ปวงชนชาวไทยร่วมใจทำความดีถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพล อดุลยเดช หมอเมืองขอนแก่นเปิดคลินิกรักษาคนไข้ฟรี ขณะที่ กศน.ทั่วประเทศ เปิดย้อมผ้าดำให้ประชาชน ส่วนตำรวจบุรีรัมย์ทำริบบิ้นดำแจกบนโรงพัก แม่ค้าส้มตำเมืองดอกบัวเปิดโรงทานให้ชาวบ้านมาร่วมพิธีสวดในวัด ด้าน “น้องอรสู้โว้ย” อดีตนักยกน้ำหนัก สุดประทับใจ ได้เข้าเฝ้าฯ ทูลเกล้าฯถวายเหรียญทองโอลิมปิกปี 2004
พสกนิกรร่วมกันทำดีถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณพร้อมน้อมนำพระราชดำรัสและรำลึกถึงพระราชกรณียกิจที่ทรงมีต่อปวงชนชาวไทยตลอดมา
ชาวนครพนมซึ้งรับเสด็จ 8 ครั้ง
วันที่ 19 ต.ค. ที่ศาลากลางจังหวัดนครพนม นายสมชาย วิทย์ดำรงค์ ผวจ.นครพนม และ พล.ต.อรรถ สิงหัษฐิษ ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 210 นำข้าราชการฝ่ายปกครอง ทหาร และตำรวจร่วมพิธีแสดงความอาลัยและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณต่อพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เพื่อแสดงออกถึงความจงรักภักดี เป็นการน้อมรำลึกถึงพระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระปรมินทร มหาภูมิพลอดุลยเดช ที่เคยเสด็จฯมาเยี่ยมพสกนิกร พัฒนาดูแลโครงการพระราชดำริช่วยเหลือพสกนิกรในพื้นที่ จ.นครพนม มากถึง 8 ครั้ง ทำให้ชาวนครพนมรู้สึกซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์อย่างมาก
นำชุดพระราชอาสน์ออกแสดง
ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติมหาวีรวงศ์ อ.เมืองนครราชสีมา ซึ่งเป็นสถานที่เก็บโบราณวัตถุชิ้นสำคัญของประเทศจำนวนมาก โดยหนึ่งในนั้นคือชุดพระ ราชอาสน์ที่ประทับ (ชุดเก้าอี้) ของพระเจ้าอยู่หัว 3 รัชกาลที่เสด็จฯมา จ.นครราชสีมาคือรัชกาลที่ 5 เมื่อปี 2443 รัชกาลที่ 6 เมื่อปี 2446 และพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 พร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จเยี่ยมเยียนราษฎรที่บริเวณศาลากลางจังหวัดนครราชสีมา เมื่อวันที่ 2 พ.ย.2498 โดยนางวรรณสุรีย์ แก่นวงศ์ เจ้าพนักงานพิพิธภัณฑ์ชำนาญงาน เปิดเผยว่า ชุดพระราชอาสน์นี้ถูกเก็บรักษาไว้อย่างดี และยังไม่ค่อยมีใครรู้ ล่าสุด ผวจ.นครราชสีมาได้ทำหนังสือขออนุญาตกรมศิลปากรนำชุดพระราช อาสน์ไปจัดแสดงที่ศาลากลางจังหวัดนครราชสีมา ระหว่างวันที่ 2-4 พ.ย.2559
...
ตชด.24 จัดนิทรรศการโชว์ภาพ
ที่อาคารเกียรติยศค่ายเสนีย์รณยุทธ กองกำลังการตำรวจตระเวนชายแดนที่ 24 ค่ายเสนีย์รณยุทธ จ.อุดรธานี มีการจัดทำห้องนิทรรศการถึงประวัติการสร้างค่าย และแสดงภาพถ่ายพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระ องค์ เมื่อครั้งเสด็จมาเยี่ยม ตชด.24 โดย ร.ต.ท.วิเชียร แดงวงษา รองสารวัตร กก.ตชด.24 กล่าวว่า พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ได้เสด็จพระราชดำเนินค่ายเสนีย์รณยุทธถึง 2 ครั้งเมื่อวันที่ 8 พ.ย.2498 เพื่อบำรุงขวัญข้าราชการตำรวจตระเวนชายแดน โดยพระองค์ได้เดินขึ้นมายืนประทับฉายพระรูปที่หน้าอาคารนี้ และเป็นภาพประวัติศาสตร์ที่ชาว ตชด.24 สุดภาคภูมิใจมาก จากนั้นวันที่ 19 มี.ค.2515 ได้เสด็จฯทอดพระเนตรกิจการลูกเสือชาวบ้าน และพระราชทานธงประจำรุ่นอย่างเป็นกันเองและไม่ถือพระองค์ ยังความปลาบปลื้มให้กับตำรวจตระเวนชายแดนที่ 24 และประชาชนที่เข้ารับการอบรมลูกเสือชาวบ้านทุกคน
พระราชทาน ร.ร.ร่มเกล้าแห่งแรก
ด้านนายมั่น ณ หนองคาย อายุ 76 ปี อดีตครูโรงเรียนร่มเกล้า บ้านหนองแคน หมู่ 6 ต.หนองแคน อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร อยู่บ้านเลขที่ 100 หมู่ 6 บ้านหนองแคน ต.หนองแคน เปิดเผยว่า ตนถือเป็นครูคนแรกที่สอนโรงเรียนร่มเกล้า โรงเรียนแห่งนี้ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชได้พระราชทานเงิน 92,063 บาท มาก่อสร้างอาคารเรียนหลังใหม่เป็นอาคารเรียนถาวรขนาด 5 ห้องเรียน และวันที่ 30 ต.ค.2516 พระองค์เสด็จพระราชดำเนินมาเปิดอาคารเรียนดังกล่าว และได้พระราชทานนามใหม่ว่า “โรงเรียนร่มเกล้า” อีกทั้งยังเป็นโรงเรียนร่มเกล้าแห่งแรกของประเทศ จากนั้นพระองค์ท่านเสด็จเยี่ยมครูและนักเรียนและมอบอุปกรณ์การเรียนการสอนอีก 3 ครั้งในปี 2519 ปี 2521 และปี 2522
“น้องอรสู้โว้ย” ประทับใจได้เข้าเฝ้าฯ
ด้านพันตรีหญิงอุดมพร พลศักดิ์ หรือ “น้องอรสู้โว้ย” อายุ 34 ปี อดีตนักกีฬายกน้ำหนักหญิงเหรียญทองโอลิมปิกปี 2004 ที่ประเทศกรีซ อยู่บ้านเลขที่ 510/10 ชุมชนมหาชัยอุดมพร เขตเทศบาลนครนครราชสีมา ปัจจุบันช่วยราชการกองยุทธการ มณฑลทหารบกที่ 21 ค่ายสุรนารี อ.เมืองนครราชสีมา เปิดเผยว่า หลังจากคว้าเหรียญทองโอลิมปิกได้สำเร็จในครั้งนั้นได้มีโอกาสได้เข้าเฝ้าฯพระองค์ท่านเมื่อวันที่ 9 ก.ย.2547 ทำให้รู้สึกประทับใจและดีใจที่ครั้งหนึ่งได้มีโอกาสใกล้ชิดพระองค์ท่าน ครั้งนั้นได้ถวายเหรียญทองโอลิมปิกให้กับพระองค์ และท่านได้ตรัสสอนตนว่าคนเราเมื่อประสบความสำเร็จในชีวิตแล้วก็เปรียบเหมือนกับพระมหาชนกที่กว่าจะว่ายน้ำไปถึงฝั่งได้ ก็ต้องมีความพากเพียรพยายามถึงสำเร็จ
อดีตครูรำลึกถึงวันทรงจำ
นางนงรัตน์ มิตรเปรียญ หรือยายสุ อายุ 70 ปี อดีตครูประชาบาล อยู่บ้านเลขที่ 379 หมู่ 4 ต.คลองขุด อ.เมืองสตูล อีกคนหนึ่งที่เคยเข้าเฝ้าพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ขณะเสด็จเยือน จ.สตูล เมื่อปี 2518 เผยว่า พระองค์ท่านพร้อมสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ สมเด็จพระเทพ รัตนราชสุดาฯ และสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณ วลัยลักษณ์ฯ ทั้ง 4 พระองค์เสด็จฯมายังโรงเรียนสตูลวิทยา ทรงพระราชทานธงประจำรุ่นลูกเสือชาวบ้าน ขณะนั้นตนอายุ 30 ปี รับราชการครูกำลังฝึกลูกเสือชาวบ้านอยู่ที่โรงเรียนคลองขุด ถูกตามไปรับเสด็จ เป็น 1 ใน 2 ของลูกเสือชาวบ้านที่ได้เข้าเฝ้าฯ ได้รับพระบรมฉายาลักษณ์ของพระองค์ท่านจากสมเด็จพระราชินี เป็นผู้มอบ ทั้ง 2 พระองค์ทรงตรัสถามว่า มารอนานมั้ย ด้วยน้ำเสียงที่ไพเราะยังจำติดหู สมเด็จพระราชินียังตรัสชมว่าใส่ชุดสวย ตนใส่โจงกระเบนและเสื้อลายดอกชุดคล้ายสมัย ร.5 เป็นชุดที่แม่เตรียมให้ ถือเป็นเหตุการณ์ที่ประทับใจไม่อาจลืมได้ หลังทราบข่าวการเสด็จสวรรคตของพระองค์ ตนทำอะไรไม่ถูก ไม่อยากยอมรับแต่ต้องยอมรับสภาพความเป็นจริง ต้องเดินหน้าตามคำที่พระองค์ท่านสั่งสอนให้เป็นคนดีทำมาหากินสุจริตและรู้จักพอเพียง
...
ชาวนาปัตตานีรับเสด็จไม่รู้ตัว
นายเอก ยังอภัยย์ นายอำเภอหนองจิก จ.ปัตตานี เดินทางไปตามหาบุคคลตามเรื่องเล่าอันน่าประทับใจคือนายมูซอ ลือแมะ อายุ 75 ปี ชาวนามุสลิมพื้นที่ ต.ลิปะสะโง อ.หนองจิก จ.ปัตตานี เผยว่า เมื่อกว่า 40 ปีก่อน กำลังเกี่ยวข้าวอยู่กลางทุ่งนา มีรถยนต์ขับมาจอด เห็นกลุ่มคณะเดินมุ่งหน้าเข้ามาหาโดยที่ไม่ทราบมาก่อนว่าเป็นในหลวง เมื่อพระองค์ท่านเดินมาถึงตนตกใจมาก รีบนั่งลงกราบพระองค์ตรัสถามว่าเป็นอย่างไรบ้าง การทำมาหากินประสบปัญหาอะไรบ้าง ตนก็บอกถึงปัญหาปากท้องการทำมาหากินของคนที่นี่ คุยกันได้สักพักในหลวงก็มอบซองจดหมายแล้วเดินกลับขึ้นรถไป พอเปิดซองออกดูพบว่าภายในมีเงิน 500 บาท ตกใจและดีใจที่ได้เจอในหลวงมาก ไม่เคยคาดคิดว่าเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดินจะเข้ามาเยี่ยมราษฎรถึงในท้องนา หลังจากนั้น 1 ปี โครงการพระราชดำริและความเจริญก็เข้ามา จนชาวบ้านสามารถทำมาหากินลืมตาอ้าปากได้ อยู่ดีกินดีจนมาถึงทุกวันนี้
สุดปลื้มมองพระพักตร์ในหลวง
นางมาลี ศรีทองกุล อายุ 80 ปี ชาวบ้านเกาะพะงัน จ.สุราษฎร์ธานี ที่เคยรับเสด็จ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช สมเด็จ พระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ สมเด็จพระศรีนคริน ทราบรมราชชนนี พร้อมพระบรมวงศานุวงศ์ เสด็จ ประพาสเกาะพะงัน เมื่อวันที่ 23 เม.ย.2505 เผยว่า วันนั้นมีชาวบ้านไปรอรับเสด็จฯบริเวณอ่าวธารเสด็จ ต.บ้านใต้ กันล้นหลาม พระองค์ทรงตรัสถามชาวบ้านว่า “สบายดีกันทุกคนไหมจ๊ะ ชาวเกาะพะงัน” รวมทั้งทรงจารึกพระปรมาภิไธยย่อไว้เป็นอนุสรณ์ที่น้ำตกธารเสด็จ ระหว่างรับเสด็จชาวบ้านไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมองพระพักตร์พระองค์ท่าน สมเด็จย่าท่านรับสั่งว่า “ไม่เงยหน้าจะเห็นพระพักตร์ในหลวงเหรอ” ชาวบ้านจึงมีโอกาสได้เห็นพระพักตร์พระองค์ท่านอย่างใกล้ชิด สร้างความปลาบปลื้มให้เป็นอย่างมาก เมื่อทราบข่าวว่าพระองค์ท่านสวรรคต รู้สึกตกใจจนแทบหมดกำลังใจทำงาน เพราะชาวเกาะพะงันรักพระองค์ท่านมาก
...
ความทรงจำพ่อเฒ่าสวรรคโลก
นายเรือง วันทอง หรือตาเฮง อายุ 80 ปี และนางไข่ พรหมเอี่ยม อายุ 82 ปี สองตายายอยู่บ้านเลขที่ 126 ถนนหลวงพ่อเจ้า อ.สวรรคโลก จ.สุโขทัย เล่าถึงความประทับใจที่ไม่เคยลืมในชีวิตว่าเมื่อวันที่ 1 มี.ค.2501 มีโอกาสรับเสด็จฯ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และสมเด็จ พระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ บริเวณหน้าที่ว่าการอำเภอสวรรคโลก มีพสกนิกรมารอรับเสด็จฯมืดฟ้ามัวดิน ตาเฮงเผยว่า เมื่อได้เห็นพระองค์ท่านรู้สึกดีใจและปลาบปลื้มใจเป็นอย่างมาก หลังทราบข่าวการเสด็จสวรรคตก็เสียใจมาก ที่ผ่านมาได้ยึดถือแนวทางเศรษฐกิจพอเพียงในการดำเนินชีวิตตามคำสอนของพระองค์ท่าน เช่นเดียวกับยายไข่ เล่าให้ฟังว่ารู้สึกเสียใจเป็นอย่างมากที่ท่านจากไป และทุกครั้งที่นึกถึงพระองค์ท่านก็จะยกมือไหว้พระบรม ฉายาลักษณ์ที่ติดไว้บูชาที่หน้าบ้าน
ชมพระปรมาภิไธยย่อบนผนังถ้ำ
พระปลัดธนารักษ์ พุทธรักขิโต เลขานุการเจ้าคณะอำเภอตะกั่วทุ่ง จ.พังงา รองเจ้าอาวาสวัดสุวรรณคูหา พร้อมชาวบ้าน นำผู้สื่อข่าวไปชมพระปรมาภิไธยย่อ ภปร และ สก ซึ่งพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช พร้อมสมเด็จ พระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จประพาสวัดสุวรรณคูหา ต.กระโสม อ.ตะกั่วทุ่ง เมื่อวันที่ 12 มี.ค. 2502 ได้ทรงจารึกพระปรมาภิไธยย่อไว้ที่ผนังถ้ำแจ้ง แม้เวลาผ่านไปกว่า 57 ปีแล้ว พระปรมาภิไธยย่อของทั้ง 2 พระองค์ ยังคงเด่นเป็นสง่ามองเห็นได้ชัดเจน ยังความปลาบปลื้มใจให้กับพสกนิกรชาว จ.พังงา ไม่รู้ลืม และยังเป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางพระพุทธศาสนาที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวต่างชาติ หลังเสด็จสวรรคตทางวัดได้สวดพระอภิธรรมทุกคืน และเตรียมนำภาพเก่าครั้งที่พระองค์เสด็จ ประพาสวัดสุวรรณคูหามาจัดนิทรรศการภายในถ้ำแจ้ง เพื่อให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวได้ชมด้วย
...
ชาวอาข่านำม้าออกมารับเสด็จ
นายจำลอง ศักดิ์สูง อายุ 82 ปี อดีตปลัดอำเภอแม่สาย จ.เชียงราย เผยความประทับใจเมื่อครั้งรับเสด็จ เมื่อปี 2503 ว่า ขณะนั้นมีตำแหน่งเป็นเสมียนปกครอง อ.แม่สาย ถวายอารักขาพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ที่เสด็จฯมาเยี่ยมราษฎรชาวอำเภอแม่สายครั้งแรก มีชาวบ้านมารอรับเสด็จ ตะโกนคำว่า “ทรงพระเจริญ” เสียงดังกึกก้อง ต่อมาปี 2527 ไปรับเสด็จ ครั้งที่ 2 พระองค์เสด็จฯทางเฮลิคอปเตอร์พระที่นั่งไปลงที่ดอยผาหมี เพื่อเยี่ยมราษฎรชาวเขาเผาอาข่า ครั้งนั้นเส้นทางทุรกันดารมาก ไม่สามารถใช้ยานพาหนะได้ ผู้นำชาวอาข่านำม้าที่ชื่อสีหมอกมารับเสด็จ ประทับบนหลังม้าไปยังบ้านชาวเขาเผาอาข่า ระยะทาง 2 กม.เป็นทางสูงชันมาก เมื่อไปถึงพระองค์ได้เสวยน้ำชาของชาวเขาที่นำมาถวาย ได้ยินพระองค์ตรัสถามว่า “มารอนานหรือยัง” แล้วแย้มพระสรวล ทำให้ข้าราชการที่รอรับเสด็จ ต่างปลื้มปีติตื้นตันใจที่พระองค์ทรงห่วงใยประชาราษฎร์เป็นอย่างมาก
คนแห่สักฟรีเลขมงคล “๙”
ที่ร้าน Gu_D_Signบริการสัก-เจาะ-เพนต์บนร่างกาย เลขที่ 22/3 ถนนจรดวิถีถ่อง ต.บ้านกล้วย อ.เมืองสุโขทัย ประกาศให้บริการสักเลข ๙ ให้กับลูกค้าทุกคนฟรีเป็นเวลา 9 วัน น.ส.พัสพรกมล นุชถิ่น หรือช่างบุ๋ม อายุ 31 ปี เจ้าของร้านกำลังสักให้ลูกค้าส่วนใหญ่เป็นวัยรุ่นเผยว่า อยากมีส่วนร่วมในการทำความดีเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระองค์ท่าน จึงใช้วิชาชีพที่ถนัดคือการสักบนร่างกาย ใช้สัญลักษณ์เลข ๙ ถือเป็นเลขมงคล สักให้ฟรีแก่ลูกค้าเป็นเวลา 9 วัน ตั้งแต่วันที่ 19-27 ต.ค. ไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้น แต่ขอให้ร่วมบริจาคเงินแล้วแต่กำลังศรัทธา เพื่อนำไปซื้อโลงศพมอบให้แก่ผู้ยากไร้และศพไร้ญาติ ตลอดทั้งวันปรากฏว่ามีลูกค้าให้ความสนใจติดต่อเข้ามาจองคิวเป็นจำนวนมาก ด้าน น.ส.ปารวี ปานศรี อายุ 23 ปี หนึ่งในลูกค้าที่มาให้สักต้นแขนซ้ายเป็นเลข ๙ อยู่ตรงกลางแผนที่ประเทศไทยกล่าวว่า รักและเทิดทูนในหลวงมาก ลายที่สักเปรียบเสมือนพระองค์ท่านอยู่ในหัวใจของคนไทยทั้งประเทศ และพระบารมีของพระองค์ท่านคอยคุ้มครองตนไปตลอดชีวิต
คลินิกบริการรักษาผู้ป่วยฟรี
ที่คลินิกแพทย์หญิงนันทพรและนายแพทย์ดริส ถนนเหล่านาดี ต.ในเมือง อ.เมืองขอนแก่น มีการติดป้ายให้บริการตรวจรักษาผู้ป่วยโดยไม่คิดค่าใช้จ่ายตั้งแต่วันที่ 14-21 ต.ค.2559 เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช โดยมีประชาชนมารับบริการตรวจรักษากันอย่างต่อเนื่อง แพทย์หญิงนันทพร วงศ์สุรวัฒน์ เจ้าของคลินิก กล่าวว่า ต้องการทดแทนพระคุณพระองค์ท่านที่ก่อตั้งคณะแพทยศาสตร์ภูมิภาค เปิดโอกาสให้เด็กต่างจังหวัดได้เรียนหมอ จึงเปิดให้บริการรักษากับประชาชนไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ รวมถึงยารักษาโรคก็ให้ฟรีอีกด้วย
เจ้าของร้านส้มตำเปิดโรงทาน
ที่วัดหลวง ต.ในเมือง อ.เมืองอุบลราชธานี นางพรทิพย์ ตันตะยานนท์ อายุ 65 ปี เจ้าของร้านส้มตำพรทิพย์ ถนนสรรพสิทธิ์ ต.ในเมือง อ.เมืองอุบลราชธานี นำขนม ชา กาแฟ มาคอยบริการประชาชนที่มาร่วมพิธีสวดอภิธรรมถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพล อดุลยเดช โดยนางพรทิพย์เผยว่า เคยรับเสด็จพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช สมเด็จ พระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และสมเด็จพระ บรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เมื่อครั้งเสด็จ ผูกผ้าศาลหลักเมืองอุบลราชธานี ตอนอายุ 35 ปี ตอนนี้เป็นกลุ่มแม่บ้านทหารอากาศกองบิน 21 อุบลราชธานี ทำให้มีโอกาสรับเสด็จอย่างใกล้ชิด ระหว่างนั้นพระองค์ท่านยังตรัสถามว่าเรามาอุบลฯเป็นครั้งที่เท่าไหร่ ยังความปลาบปลื้มใจแก่ประชาชนที่มาคอยเฝ้ารับเสด็จเป็นอย่างมาก จึงชักชวนครอบครัวและเพื่อนๆ พ่อค้าแม่ค้าด้วยกันมาทำโรงทานตั้งแต่วันที่ 14 ต.ค.เป็นต้นมา
เปิดย้อมผ้าดำฟรีให้ประชาชน
ที่ตู้ยามหนองหิน ต.หนองหิน อ.เมืองยโสธร พล.ต.ต.พัชระ จันทบาล ผบก.ภ.จ.ยโสธร จัดโครงการย้อมผ้าดำให้ประชาชนฟรี มีชาวบ้าน 8 หมู่บ้านนำเสื้อผ้ากว่า 300 ตัวมาย้อม โดย พล.ต.ต.พัชระ กล่าวว่า โครงการย้อมผ้าดำให้ประชาชนฟรีจัดเป็นวันแรกเพื่อให้ประชาชนมีเสื้อดำใส่แสดงความอาลัยแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และจะทยอยลงพื้นที่บริการประชาชนทุกพื้นที่ ด้านนายพีระดล จงเจริญรัตน์ ผอ.สรรพสามิตภาคที่ 3 จ.นครราชสีมา รับย้อมผ้าดำฟรีให้กับประชาชนหน้าสำนักงานสรรพสามิตภาคที่ 3 มีประชาชนไปใช้บริการจำนวนมาก
พระบรมฉายาลักษณ์แจกฟรี
ที่ร้านเจียคัลเลอร์แลป ร้านถ่ายรูปชื่อดังย่านตลาดกิมหยง เขตเทศบาลนครหาดใหญ่ จ.สงขลา ทำความดีเพื่อในหลวง แจกพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ขนาด 8×10 นิ้ว หรือเท่ากับกระดาษเอ 4 และขนาด 4×6 หรือโปสต์การ์ด ให้กับลูกค้าและประชาชนทั่วไป มีประชาชนมายืนต่อคิวรอรับจนแน่นร้าน นอกจากนี้ ยังแจกริบบิ้นสีดำฟรีอีกด้วย นายสมบูรณ์ดี สนองคุณวรกุล เจ้าของร้านเผยว่า อยากร่วมทำความดีถวายในหลวง จึงได้แจกพระบรมฉายาลักษณ์พระองค์ท่านฟรีจนถึงวันที่ 24 ต.ค.นี้ วันละ 3 รอบคือ 09.30-11.30 น., 13.30-16.30 น. และ 18.00-19.00 น. แต่ ละวันมีประชาชนมาขอรับกว่า 1,500 ใบ นอกจากนี้ยังมีลูกค้ามาเลือกซื้อพระบรมฉายาลักษณ์ขนาดต่างๆ นำไปใส่กรอบอย่างดีเพื่อเก็บไว้ที่บ้านเป็นสิริมงคลกับชีวิต
“โกจู” แจกเนื้อหมู 500 กิโล
นายพีรพันธ์ พันธุนะ หรือโกจู อายุ 54 ปี เจ้าของเขียงหมูสด โกจูและเจ๊หนุ่ย ตลาดกอบกาญจน์ หรือตลาดแม่ครู เขตเทศบาลนครสุราษฎร์ธานี ได้นำหมูสดพร้อมข้าวสารและน้ำดื่มแจกฟรี มีชาวบ้านมารอรับบัตรคิวกว่า 500 คน โกจูเผยว่า มีฟาร์มหมู ของตัวเองและขายหมูสดมากว่า 23 ปี อยากทำอะไร เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระ ปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช จึงนำหมูสด 500 กก.และซื้อข้าวสาร 500 กก. พร้อมน้ำดื่มแจกฟรี ตอนแรก ตั้งใจจะแจกบัตรคิววันละ 100 คิว ต้องเปลี่ยนเป็นแจกทั้งหมด 500 คิวในวันเดียวเนื่องจากประชาชนที่ทราบข่าวมารอรับกันจำนวนมาก หลังจากทราบว่าพระองค์ท่านเสด็จสวรรคตรู้สึกเสียใจมาก ที่ผ่านมาได้น้อมนำแนวพระราชดำริของพระองค์มาใช้ในชีวิตและครอบครัว ตนก็พอมีกินมีใช้จึงอยากแบ่งปันให้ผู้ทุกข์กว่าเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลเพราะชีวิตนี้ที่เกิดมาอยู่บนผืนแผ่นดินไทยถือว่าโชคดีที่สุดแล้ว
ตำรวจบุรีรัมย์ทำริบบิ้นฟรี
ที่ จ.บุรีรัมย์ พล.ต.ต.ฉัตรวรรษ แสงเพชร ผบก.ภ.จ.บุรีรัมย์ พร้อมข้าราชการตำรวจฝ่ายอำนวยการ ร่วมกันจัดทำเข็มกลัดริบบิ้นและโบ สีดำไว้อาลัย เพื่อแจกจ่ายให้กับข้าราชการตำรวจในสังกัดและประชาชนที่มาติดต่อราชการ รวมถึงประชาชนทั่วไปนำไปติดไว้ที่บริเวณแขนเสื้อด้านซ้ายสำหรับร่วมไว้ทุกข์และแสดงความไว้อาลัยแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชแทนการสวมใส่เสื้อสีดำหรือสำหรับคนที่ไม่มีเสื้อสีดำสวมใส่เนื่องจากเสื้อสีดำกำลังขาดตลาดและมีราคาสูงอยู่ในขณะนี้ พล.ต.ต.ฉัตรวรรษกล่าวว่า ตำรวจบุรีรัมย์มีทั้งหมด 34 โรงพักและใช้เวลาว่างช่วงพักกลางวัน หรือหลังเลิกงานร่วมกันจัดทำเข็มกลัดริบบิ้นและโบสีดำไว้อาลัย
ทำแจกชาวบ้านหน้าร้านชำ
ที่ร้านขายของชำชื่อร้านแตงโม เลขที่ 66 ถนนแชแล ต.กุมภวาปี อ.กุมภวาปี จ.อุดรธานี นางกิมออน ศรีมันตะ เจ้าของร้านได้ทำริบบิ้นสีดำ มาวางแจกจ่ายให้ประชาชนฟรีบริเวณหน้าร้าน โดยนางกิมออน เปิดเผยว่า ขณะนี้เสื้อสีดำขาดตลาดประชาชนหาซื้อกันมาก ทำให้มีราคาแพง การทำริบบิ้นแจกเพื่อเป็นการช่วยเหลือชาวบ้านอีกทางหนึ่ง อีกทั้งเป็นการถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จ พระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และตอนนี้ริบบิ้นสีดำก็ขาดตลาดต้องไปหาซื้อมาจากในเมืองอุดรธานี
เศรษฐินีห้างลดราคาผ้าสีดำ
นางอัมพาพันธ์ อมรวานิชย์ อายุ 64 ปี เศรษฐินีเจ้าของห้างผ้าโชคดี ถนนชมพูพล อ.เมืองนครศรีธรรมราช ทำข้าวห่อวันละ 400 ห่อ พร้อมน้ำเปล่ามาแจกฟรีให้ประชาชนผู้ยากไร้ เป็นการทำความดีแสดงความไว้อาลัยแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช นอกจากนี้ทางร้านยังลดราคาผ้าสีดำสีขาวเกือบครึ่ง เช่น ปกติขายหลาละ 350 บาท ลดเหลือ 200 บาท นางอัมพาพันธ์เผยว่า ตลอดระยะเวลากว่า 4 ปีที่ผ่านมา ตนพร้อมพนักงานร่วมกันทำข้าวห่อมาแจกจ่ายผู้ยากไร้เพื่อรับประทานเป็นอาหารมื้อเที่ยงฟรีทุกวัน ยกเว้นวันอาทิตย์ เฉลี่ยแล้วต้องเสียค่าใช้จ่ายประมาณวันละ 3,000 บาท ตนและครอบครัวยึดแนวปฏิบัติของในหลวงว่าต้องรู้จักการให้ แบ่งปัน และอยู่อย่างพอเพียง เพราะท้ายที่สุดแล้วเราก็เอาอะไรไปไม่ได้ อะไรที่ทำเพื่อสังคมได้ก็ขอให้ทำ
รับจิตอาสาช่วย กศน.ย้อมผ้าดำ
ส่วนศูนย์การศึกษานอกโรงเรียน หรือ กศน.ทั่วประเทศได้เปิดให้บริการย้อมผ้าสีดำให้ฟรี เพื่อลดรายจ่ายของประชาชนที่ต้องการใส่เสื้อผ้าสีดำไม่จำเป็นต้องซื้อใหม่ โดยที่ศูนย์การศึกษานอกโรงเรียนจังหวัดกระบี่ เปิดจุดบริการวันแรกมีประชาชนมาลงทะเบียนไว้เกือบ 1 พันตัว เจ้าหน้าที่ต้องเพิ่มเตาไฟย้อมผ้าจากเดิม 2 เตาเป็น 3 เตา น.ส.จุรีรัตน์ โพธิ์วิจิตร ผอ.กศน.กระบี่ กล่าวว่า มีประชาชนมาลงทะเบียนนำผ้ามาให้ย้อมจำนวนมาก แค่วันนี้ต้องใช้เวลาย้อมอย่างน้อย 3 วัน แต่ยังเปิดต่อเนื่อง หากมีประชาชนต้องการเป็นจิตอาสาสามารถมาช่วยย้อมผ้า หรือบริจาคช่วยเหลือประชาชนเพื่อแสดงความอาลัยแด่พระองค์ท่านได้เช่นกัน ด้านนายวรจักร สุทธิสาร อายุ 46 ปี จิตอาสามาช่วยย้อมผ้ากับ กศน.กล่าวว่า พอรู้ข่าวคิดว่าต้องมีประชาชนมาใช้บริการจำนวนมาก จึงรีบมาขอเป็นจิตอาสาช่วยย้อมผ้าเพื่อจะได้เป็นส่วนหนึ่งในการร่วมทำความดีเพื่อในหลวง
ต้นไม้กินได้ตามรอยพ่อหลวง
ด้านนายเรียน หงษ์คู นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลบางหญ้าแพรก อ.เมืองสมุทรสาคร ลงพื้นที่ดูโครงการปลูกต้นไม้กินได้ ตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงตามแนวทางของพระบาทสมเด็จพระปรมินทร มหาภูมิพลอดุลยเดช บริเวณถนนข้างหมู่บ้านสินธร ต.บางหญ้าแพรก พบสองข้างทางมีการปลูกต้นแคมะขามเปรี้ยว พริก โหระพา และกะเพราไว้จำนวนมาก โดยนายเรียนกล่าวว่า เริ่มโครงการปลูกต้นไม้กินได้ตั้งแต่มาดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรีเมื่อปี 2552 และทำเรื่อยมา มีวัตถุประสงค์เพื่อทำให้ภูมิทัศน์สองข้างทางสวยงามและเพิ่มพื้นที่สีเขียวจะได้ช่วยลดภาวะโลกร้อน ที่สำคัญเป็นการสนับสนุนให้มีแหล่งอาหารในท้องถิ่นเพิ่มขึ้น ประชาชนไม่ว่าจะเป็นอยู่ที่ไหนสามารถมาเก็บกินได้ตลอดเวลา เพราะถือว่าเป็นของสาธารณะ และจะขอสืบสานปณิธานทำโครงการของพ่อหลวงต่อไป
“แอ๊ด” เปิดใจที่มาเพลง “พ่อภูมิพล”
ที่ จ.มุกดาหาร นายยืนยง โอภากุล หรือ “แอ๊ด คาราบาว” ศิลปินนักร้องแนวเพลงเพื่อชีวิต เปิดเผยระหว่างมาเที่ยวพักผ่อนช่วงงดคอนเสิร์ตถึงการแต่งเพลง “พ่อภูมิพล” เพื่อสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณว่า หลังทราบข่าวการเสด็จสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ถือเป็นการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ของปวงชนชาวไทย ตนในฐานะที่เป็นพสกนิกรชาวไทย และมีอาชีพเป็นศิลปินนักร้องอยู่ใต้ร่มพระบารมีมีความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้น จึงน้อมนำเอาพระราชดำรัส รวมถึงพระราชกรณียกิจตลอดการครองราชย์ 70 ปี สื่ออกมาเป็นบทเพลง โดยได้แต่งขึ้นเมื่อคืนวันที่ 16 ต.ค.2559 ชื่อว่าเพลง “พ่อภูมิพล” หมายถึงเพลงที่เกี่ยวกับความสำคัญของในหลวงที่มีต่อปวงชนชาวไทย การแต่งเพลงนี้ขึ้นมาเพื่อเป็นอนุสรณ์ และยกให้เป็นสมบัติของแผ่นดิน ใครจะนำไปใช้ ไปเผยแพร่ยินดี ไม่มีลิขสิทธิ์
คนไทยในนอร์เวย์ร่วมไว้อาลัย
ด้านนายจักร บุญหลง เอกอัครราชทูต ณ กรุงออสโล ประเทศนอร์เวย์ จัดพิธีแสดงความอาลัยและลงนามในสมุดไว้อาลัยแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ที่สถานเอกอัครราชทูต สำหรับคนไทยจัดให้ลงนามแสดงความอาลัยตั้งแต่วันที่ 15 ต.ค.2559 และคณะทูตานุทูตตั้งแต่วันที่ 17-19 ต.ค.2559 นอกจากนี้ นายจักร บุญหลง ได้จัดพิธีบำเพ็ญกุศลสวดพระอภิธรรมเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ที่วัดไทยนอร์เวย์ มีผู้เข้าร่วมพิธีกว่า 500 คน ขณะที่การเปิดลงนามแสดงความอาลัยที่สถานเอกอัครราชทูตฯ และที่วัดไทยนอร์เวย์ มีกำหนดเป็นเวลา 30 วัน โดยมีคนไทยพร้อมครอบครัวไปร่วมไว้อาลัยไม่ขาดสาย