เจ้าหน้าที่ระดับสูงยูเอ็น สุดห่วงชะตากรรมของชาวโรฮีนจาในเมียนมา ชี้ทหาร ตำรวจ กำลังก่ออาชญากรรมต่อมนุษยชาติ ทำรุนแรงกับโรฮีนจา อีกทั้งสถานการณ์ของชนกลุ่มน้อยชาวมุสลิมในเมียนมาเลวร้ายกว่าที่คิด 

เมื่อ 10 มี.ค.60 สำนักข่าวบีบีซี รายงาน นางยังฮี อี ผู้เขียนรายงานการประชุมพิเศษของสหประชาชาติ ด้านสิทธิมนุษยชนในเมียนมา เผยถึงชะตากรรมของชนกลุ่มน้อยชาวมุสลิมโรฮีนจาในประเทศเมียนมาว่า ทหารและตำรวจเมียนมากำลังก่อ ‘อาชญากรรมต่อมนุษยชาติ’ กับชาวโรฮีนจา โดยเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ซึ่งได้ให้สัมภาษณ์กับรายการ BBC Newsnight-BBC Our World Investigation ว่า ตนไม่ได้รับอนุญาตให้เดินทางเข้าไปในพื้นที่ขัดแย้งในเมียนมา แต่หลังจากพูดคุยกับชาวโรฮีนจาที่ลี้ภัยออกจากรัฐยะไข่ ทางภาคตะวันตกของประเทศ เข้ามาในบังกลาเทศ จึงทราบว่าสถานการณ์ของชาวโรฮีนจาในเมียนมาเลวร้ายกว่าที่ตนคาดคิดไว้

ขณะที่ บีบีซี รายงานว่า ขณะนี้มีชาวมุสลิมโรฮีนจากว่า 70,000 คน ลี้ภัยจากเมียนมาไปยังบังกลาเทศ ในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา หลังจากกองทัพเดินหน้าปราบปรามชาวโรฮีนจาอย่างรุนแรงตั้งแต่เดือนตุลาคมปีที่แล้ว โดยที่ค่ายผู้อพยพในบังกลาเทศนั้น นักข่าวบีบีซีได้ยินชาวโรฮีนจาลี้ภัยเล่าว่า กองกำลังความมั่นคงของเมียนมา ทั้งยิงพลเรือน ลักพาตัว และข่มขืนเด็กสาว ซึ่งคำบอกเล่าของพวกเขาเหล่านี้ มีทั้งดาวเทียมและคลิปวิดีโอเป็นหลักฐานยืนยันว่าเกิดเหตุการณ์รุนแรง

...

บีบีซี เผยด้วยว่า ผู้สื่อข่าวบีบีซีพยายามติดต่อขอสัมภาษณ์ นางออง ซาน ซูจี รมว.ต่างประเทศ เพื่อพูดคุยเกี่ยวกับสถานการณ์ของชาวโรฮีนจาในรัฐยะไข่ แต่นางซูจี ซึ่งมีอำนาจในรัฐบาลที่เข้ามาบริหารประเทศมานานเกือบปี ปฏิเสธจะให้สัมภาษณ์ ขณะที่โฆษกพรรครัฐบาลสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย (เอ็นแอลดี) ชี้ว่า ข้อกล่าวหาดังกล่าวเกินความจริง อีกทั้งเรื่องนี้เป็นเรื่องภายในประเทศ ไม่ใช่ประเด็นต่างประเทศ.