ตร.สมุทรปราการ แถลงข่าวรวบตัวไอ้หื่น หลังใช้หมวกกันน็อกฟาดใบหน้าครูสาวสอนภาษา จนแน่นิ่ง ก่อนลากเข้าพงหญ้าข่มขืน สารภาพ เห็นผู้ตายนุ่งสั้น เกิดอารมณ์ทางเพศ ขณะยกเลิกทำแผน หวั่นโดนประชาทัณฑ์

เมื่อเวลา 14.30 น. วันที่ 31 ส.ค.58 พล.ต.ต.ธนา ชูวงศ์ ผบก.ภ.จว.สมุทรปราการ พร้อมด้วย พ.ต.อ.วสันต์ บุญเจริญ พ.ต.อ.สมชัย อินตาพวง รอง ผบก.ภ.จว.สมุทรปราการ พ.ต.อ.ศุภณัฎฐ์ เจริญเรืองสกุล ผกก.สภ.บางบ่อ พร้อมชุดสืบสวน ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุม นายเสรี มานะเลิศ อายุ 33 ปี อยู่บ้านเลขที่ 185/1 หมู่ 8 ต.บ่างบ่อ อ.บางบ่อ จ. สมุทรปราการ ผู้ต้องหาคดีฆ่าข่มขืน พร้อมด้วยของกลาง รถจักรยานยนต์ฮอนด้า โซนิค สีเหลืองคาดดำ ทะเบียน บกย 394 หมวกกันน็อกสีขาวแดง 1 ใบ กางเกงยีนส์ขายาว 1 ตัว เสื้อยืดคอกลมสีเทา 1 ตัว โดยทั้ง 3 ชิ้น มีคราบเลือดติดอยู่

พ.ต.อ.ศุภณัฏฐ์ กล่าวว่า สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 29 ส.ค. เวลาประมาณ 19.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจรับแจ้งเหตุพบหญิงถูกทำร้ายเสียชีวิต บริเวณพงหญ้าริมถนนเรียบมอเตอร์เวย์ขาเข้า กม.ที่ 33 ต.บางบ่อ อ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ ทราบภายหลังว่าผู้เสียชีวิตคือ น.ส.นรนัน เอี่ยมกั๊ก อายุ 37 ปี ซึ่งเป็นครูสอนภาษาอังกฤษโรงเรียนแห่งหนึ่ง โดยสภาพศพมีร่องรอยถูกตีด้วยของแข็งบริเวณใบหน้า เลือดสาดกระจาย และกางเกงชั้นในของผู้บาดเจ็บถูกถลกมาอยู่ที่หัวเข่าทั้งสองข้าง หลังเกิดเหตุจึงได้มอบหมายชุดสืบสวนหาเบาะแสคนร้าย เนื่องจากเป็นคดีสะเทือนขวัญ กระทั่งสืบทราบว่า คนร้ายที่ก่อเหตุคือ นายเสรี จึงติดตามไปจับกุมตัวได้พร้อมของกลาง

...

ด้าน นายเสรี รับสารภาพว่า มีอาชีพเป็นพนักงานขับรถโฟล์กลิฟต์อยู่บริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง ในนิคมเวลโกรว์ ก่อนเกิดเหตุกำลังขี่รถจักรยานยนต์ไปทำงาน ระหว่างทางขี่รถสวนกับผู้ตาย และสังเกตเห็นว่าผู้ตายหน้าตาดีและนุ่งกระโปรงสั้น จึงเกิดอารมณ์ทางเพศ จากนั้นตัดสินใจวกรถกลับและขี่ตามประกบผู้ตาย ก่อนขี่รถชนท้ายรถจักรยานยนต์จนล้มลงทั้งคู่ จากนั้นพยายามจะลงมือข่มขืน แต่ผู้ตายร้องขอความช่วยเหลือ จึงใช้หมวกกันน็อกตีเข้าที่ใบหน้าผู้ตายหลายครั้งจนแน่นิ่งไป จากนั้นลากร่างของผู้ตายลงไปข้างพงหญ้า และลงมือข่มขืนจนสำเร็จความใคร่ และใช้หมวกกันน็อกตีที่ใบหน้าผู้ตายอีก 2 ครั้งเพื่อให้แน่ใจว่าเสียชีวิตแล้ว จึงขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีไปบ้านเพื่อน โดยไม่ได้บอกเรื่องราวใครแต่อย่างใด บอกเพียงขอมานอนค้างคืนด้วยเท่านั้น กระทั่งถูกตำรวจตามจับกุมตัวได้ ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้คุมตัวผู้ต้องหาไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ แต่พบว่ามีประชาชนมารอดูเหตุการณ์จำนวนมาก จึงได้ยกเลิกการทำแผน ก่อนส่งตัวดำเนินคดีข้อหาทำร้ายผู้อื่นถึงแก่ความตายต่อไป.