เมื่อ 25 พ.ค.ประธานาธิบดีโรดริโก ดูเตร์เต ผู้นำฟิลิปปินส์ ขู่ประกาศใช้กฎอัยการศึกทั่วประเทศ ถ้าเชื่อว่าภัยคุกคามจะลุกลาม หลังกลุ่มติดอาวุธฆ่าตัดศีรษะตำรวจ 1 นาย และจับตัวประกันหลายรายพร้อมยังยึดพื้นที่ส่วนมากของเมืองมาราวี บนเกาะ มินดาเนา ทางภาคใต้ไว้อย่างเหนียวแน่นตั้งแต่ 23พ.ค.
ดูเตร์เตได้ประกาศกฎอัยการศึกในพื้นที่และมีผลบังคับใช้ 60 วันนับแต่เกิดเหตุช่วงแรกๆ หลังทหารฟิลิปปินส์บุกจู่โจมค้นบ้านหลังหนึ่งในเมืองมาราวีที่เชื่อว่านายอีสนิลอน ฮาปิลอน ผู้นำกลุ่มติดอาวุธที่แยกตัวมาจากกลุ่มอาบู ไซยาฟและประกาศสวามิภักดิ์กลุ่มรัฐอิสลาม (ไอเอส) หลบซ่อนอยู่ แต่ระหว่างนี้ได้มีกลุ่มติดอาวุธที่อาจเป็นเครือข่ายของฮาปิลอนและอีกส่วนเป็นกลุ่มที่ชื่อว่า “มอเต” ซึ่งสวามิภักดิ์ต่อไอเอสเช่นกัน บุกเข้ายิงปะทะกับทหาร ก่อนขยายวงเข้ายึดอาคารสถานที่ต่างๆรวมถึงโรงพยาบาลและโบสถ์พร้อมจุดไฟเผา และยังจับตัวประกันนักบวชคาทอลิกและประชาชนรวม 14 คน โดย ณ วันที่ 25 พ.ค. ยังมีเสียงปืนและระเบิด ดังขึ้นเป็นระยะๆทั่วเมืองมาราวี และคาดว่ายังเหลือกลุ่มติดอาวุธซุ่มอยู่ราว 30-40 คน เจ้าหน้าที่แจ้งเตือนชาวบ้านในเมืองที่มีราว 200,000 คน ให้เร่งหลบหนีออกมา แม้มีอพยพหนีแล้วหลายพันคนนับแต่เกิดเหตุ
ส่วนฮาปิลอนซึ่งเป็นหัวโจกของกลุ่มติดอาวุธที่รวมเป็นพันธมิตรแบบหลวมๆที่ก่อเหตุยึดเมืองมาราวีครั้งนี้ยังไม่รู้ชะตากรรม แต่ก่อนหน้านี้เขาได้รับบาดเจ็บในเหตุโจมตีของกองทัพฟิลิปปินส์เมื่อเดือน ม.ค. และถูกสหรัฐฯขึ้นบัญชีเป็นผู้ก่อการร้ายตัวฉกาจ มีค่าหัว 5 ล้านดอลลาร์ (ราว 170 ล้านบาท)
ยอดผู้เสียชีวิตล่าสุด มีทหารเสียชีวิต 5 นาย ตำรวจเสียชีวิต 2 นายรวมทั้งคนที่ถูกฆ่าตัดศีรษะ ส่วนกลุ่มติดอาวุธเสียชีวิต 13 คน แต่โทรทัศน์ท้องถิ่น “จีเอ็มเอ” ระบุด้วยว่ามีพลเรือน 9 คน ถูกสังหารด้วย แต่เจ้าหน้าที่ยังไม่ยืนยัน
...
วันเดียวกัน ประธานาธิบดีโจโก วิโดโด หรือ โจโกวี ของอินโดนีเซีย สั่งตำรวจสอบสวนอย่างรอบด้าน หลังเกิดเหตุคนร้าย 2 คน จุดชนวนระเบิดฆ่าตัวตายนอกสถานีรถโดยสารย่านกัมปุง เมลายู ทางตะวันออกกรุงจาการ์ตา ทิ้งช่วงห่างกัน 5 นาทีเมื่อคืน 24 พ.ค. ทำให้ตำรวจเสียชีวิต 3 นายและมีผู้บาดเจ็บอีก 12คน รวมตำรวจ 6 นายโดย 2 คนร้ายใช้ระเบิดหม้อแรงดันอากาศ แม้ยังไม่มีใครอ้างก่อเหตุ แต่เจ้าหน้าที่เชื่อว่าน่าจะเป็นกลุ่มเจมาห์ อันชารุต เดาเลาะห์ (เจเอดี) ที่เชื่อมโยงไอเอส.