ผวจ.โคราช ขอทิ้งทวนลุยรื้อ ‘มอปลาย่าง’ ลอตสุดท้าย ก่อนเกษียณอายุราชการ ชี้เป็นการแก้ปัญหาได้อย่างเบ็ดเสร็จหลังยืดเยื้อมานานกว่า 20 ปี ปิดตำนานชุมชนร้านอาหารริมอ่างลำตะคอง ส่งไม้ต่อผู้ว่าฯ คนใหม่ไปปรับปรุงภูมิทัศน์...
เมื่อวันที่ 10 ก.ย. ที่ศาลากลางจังหวัดนครราชสีมา นายธงชัย ลืออดุลย์ ผวจ. นครราชสีมา เปิดเผยถึงความคืบหน้าการรื้อถอนอาคารและสิ่งปลูกสร้างที่บุกรุกที่ราชพัสดุบริเวณริมอ่างเก็บน้ำลำตะคอง หรือมอปลาย่าง ต.หนองสาหร่าย อ.ปากช่อง และ ต.คลองไผ่ อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา ซึ่งจะเป็นกลุ่มสุดท้าย ปิดฉากตำนานร้านอาหารมอปลาย่างริมอ่างลำตะคอง ว่า การรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างลอตสุดท้าย 11 ก.ย. และ 26 ก.ย. นี้ จะถือเป็นการปิดฉากการแก้ไขปัญหาบุกรุกพื้นที่รัฐมายาวนานกว่า 20 ปีว่า จนมาวันนี้สามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างเบ็ดเสร็จ
ทั้งนี้ เป้าหมายในวันที่ 11 ก.ย.นี้ เจ้าหน้าที่จากหน่วยงานต่างๆ จะเข้าปฏิบัติงานตั้งแต่เวลา 07.00 น. รื้อถอนอาคารของนายสมชัย ศรีประเสริฐ (ร้านลำตะคองซีฟู้ด) จำนวน 7 อาคาร ซึ่งทำเป็นห้องพักนับสิบห้อง และอาคารของนางลัดดา โพธิ์รักษ์ (ร้านครัวอีสาน) จำนวน 2 อาคารให้แล้วเสร็จ ส่วนวันที่ 26 ก.ย.จะเข้าปฏิบัติงานตั้งแต่เวลา 07.00 น. เช่นกัน โดยมีเป้าหมายเข้ารื้อถอนอาคารของนายสนั่น กลมจันทร์ (ร้านไก่ย่างพรทิพย์) 1 อาคาร แต่เป็นอาคารขนาดใหญ่
นายธงชัย กล่าวอีกว่า จังหวัดได้เตรียมพื้นที่รองรับไว้จำนวน 24 ไร่ ตั้งอยู่บนที่ดินราชพัสดุแปลงหมายเลขทะเบียนที่ นม.521 ต.หนองสาหร่าย อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ห่างจากมอปลาย่างประมาณ 14 กม. ติดถนนมิตรภาพ ไม่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมให้กับผู้ยินยอมรื้อย้ายโดยสมัครใจ ซึ่งทั้งหมดเป็นผู้มีฐานะค่อนข้างยากจน มีผู้สมัครใจเข้าไปอยู่ในพื้นที่ใหม่แล้วจำนวนกว่า 40 ราย ขณะนี้ได้มีการจัดแปลงให้สามารถประกอบกิจการได้และสร้างบ้านให้ คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในเดือน ก.ย.นี้
...
ส่วนการปรับภูมิทัศน์บริเวณมอปลาย่างนั้น ให้หน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนรวมถึงประชาชนในจังหวัดนครราชสีมาร่วมกันเสนอแนวความคิดในการปรับพื้นที่เพื่อให้ใช้ประโยชน์ร่วมกันซึ่งคงเป็นหน้าที่ของผู้ว่าราชการจังหวัดคนใหม่ที่จะดำเนินการต่อไปเพราะตนเองจะเกษียณในเดือนนี้แล้ว
สำหรับกรณีรื้อ ‘มอปลาย่าง’ ชุมชนร้านอาหารริมทางที่อยู่คู่อ่างเก็บน้ำลำตะคอง เริ่มจาก อบต.หนองสาหร่าย อ.ปากช่อง ได้มีคำสั่งตาม พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร พ.ศ. 2552 ใช้บังคับกับผู้บุกรุกที่ดินราชพัสดุบริเวณดังกล่าว โดยได้ออกคำสั่งระงับการก่อสร้างดัดแปลงหรือเคลื่อนย้ายอาคารตามมาตรา 40(1) ตามแบบ ค.3 คำสั่งห้ามใช้อาคารหรือยินยอมให้บุคคลใดใช้อาคารที่อาจเป็นอันตราย ตามมาตรา 40(1) หรือตามมาตรา 41 ตามแบบ ค.4 และคำสั่งให้รื้อถอนอาคารตามมาตรา 42 วรรคหนึ่ง (กรณีก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเคลื่อนย้ายอาคารกระทำโดยไม่ได้รับอนุญาต) ตามแบบ ค.7 ซึ่ง อบต.หนองสาหร่ายฯ ได้ร่วมกับทางจังหวัดทำการรื้อถอนไปแล้วบางส่วนเมื่อวันที่ 8 พ.ค. และ 15 พ.ค.58 ที่ผ่านมา แต่ยังมีอาคารที่ยังไม่ได้รื้อถอน และยังดำเนินการรื้อถอนไม่แล้วเสร็จ จึงจะมีการรื้อถอนอาคารและปรับปรุงบริเวณที่ทำการรื้อถอนที่เหลือทั้งหมด แต่ในครั้งนี้ คงไม่ต้องใช้กำลังเข้าไปรื้อถอนมากเหมือน 2 ครั้งที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม จากการบุกรุกพื้นที่ประกอบกิจการร้านอาหารและสร้างบ้านพักอาศัยบริเวณริมอ่างลำตะคองดังกล่าว มีผลกระทบ คือ 1. เกิดน้ำเสียไหลลงอ่างเก็บน้ำลำตะคองตลอดจนขยะมูลฝอยในบริเวณริมอ่างเก็บน้ำ 2. อันตรายจากการจราจรบนถนนมิตรภาพ ซึ่งเกิดจากการโบกรถ เพื่อให้ผู้ใช้บริการร้านค้าต่างๆ ตลอดจนการถอยรถเข้าออกบริเวณดังกล่าว หลังรับประทานอาหารแล้ว 3. เป็นการปล่อยปละละเลยให้มีการกระทำผิดกฎหมายอย่างเปิดเผย สร้างแบบอย่างที่ไม่ถูกต้องให้มีการบุกรุกมากขึ้นเรื่อยๆ จนขยายตัวไปรอบอ่างเก็บน้ำลำตะคอง และลำน้ำในลำตะคองไปจนถึงอำเภอสูงเนิน.