ปภ. รายงานอุทกภัย อุทัยธานี ยังคงมีน้ำท่วมขังในพื้นที่ลุ่มต่ำทางการเกษตร พร้อมประสานภาคเหนือ อีสาน รับมืออากาศหนาวเย็น ส่วนภาคใต้ ระวังอันตรายจากฝนตก

นายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า ฝนที่ตกหนักต่อเนื่องในช่วงวันที่ 7-10 พ.ย. 59 ส่งผลให้เกิดน้ำไหลหลากและน้ำเอ่อล้นตลิ่งใน จ.อุทัยธานี รวม 5 อำเภอ 21 ตำบล 67 หมู่บ้าน ปัจจุบันยังคงมีน้ำท่วมขังพื้นที่ลุ่มต่ำทางการเกษตรใน 2 อำเภอ ได้แก่ อ.หนองฉาง และ อ.หนองขาหย่าง รวม 16 ตำบล 56 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 561 ครัวเรือน พื้นที่การเกษตรเสียหายประมาณ 6,695 ไร่ ถนนถูกน้ำท่วมขัง 5 สาย ระดับน้ำลดลงอย่างต่อเนื่อง 

ทั้งนี้ ปภ. ร่วมกับหน่วยทหาร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัย โดยติดตั้งเครื่องสูบน้ำระบายน้ำออกจากพื้นที่ชุมชนไปยังแหล่งรองรับน้ำ รวมถึงแจกจ่ายเครื่องอุปโภคบริโภคบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้น อีกทั้งจัดเจ้าหน้าที่พร้อมรถบรรทุกขนาดใหญ่ เรือท้องแบน อำนวยความสะดวกในการสัญจรและขนย้ายสิ่งของแก่ประชาชนในพื้นที่ประสบภัย ตลอดจนประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสำรวจและจัดทำบัญชีผู้ประสบภัยและทรัพย์สินที่เสียหาย เพื่อให้การช่วยเหลือตามระเบียบกระทรวงการคลัง พร้อมเร่งซ่อมแซมสาธารณูปโภคและสิ่งสาธารณประโยชน์ให้ใช้งานได้ตามปกติโดยเร็ว

นอกจากนี้ จากการติดตามสภาพอากาศกับกรมอุตุนิยมวิทยา พบว่า บริเวณความกดอากาศสูงกำลังอ่อนพัดปกคลุมประเทศไทยตอนบน ทำให้ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน มีอากาศหนาวเย็นและมีหมอกในช่วงเช้า ปภ. จึงได้ประสานจังหวัดเตรียมรับมือสภาพอากาศหนาวเย็น และวางมาตรการป้องกันภัยในช่วงฤดูหนาว เน้นการประชาสัมพันธ์ข้อมูลสภาพอากาศและภาวะความเสี่ยงภัยในช่วงฤดูหนาว เพื่อให้ประชาชนสามารถดำเนินชีวิตในช่วงฤดูหนาวได้อย่างปลอดภัย สำหรับผู้ใช้รถใช้ถนนขอให้เพิ่มความระมัดระวังในการขับขี่ โดยเปิดไฟหน้ารถ ไฟตัดหมอก ไม่ขับรถเร็ว เว้นระยะห่างจากรถคันหน้าให้มากกว่าปกติ ไม่แซงหรือเปลี่ยนช่องทางกะทันหัน เพื่อป้องกันอุบัติเหตุในช่วงหมอกปกคลุมเส้นทาง

...

ส่วนมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือยังคงพัดปกคลุมภาคใต้และอ่าวไทย ส่งผลให้ภาคใต้ตอนล่างมีฝนตกได้ในระยะนี้ ปภ. จึงได้ประสานให้จังหวัดในพื้นที่เสี่ยงภัยจัดเจ้าหน้าที่ติดตามสภาพอากาศ เฝ้าระวังสถานการณ์ภัยอย่างใกล้ชิด พร้อมจัดเจ้าหน้าที่ชุดเคลื่อนที่เร็ว เครื่องมือ อุปกรณ์และเครื่องจักรกลด้านสาธารณภัยให้พร้อมปฏิบัติการเผชิญเหตุและช่วยเหลือผู้ประสบภัย

ทั้งนี้ ประชาชนที่อาศัยในพื้นที่เสี่ยงภัยให้ติดตามพยากรณ์อากาศและประกาศเตือนภัย พร้อมปฏิบัติตามคำเตือนอย่างเคร่งครัด และหากประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากสถานการณ์ภัยสามารถติดต่อได้ที่สายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานให้การช่วยเหลือโดยด่วนต่อไป.