ช่วงนี้อากาศยิ่งร้อนขึ้นๆ ทุกๆ วัน จนไม่แน่ใจว่าพระอาทิตย์อยู่ห่างโลกเราแค่ไหนครับ เพราะงั้นถ้าไม่เที่ยวทะเลหรือน้ำตก ก็แนะนำให้มาเที่ยวที่ “เขี่อนเชี่ยวหลาน” รับรองว่าผู้อ่านไทยรัฐออนไลน์ไม่ผิดหวังแน่นอนครับ
เขื่อนเชี่ยวหลาน เป็นสถานที่หนึ่งในประเทศไทย ที่ผมชอบไปมากที่สุดแห่งหนึ่ง...เพราะอะไรหรือครับ เพราะที่นี่ สามารถมาเที่ยวได้ทั้งปี เที่ยวได้ทุกเดือน แต่ละเดือนก็จะสวยงามแตกต่างกันไปครับ เขี่อนเชี่ยวหลานหรือชื่ออย่างเป็นทางการว่า เขื่อนรัชชประภา หรือที่เรียกกันติดปากว่า กุ้ยหลินเมืองไทย เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่โดดเด่นที่สุดของอุทยานแห่งชาติเขาสก ทัศนียภาพโดยทั่วไปภายในอ่างเก็บน้ำเหนือเขื่อนมีทัศนียภาพที่สวยงามมาก
...
ด้วยความที่ภูมิประเทศโดยทั่วไปเป็นภูเขาหินปูนที่สูงชันล้อมรอบไปด้วยผืนน้ำที่กว้างใหญ่ บวกกับสีของตะไคร่น้ำที่อยู่เบื้องล่างทำให้น้ำในเขื่อนมีสีเข้มเหมือนสีมรกต จนนักท่องเที่ยวหลายท่านคิดว่าเป็นน้ำทะเล คล้ายกับเมืองกุ้ยหลินนั่นเองครับ
การเดินทางก็ไม่ลำบากแล้วเดี๋ยวนี้ สามารถเดินทางมาได้ทั้งทาง รถไฟ ทางรถทัวร์ และเครื่องบิน มีรถโดยสารมาส่งที่ ท่าเรือบริเวณเขื่อนมากมาย หรือถ้าโดยสารโดยรถบัสจากสถานีขนส่งสายใต้ให้ขึ้นรถไป ภูเก็ต หรือ พังงา แจ้งเจ้าหน้าที่ว่าลง ปากทางเข้าเขื่อนรัชชประภา (เขื่อนเชี่ยวหลาน) ใช้เดินทางประมาณ 10 ชั่วโมง ราคาอยู่ที่ 700-1,000 บาท (นี่แบบ VIP รวมอาหารด้วยนะครับ) จากนั้นนั่งมอเตอร์ไซค์เข้าสู่ที่ทำการอุทยานฯ อย่าลืมซื้อตั๋วขากลับตอนลงด้วยนะครับ
...
...
นอกจากเขื่อนรัชชประภาจะมีทัศนียภาพที่สวยงามแล้ว พื้นที่รายรอบเขื่อนยังมีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจอีก
สำหรับช่วง (มี.ค.-พ.ค.) เป็นช่วงที่เหมาะกับคนที่ชอบการถ่ายภาพ และเล่นน้ำ พายเรือคายัค
สำหรับช่วง (มิ.ย.-ต.ค.) เป็นช่วงที่เหมาะสำหรับกิจกรรมเดินป่า เพราะเป็นช่วงป่าเขา เต็มไปด้วยสีสัน และความสดชื่น ในช่วงนี้ยังเจอหมอกได้อีกด้วย
สำหรับช่วง (พ.ย.-ก.พ.) เป็นช่วงที่ได้รับความนิยมในการท่องเที่ยวมากที่สุดเพราะอากาศไม่ร้อนและฝนก็ลดน้อยลงแล้ว แถมยังมีโอกาสเห็นหมอกได้มากที่สุดเพราะอากาศที่เย็นกว่าช่วงอื่นๆ
...
ถ้าจะให้แนะนำละเอียดลงไปอีก ขอบอกเลยว่าที่เดียวเที่ยวคุ้มมากครับ มีกิจกรรมให้เล่นมากมายไม่ว่าจะเป็น การถ่ายรูปที่ จุดชมวิวไกรสร สามารถมองเห็นทัศนียภาพของอ่างเก็บน้ำเขื่อนรัชชประภา แต่ต้องเดินไกลสักหน่อย เหมาะสำหรับผู้ที่รักการเดินป่า หรือใครชอบแนวผจญภัยก็ต้องไปที่ ถ้ำปะการัง ที่งดงามหนึ่งเดียว
ภายในทะเลใน 500 ไร่ เป็นกิจกรรมเชิงอนุรักษ์ เหมาะสำหรับคนทุกเพศ ทุกวัย สนุกกับการเดินป่าข้ามเนินเขา 1.5 กม. และล่องแพไม้ไผ่ หรือใครชอบชิลก็ให้ลองมานั่งทอดน่องล่องเรือชมวิถีสัตว์ป่าที่คลองแสง ผืนป่าที่ได้รับการยกย่องให้เป็น 1 ใน 10 ของอุทยานที่สมบูรณ์ที่สุดของโลก (นิตยสาร Lonely Planet) ที่ยังคงความอุดมสมบูรณ์อย่างที่สุด เผลอได้เจอสัตว์ป่าหายากออกมาต้อนรับคุณด้วย
แต่ถ้าใครชอบแบบแอดเวนเจอร์สุดๆ ต้องไปที่ ถ้ำน้ำทะลุ เพลิดเพลินกับการเดินป่าข้ามลำน้ำน้อยใหญ่ ชมพรรณไม้ที่สมบูรณ์ ในเส้นทาง 3 กม. รวมถึงการผจญภัยในถ้ำที่ทะลุภูเขา มีน้ำตกและลำธารที่มีระดับน้ำตั้งแต่เข่าจนกระทั่งมิดศีรษะในบางจุด ระยะทางกว่า 700 เมตร
ที่พูดมาทั้งหมดนี่ ขอบอกเลยว่าไปที่เดียวเที่ยวคุ้มแน่นอน เหมาะสำหรับยกครอบครัวไปเที่ยวมากๆ ในช่วงหยุดยาวแบบนี้ แถมราคาก็ไม่แพงอย่างที่คิด ลองเสิร์ซหาดูที่พักสวยๆ ก็มีเพียบ รับรองว่าไปแล้วจะติดใจจนต้องไปซ้ำ!!!
ที่มา - แบกกล้องเที่ยว
www.itravelhip.com
www.facebook.com/baagklong