คนไทยทุกคน มีหน้า ที่ต้องเสียภาษีอากรตามที่กฎหมายกำหนด ทั้งทางตรง ทางอ้อม สารพัดภาษี
และเป็นธรรมดา ผู้ที่ใช้วิชามารหลีกเลี่ยงภาษี ก็มักโดนสรรพากรไล่บี้ เรียกเก็บภาษีย้อนหลังกันอาน
แต่ที่กำลังเป็นเรื่องฮือฮา ไม่น้อยกว่ากระแส “หน้ากากอีกาดำ” กับ “หน้ากากทุเรียน”
ก็คือ การที่รัฐบาล “หน้ากากเสือ” ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี สั่งการให้กรมสรรพากร เช็กบิล ภาษีขายหุ้นชินคอร์ป จาก “หน้ากากสี่เหลี่ยม” ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ก่อนจะหมดอายุความวันที่ 31 มีนาคม
หลังจากโดน สตง. ขู่ หากไม่ดำเนินการจะโดนเล่นงานข้อหาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่!!!
รัฐบาลจึงควานหาช่องกฎหมายให้กรมสรรพากรเร่งจัดเก็บภาษี “หุ้นชินคอร์ป” ก่อนครบกำหนดเส้นตาย
สุดท้าย กรมสรรพากรดีดลูกคิดรางแก้ว เคาะตัวเลขเรียกเก็บภาษี พร้อมค่าปรับจาก “ทักษิณ” ฉลองเทศกาลเช็งเม้ง สิริรวมหลงจ๊ง 17,629 ล้านบาท
โดยประเมินจากการที่บริษัทแอมเพิลริช ขายหุ้นนอกตลาดให้ลูกชายและลูกสาวอดีตนายกฯทักษิณ ในฐานะนอมินีจำนวน 329.2 ล้านหุ้น ราคาหุ้นละ 1 บาท ก่อนที่ “ทักษิณ” เทขายให้บริษัทเทมาเส็กแบบยกลอต 1,400 ล้านหุ้นในราคาหุ้นละ 49.25 บาท
และเมื่อไม่มีตัวแทนผู้รับมอบอำนาจจาก “ทักษิณ” มารับทราบการประเมินภาษี ทางกรมสรรพากรจึงส่งเจ้าหน้าที่ไปติดหมายประเมินภาษี ที่หน้าบ้านจันทร์ส่องหล้า เป็นการประทับตราว่าได้แจ้งให้ทราบแล้ว
ทั้งนี้ ตามขั้นตอนอดีตนายกฯทักษิณ สามารถทำเรื่องขออุทธรณ์ต่อกรมสรรพากรได้ภายใน 30 วัน และถ้ายังไม่จ่ายกรมสรรพากรก็ต้องไปฟ้องศาลภาษีอากรกลางต่อไป
ซึ่งทีมกฎหมายของ “ทักษิณ” ก็ตั้งโต๊ะแถลงทันทีว่า อดีตนายกฯต้องใช้สิทธิอุทธรณ์แน่นอน
...
พร้อมอ้างเหตุการขายหุ้นชินคอร์ปเป็นการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ ได้รับการยกเว้นภาษี และศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง สั่งยึดทรัพย์ “ทักษิณ” ในคดีร่ำรวยผิดปกติไปแล้ว 4.6 หมื่นล้านบาท
ด้วยเหตุฉะนี้นายใหญ่จึงไม่มีภาระภาษีตามกฎหมายแต่ประการใดทั้งสิ้น!!!
แถมขู่ฟ้องกลับผู้เกี่ยวข้องที่เรียกเก็บภาษีระนาวกราวรูด ฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ
มองตามรูปการณ์แล้ว ใช่ว่าจะปลิ้นกระเป๋าเก็บภาษี “ทักษิณ” ได้ง่ายๆ เพราะยังต้องสู้กันอีกหลายยก!!!
แต่ที่แน่ๆ พลพรรคฝ่ายถือหาง “ทักษิณ” ได้ทีตีปี๊บประจานรัฐบาลคสช.ใช้อำนาจกลั่นแกล้ง เอามาตรการภาษีมาเป็นเครื่องมือทางการเมือง
ขณะที่รัฐบาลก็อ้างทำตามกฎหมาย ถ้าไม่ทำก็ถูกมองว่าซูเอี๋ย แต่พอเรียกเก็บภาษีก็หาว่ากลั่นแกล้ง
กลายเป็นเรื่องมองกฎหมายต่างมุม ทำให้ชาวบ้านปวดเศียรเวียนเกล้าไม่รู้จะเชื่อฝั่งไหน???
“พ่อลูกอิน” ไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญภาษี แต่มองว่าการที่รัฐบาลสั่งให้กรมสรรพากรเรียกเก็บภาษีขายหุ้นชินคอร์ป เป็นเรื่องที่ต้องทำตามหน้าที่รับผิดชอบ
ที่สำคัญการให้ศาลตัดสินชี้ขาดว่าต้องเสียภาษีหรือไม่ ถือว่าชอบธรรมกับทุกฝ่าย
และเป็นการสร้างบรรทัดฐาน ดีกว่าปล่อยให้เถียงกันไม่จบ!!!
“พ่อลูกอิน”