลัง ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปโบราณและของมีค่าอื่นๆ หลังวัดเป็นเนินเขาตกแต่งบริเวณด้วยสวนหิน ลำธาร และต้นไม้ตามสไตล์ญี่ปุ่น นึกดูก็แล้วกันว่าการเดินขึ้น-ลงเนินเขาจะเมื่อยขาขนาดไหนสำหรับคนอายุ 84 อย่างผม
...
เท่านั้นยังไม่พอ วันรุ่งขึ้นพวกเราต้องตะกายพาสังขารเดินขึ้นเขาสูงชันเพื่อไปวัดที่มีอายุ เก่าแก่อีก วัดหนึ่ง คือ วัดคิโยมิซึ (Kiyomizu) วัดนี้มีวิหาร ใหญ่ตั้งอยู่บนไหล่เขา รองรับด้วยเสาไม้มหึมาและระเบียงใหญ่ยื่นชะโงกเหนือหุบเหวมองเห็นแต่ไกล เมื่อขึ้นมายืนบนระเบียงสามารถมองเห็นวิวของเกียวโตได้รอบด้าน ใครมาเกียวโตแล้วไม่ได้มาวัดแห่งนี้ถือว่ามาไม่ถึงเกียวโต แต่ที่พวกเราชอบมากที่สุดและทำให้หายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง คือ การได้ช็อปปิ้งของที่ระลึกสองข้างทางระหว่างเดินลงจากเขา มีสารพัดของที่น่าสนใจ เช่น ชุดกิโมโน ร่มคันเล็กๆ พวงกุญแจ เสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า ของกินเล่น และที่ขาดไม่ได้ คือ ขนมแป้งห่อถั่วและถั่วห่อแป้ง (ขนมโมจิ) สัญลักษณ์ของญี่ปุ่น ที่มีรสชาติแตกต่างกันไป พร้อมทั้งหีบห่อที่วิลิศมาหรา ทำให้ขนมมีราคาแพงตามกระดาษที่ห่อ
...
ก่อนกลับเราได้ไปดู หมู่บ้านซามูไร (SAMURAI VILLAGE KYOTO STUDIO PARK) เป็นสตูดิโอสำหรับถ่ายหนังเกี่ยวกับซามูไร-นินจา ภายในจำลองหมู่บ้านซามูไรไว้เหมือนของจริง มีทั้งบ้านเก่า ร้านค้า สะพาน ทางเดินที่เลียนแบบโบราณ เดินไปเดินมาก็ไปจ๊ะเอ๋กับ นินจา-ซามูไร แต่งตัวเต็มยศถือดาบซามูไรคม กริบทำท่าจะมาฟันเรา ทำให้ตกใจได้เหมือนกัน แต่สำหรับสาวๆในชุดกิโมโนที่เดินไปมาเพื่อให้เราถ่ายรูป ทำให้นึกว่ากำลังเดินอยู่ในสมัยเอโดะยังไง
ยังงั้นเลย เรายังได้ชมการแสดงของนินจาฮาโตริด้วย สนุกมาก คราวนี้มาพูดถึงอาหารการกินที่ คุณโตชิ และภรรยา คือ คุณเย็น พาเราไปกิน มีทั้งอาหารญี่ปุ่นแท้ๆ และแบบฟิวชั่น คือญี่ปุ่นประยุกต์ รวมไปถึง อาหารกลางวันที่สถานีรถไฟ ทั้ง ข้าวหน้าแกงกะหรี่ และ ข้าวหน้าปลาไหลร้านเก่าแก่ ส่วนอาหารเย็นที่ คุณนากายาม่า ประธานบริษัทซันคลอเรลล่าพาเราไปกิน เป็น อาหารแบบไคเซกิของเจ้าผู้ครองนครกินกัน ชื่อ ร้านซากุระ อาหารจะมาเป็นจานๆ แต่ละจานนอกจากจะปรุงรสชาติอร่อยแล้ว ยังตกแต่งจานชามแบบศิลปะญี่ปุ่น เรียกว่าได้ทั้งอาหารปากและอาหารตาไปพร้อมๆกัน อาหารที่เรากินมี ออเดิร์ฟญี่ปุ่น 5 อย่างวางเรียงเป็นคำๆในจานเปล เทมปุระ ซุปปลา ซาซิมิ ปลาย่างจัดใส่ในชามแก้วเจียระไน ฟองเต้าหู้ซีฟู้ด เนื้อเย็น ข้าวสวยกับปลาย่างกินกับซุปใส และขนมหวานญี่ปุ่น
...
ความที่ร้านนี้ขึ้นชื่อเรื่องอาหาร และเชฟซึ่งเป็นเจ้าของร้านรู้ว่าผมและหมึกแดงมากินอาหารที่ร้าน เขาจึงออกมาคอยดูแลและถามเราว่ารสชาติอาหารเป็นอย่างไรบ้าง ชอบไหม ถูกปากไหม ผมเลยให้หมึกแดงเขาเป็นคนชม เพราะไม่รู้จะติอะไรมันอร่อยทุกอย่าง นอกจากนี้ เขายังคัดสรรสาเกที่สุดยอดของเกียวโตมาให้เราเลือกถึง 3 ขวด รสชาติแตกต่างกันไป เช่น ออกรสหวาน หรือจะชอบแบบเข้มข้น ผมเลยบอกว่าเอาทั้งสามขวดแล้วกัน ทั้งสาเก ทั้งเบียร์ หรุ (คนญี่ปุ่นเรียกเบียร์ว่าเบียร์หรุ) แถมยังต้องชนแก้ว คัมไปกับประธานบริษัท และเจ้าหน้าที่อาวุโส 3-4 คนที่มาร่วมกินอาหารกับเรา เล่นเอาเดินเซต้องให้หมึกแดงพยุงออกจากร้าน
แต่ที่ประทับใจและเป็น ครั้งแรกในชีวิตของผมที่เดินทางมาญี่ปุ่นกว่า 40 ปีแล้วได้ไปร้องเพลงคาราโอเกะของแท้ของญี่ปุ่น เล่นเอาคณะของเราแย่งกันร้องเพลงแข่งกับประธานบริษัทซันคลอเรลล่า แต่สำหรับผมไม่สามารถร้องกับคาราโอเกะได้เพราะนอกจากจะไม่มีเพลงไทยแล้ว เพลงฝรั่งที่เขาร้องกันผมก็ไม่ถนัดจะร้องกับคาราโอเกะ จึงต้องร้องแบบสดๆ ไม่ต้องใช้ทำนอง โดยได้ร้องเพลงญี่ปุ่นเก่าสมัยสงครามซึ่งเป็นเพลงประจำตัวที่ผมร้องได้ชื่อ เพลงคุนิโนฮานะ แปลว่า ดอกไม้ของชาติ พอร้องจบประธานบริษัทฯ และมาม่าซังเจ้าของร้านอ้าปากค้าง ตะโกนโหวกเหวกปรบมือกันยกใหญ่ แล้วถามว่าร้องได้อย่างไร ไม่เคยได้ยินมาก่อน ทำไมออกเสียงชัดมาก และร้องเพราะกว่าคนญี่ปุ่นเสียอีก (จะเคยได้ยินได้อย่างไร ก็มันเป็นเพลงสมัยสงครามพวกนี้ยังไม่เกิดเลย) ทำเอาท่านประธานและมาม่าซังสาวสวยทั้งสามคนต้องรินสาเกดื่มเป็นการคารวะ 3 จอก
บรรยากาศภายในร้านคาราโอเกะสนุกสนานมากเพราะมีแต่ คณะของเราเหมาร้านเลย มาม่าซังสาวสวยทั้ง 3 คน อายุไม่เกิน 30 สวยน่ารักทุกคน นอก จากจะช่วยหาเพลง ร้องเพลงคลอไปด้วยแล้ว ยังเต้นรำ ตามทำนองเพลงออกท่าทางดูแล้วน่ารักมาก ไม่แปลกใจเลยที่ผู้ชายญี่ปุ่นชอบเข้าคาราโอเกะร้องเพลงกัน เพราะมาม่าซังสวยน่ารักและคอยดูแลเอาอกเอาใจเติมสาเกให้ดื่มกินกันจนเมาแบบ สนิทชิดใกล้ กว่าจะเลิกรากลับที่พักก็ปาไปตีหนึ่งกว่า
การไปเกียวโตในครั้งนี้เป็นการไปญี่ปุ่นที่สนุก กว่าทุกครั้งที่เคยไปมา ต้องขอขอบคุณ ม.ร.ว.วุฒิสวัสดิ์ สวัสดิวัตน์ น้องชายของผมที่เป็นตัวแทน จำหน่ายซันคลอเรลล่าในประเทศไทย พาผม หมึกแดง และทีมงานครอบจักรวาล ไปดูกระบวนการผลิตซันคลอเรลล่า สาหร่ายเซลล์เดียวที่ผมกินมาตั้งแต่อายุ 60 ปี จนถึงเดี๋ยวนี้ก็ยังกินอยู่
ผมจึงมีร่างกายแข็งแรง มีพละกำลังจัดรายการครอบจักรวาล และเขียนคอลัมน์ซันเดย์ สเปเชียล ไปได้อีกนาน.
************
ม.ร.ว.ถนัดศรี สวัสดิวัตน์