เครื่องแบบข้าราชการตำรวจบ่งบอกถึงอำนาจบารมีของผู้สวมใส่ ยิ่งเป็นยศระดับสูงด้วยแล้วย่อมเป็นที่เกรงอกเกรงใจของผู้ที่พบเห็น จึงไม่แปลกที่เหล่ามิจฉาชีพมักจะใช้เครื่องแบบของข้าราชการเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือในการหลอกลวงผู้อื่นเพื่อหวังผลไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง วันนี้ ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ ได้ย้อนรอย ตำรวจเก๊แอบอ้างแต่งกายเป็นเจ้าพนักงาน พร้อมคำแนะนำจากตำรวจอาชีพในการจับพิรุธและวิธีการปฏิบัติตัวเมื่อต้องเผชิญกับมิจฉาชีพเหล่านี้ให้ผู้อ่านได้ทราบกัน

เป็นตำรวจ (เทียม) 23 ปี ติดยศนายพล

คดีแรกที่จะกล่าวถึงเพิ่งเกิดขึ้นสดๆ ร้อนๆ หนุ่มใหญ่เมืองโคราชนามว่า นายภูมิพัฒน์ เลิศธนาอนันต์ ทำการแอบอ้างเป็นถึง พลตำรวจโท สังกัดกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด หรือชื่อในวงการว่าผู้บัญชาการไก่ "ฉายาอินทรีดำ" แถมอ้างด้วยว่าเป็นคนสนิทของ พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ

คดีนี้นับว่าไม่ธรรมดา เพราะขนาดถูกจับยังกล้ายืนยันเสียงแข็งว่ารับราชการมาแล้วถึง 23 ปี อีกทั้งลักษณะท่าทางและฐานะของครอบครัวนั้นก็เป็นที่น่าจะอนุมานได้ว่าเป็นตำรวจจริง แต่ถึงอย่างไรของปลอมก็ย่อมเป็นของปลอมวันยังค่ำ เพราะสุดท้ายความมาแตกเอาเมื่อ นายภูมิพัฒน์ หรือ ผู้บัญชาการไก่ ได้ถ่ายภาพตัวเองลงในเฟซบุ๊กด้วยชุดตำรวจเต็มยศ แต่ตำรวจในท้องที่กลับไม่เคยเห็นหรือเคยร่วมปฏิบัติการด้วยเลยสักครั้ง เพราะเป็นถึงขั้นพลตำรวจโทที่ทำงานเกี่ยวกับยาเสพติดก็จะต้องมีคุ้นหน้าคุ้นตากันบ้าง

...

จากผู้บัญชาการไก่....กลายเป็น "ผู้บัญชาการลักไก่" เพราะจากการตรวจสอบ กลับไม่พบชื่ออยู่ในสารบบสีกากี ฝ่ายสืบสวนจึงตามล็อกตัว พร้อมของกลางทั้งเครื่องแบบข้าราชการตำรวจและอาวุธปืนพกอีกหลายกระบอก

เรื่องไม่ได้จบลงง่ายๆ เพราะผู้ร้ายยังปากแข็ง จึงลองให้นายภูมิพัฒน์หาหลักฐานมาแสดงว่าเป็นตำรวจจริงแต่ก็ไม่สามารถหาได้ เมื่อให้โทรหารอง ผบ.ตร.ที่อ้างว่ารู้จัก ผู้ต้องหากลับพูดหน้าตาเฉยว่า "นายติดประชุม" เจ้าหน้าที่ยังให้โอกาสผู้ต้องหาลองแต่งกายเครื่องแบบตำรวจให้ดูเพื่อจับพิรุธ นายภูมิพัฒน์ก็รีบใส่อย่างกระฉับกระเฉงไม่มีอาการติดขัดแต่อย่างใด พร้อมยังถ่ายภาพตัวเองเป็นที่ระลึกอีกด้วย แต่หลักฐานก็มัดตัวสุดๆ จนเจ้าหน้าที่ไม่อาจปล่อยตัวไปได้สุดท้ายเมื่อต้อนไม่จนมุม เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงต้องนำตัวภรรยานายภูมิพัฒน์มาเกลี้ยกล่อมจนเจ้าตัวต้องยอมรับสารภาพ ส่วนสาเหตุที่ทำไปก็เพราะชื่นชอบในอาชีพตำรวจมาตั้งแต่วัยเยาว์

ถึงผู้ต้องหาจะถูกจับได้ แต่การสืบสวนยังคงดำเนินต่อไปเพราะจากพฤติกรรมแล้วนายภูมิพัฒน์มีความน่าสงสัยไม่น้อย เนื่องจากระยะเวลาที่แอบอ้างเป็นเจ้าพนักงานนั้น หากยาวนานถึง 20 ปีจริงก็มีความเป็นไปได้ที่จะใช้เครื่องแบบของเจ้าหน้าที่เป็นช่องทางในการต้มตุ๋นหลอกลวงผู้อื่น รวมทั้งฐานะของนายภูมิพัฒน์ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ดีทั้งที่ไม่ได้ประกอบอาชีพอะไรเป็นกิจจะลักษณะ ยิ่งสร้างความเคลือบแคลงใจต่อเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบคดี จึงต้องสืบทราบที่มาของทรัพย์สินของผู้ต้องหาต่อไป

พันตำรวจเอก วัยละอ่อน

ย้อนกลับไปเมื่อปี 2554 พ.ต.ท.สมพงษ์ เพ็ชรสุด สภ.เกาะสมุย ได้รับการประสานงานจากตำรวจนายหนึ่งอ้างชื่อ พ.ต.อ.เทพทัย สุขอนันต์ ให้นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจบนเกาะสมุยตั้งด่านตรวจยาเสพติดที่หน้าหน่วยบริการประชาชน แต่เพราะความผิดปกติ พ.ต.ท.สมพงษ์ เกิดสงสัยในพฤติกรรม เมื่อ พ.ต.อ.เทพทัย ขับรถเข้ามาในด่านตรวจและแสดงตัวเป็นข้าราชการตำรวจ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจที่สงสัยอยู่แล้วจึงมั่นใจว่า พ.ต.อ.เทพทัย คือตำรวจเก๊อย่างไม่ต้องสงสัย เพราะผู้ต้องหาเป็นเพียงชายวัยรุ่น อายุเพียงแค่ 24 ปี

อายุอานามยังไม่เบญจเพส แต่พี่เขายศ "พันตำรวจเอก" ทางตำรวจจึงได้ขอตรวจสอบข้อมูลกับกองบัญชาการปราบปรามยาเสพติดทำให้ผู้ต้องหาถึงกับกลัวจนตัวสั่นและยอมรับสารภาพแต่โดยดี สำหรับสาเหตุที่ทำลงไปเพราะ ชื่นชอบในเครื่องแบบ ฝันว่าอยากเป็นตำรวจ อีกทั้งยังตกหลุมรักผู้หญิงคนหนึ่งจึงได้สร้างภาพให้ตนเองเป็นตำรวจเพื่อหวังหลอกหญิงสาวที่มีฐานะดีหันมาสนใจ และก็ได้ผลตามคาดเพราะหญิงสาวก็หลงเชื่อในแผนร้ายของนายตำรวจเก๊

...

"รู้จักกับนายเทพทัย ประมาณ 6 เดือน เคยพาไปที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ อ้างว่ามีประชุมงาน 2 ชม. ก่อนที่จะขับรถกลับออกมา ไม่คิดเลยว่าจะเป็นตำรวจปลอม" หญิงสาวที่หลงเชื่อให้การ

แหม...พี่เขาตีเนียนสุดๆ พาไปถึง สตช. เหยื่อสาวจึงหลงเชื่อซื้อรถป้ายแดงให้ขับ แต่ต้องมาสิ้นลายเพราะเจอผู้พิทักษ์สันติราชตัวจริง!

นายดาบเก๊ รับจ้าง เบิกทาง

ของปลอม ใช่ว่าจะมีแต่ตำรวจยศใหญ่ๆ แต่ยศระดับประทวนก็มี "ของเก๊" เช่นกัน เมื่อช่วงเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2556 นายชัยณรงค์ หรือ ชัยรัตน์ หมั่นเพียร อายุ 55 ปี เป็นชาวกรุงเทพฯ ลงทุนใช้รถคัมรีแต่งรถเลียนแบบรถตำรวจทางหลวง ติดสติกเกอร์ สตช. และสัญญาณไซเรน รับจ้างนำขบวนเปิดทางอำนวยความสำดวก ขับนำขบวนรถปูนซีเมนต์ แต่ด้วยความผิดปกติ เพราะขับรถด้วยความเร็ว เปิดไซเรน มาตลอด เจ้าหน้าที่จึงอดสงสัยไม่ได้ว่าต้องนำมาใช้ไม่ถูกต้อง จึงส่งสัญญาณให้หยุด

นายชัยรัตน์ ลงจากรถด้วยมาด "ดาบตำรวจ" กองปราบปรามเต็มยศ แต่ตรวจสอบแล้วพบว่าเป็นชาวบ้านธรรมดา แถมในรถยังเจอปืนออโตเมติก .45 ไม่มีทะเบียนอีก งานนี้เลยโดนไป 2 กระทง คือ แต่งกายเลียนแบบเจ้าหน้าที่ตำรวจ โทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี และพกพาอาวุธปืนในที่สาธารณะ โทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี 

...

ขณะที่เจ้าตัวอ้างว่า ทำธุรกิจรถทัวร์เจ๊ง เลยผันตัวเองมาปลอมเป็นตำรวจเพื่อให้คนเกรงใจ และเป็นเครื่องมือทำมาหากิน ส่วนครั้งนี้ ได่ว่าจ้างนำขบวนไปที่ อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช ได้ค่าจ้าง 20,000 บาท

ส่วนความเนียนของหนุ่มใหญ่รายนี้ นายชัยรัตน์ รับสารภาพว่า อาศัยความรู้มาจากที่มีประสบการณ์เป็น "ตำรวจชุมชน"

ผู้กองเทียมแต่งเครื่องแบบใช้จีบสาว

คดีที่น่าสนใจอีกคดีหนึ่งคือกรณี ร.ต.อ.ลวงโลก เหตุนี้เกิดขึ้นเมื่อช่วงเดือนมิถุนายน 2557 เมื่อ นายยุทธนา สุริยา อายุ 33 ปี อยาก "สร้างภาพ" แต่งเครื่องแบบเต็มยศใช้เป็นรูปโปรไฟล์ในเฟซบุ๊ก ร้อยตำรวจเอกดาวเต็มบ่าเป็นสง่าราศีตีสนิทหญิงสาวผู้โชคร้ายใช้เป็นบันไดเข้าไปหารองสารวัตรไปแอบอ้างให้ช่วยดึงเข้ากลุ่มไลน์ "สืบสวนประเทศไทย" เป็นสมาชิกกลุ่มร่วมกับตำรวจสืบสวนทั่วประเทศกว่า 1,500 คน แต่ "แกะดำ" ย่อมไม่เข้าพวก มาความแตกเพราะมีคนจับสังเกตได้ว่าผู้ต้องหาไม่ใช่ร้อยตำรวจเอกตามที่อ้าง จึงมีการประสานจับกุมตัว

...

"อยากเป็นตำรวจแต่สอบไม่ติด ที่ผ่านมาเคยเป็นสายให้กับตำรวจ บก.น.9 ทำให้รู้ขั้นตอนของตำรวจ เครื่องแบบ และยศต่างๆ ก็หาซื้อเอา ราคาไม่แพง ที่ทำเพราะ เท่ จีบสาวได้ง่าย โดยเฉพาะทางเฟซบุ๊ก หากหญิงสาวที่คบรู้ความจริงก็คิดว่าคงถูกบอกเลิกอย่างแน่นอน" นายยุทธนา ให้การกับตำรวจตัวจริง!

เห็นแบบนี้ สาวๆ คนไหนที่ชื่นชอบเครื่องแบบ โดยเฉพาะสีกากีของผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ ก็ระมัดระวังตัวสักนิด ลองสืบให้แน่ใจเสียก่อน จะได้ไม่ตกเป็นเหยื่อของกลุ่มมิจฉาชีพเหล่านี้...

เผยเคล็ดลับ จับพิรุธ "ตำรวจปลอม"

ถึงตรงนี้ ลองมาฟังตำรวจตัวจริงเสียงจริง ที่จะมาแนะนำ วิธีการสังเกตว่า "ตำรวจปลอม" ว่าจะดูจากอะไรบ้าง ในเรื่องนี้ ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ ได้สอบถามไปยัง พ.ต.อ.ณษ เศวตรเลข รองผู้บัญชาการกองปราบปราม พูดถึงการแอบอ้างแต่งกายเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจว่ามีการจับกุมกันหลายคดีหลายพื้นที่ว่า แน่นอนว่าการแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจนั้นมีจุดประสงค์ที่ไม่ดีแน่นอน เช่น หลอกจีบผู้หญิง หลอกกินฟรี หลอกเอาตังค์ ส่วนการที่มิจฉาชีพแต่งเครื่องแบบตำรวจนั้นเพราะว่าใครๆ ก็เกรงใจ มีความน่าเชื่อถือ คนทั่วไปไม่อยากมีเรื่องกับตำรวจ จึงเป็นช่องทางที่มิจฉาชีพใช้ทำมาหากินได้ คนทั่วไปไม่มีใครกล้าตรวจสอบ

"หากตำรวจด้วยกันเห็นจะรู้ทันทีว่าใครเป็นตำรวจจริงหรือปลอม โดยดูจากการแต่งกาย บุคลิกและท่าทาง แล้วตำรวจโดยทั่วไปจะมีรุ่นโดยเฉพาะยศใหญ่ๆ จะดูง่ายเลยว่าคนนี้ใช่ไม่ใช่ แต่สำหรับประชาชนนั้นเป็นเรื่องยากเพราะว่าประชาชนจะไปขอตรวจสอบว่าเป็นตำรวจจริงหรือไม่ก็ไม่กล้าสอบถาม ทางที่ดีหากสงสัยว่าเป็นเจ้าหน้าที่จริงหรือไม่ ควรแจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปตรวจสอบ ส่วนข้อสังเกตง่ายๆ คือดูจากความเป็นไปได้ เช่น อายุน้อยๆ เป็นไปไม่ได้ที่จะมียศใหญ่ หรือถ้าเป็นระดับนายพลตำรวจขึ้นไปก็มักจะเป็นคนที่ประชาชนทั่วไปรู้จักเพราะมีจำนวนไม่กี่คน" รอง ผบ.กองปราบฯกล่าว