กสทช. น่าจะรู้อยู่เต็มอกแล้วว่า “ดาวเทียมไทยคม”...ไม่เอื้ออำนวยต่อการพัฒนาดิจิตอลทีวี โดยเฉพาะช่วงเปลี่ยนผ่านที่ยังมีปัญหาไม่ทำให้ระบบสมบูรณ์ ครอบคลุมผู้ชมได้ทั้งประเทศ

เคยมีผู้สันทัดกรณีมองว่า ถ้าคิดแบบมีวิชั่นยาวๆ...ลงทุนยิงดาวเทียมดวงใหม่ที่ให้บริการทีวี ใช้งบเฉลี่ยดวงละ 4,600 ล้านบาท บวกกับสถานีและอุปกรณ์ในการควบคุมดาวเทียมจากภาคพื้นดินอีกไม่เกิน 1,000 ล้านบาท เคาะแล้วไม่น่าจะใช้เงินเกิน 6,000 ล้านบาท...

ดิจิตอลทีวีเมืองไทยจะอู้ฟู่ ชัดเป๊ะเว่อร์ ไม่มีปัญหาอย่างวันนี้

ยิ่งเอาตัวเลขไปเทียบกับเม็ดเงินในการประมูลคลื่นความถี่ทีวีดิจิตอลที่ กสทช.ได้ 50,000 ล้านบาท...ก็เป็นเรื่องน่าเสียดายเป็นอย่างมาก

ในทางเทคนิค การยิงดาวเทียมไปเพิ่มในตำแหน่งที่มีอยู่ก่อนแล้ว เรียกว่า...ดาวเทียมสองดวงโคจรอยู่ในองศาเดียวกัน ดาวเทียมดวงใหม่ที่ยิงขึ้นไปก็สามารถกำหนดการส่งสัญญาณไปในพื้นที่ได้ว่าเราจะเน้นพื้นที่ให้สัญญาณนั้นๆ มีความเข้มและอ่อน ขนาดไหนก็ได้

ขณะเดียวกัน ผู้รับชมที่มีจานดาวเทียมอยู่แล้ว ก็จะสามารถรับสัญญาณดาวเทียมดวงใหม่ได้ทันที หรืออาจจะมีการเพี้ยนขององศา ก็อาจจะปรับหน้าจาน หรือใช้วิธีเพิ่มหัวรับสัญญาณของดาวเทียม หรือที่เรียกว่าติดตั้งจานแบบหลายหัวรับ...“DUO LNB” ซึ่งประเทศไทยก็นิยมติดตั้งจานดาวเทียมในลักษณะนี้อยู่แล้ว

ย้อนวันวานเมื่อครั้ง กสทช.ได้ป่าวประกาศในปี 2557 ว่าจะมีโครงการคลื่นดิจิตอลทีวีระดับประเทศ ระยะเวลา 15 ปี...มีเพียง 24 ช่องเท่านั้น ผู้สนใจจะต้องมาประมูลราคาแข่งกัน เอาเงินสูงสุดเป็นตัวตั้งตัดสิน และประกาศว่ามีคุณสมบัติดีเหลือคณานับ ดังต่อไปนี้

ข้อแรก...จะกำหนดเวนคืนพื้นที่ด้านหน้าสุดของทุกพื้นที่ หรือทุกแพลตฟอร์ม (Platform) เช่น ทีวีดาวเทียม เคเบิลทีวี จะต้องให้ดิจิตอลทีวี 24 ช่อง เป็นฟรีทีวีของประเทศเท่านั้น และออกเป็นกฎหมายให้ทุกแพลตฟอร์มต้องปฏิบัติ เรียกว่า กฎมัสแครี่ (Must Carry)

...

ซึ่งหมายความว่า...“ดิจิตอลทีวี” จะมีพื้นที่ที่พร้อมให้สร้างกิจการ สร้างรายได้ได้ทันที เป็นอัตราพื้นที่ 75% ของครัวเรือนในประเทศ และได้อวดด้วยว่าเป็นกฎที่จะช่วยให้ดิจิตอลทีวีเกิดทันที ซึ่งจะเป็นประเทศแรกในโลกที่ทีวีดิจิตอลเปลี่ยนผ่านจากทีวีอนาล็อกได้เร็วที่สุดในโลก

ในต่างประเทศไม่ว่าจะเป็น อังกฤษ ฝรั่งเศส ญี่ปุ่น ฯลฯ จะต้องใช้เวลา 10–15 ปี แต่ กสทช.มีกฎหมายและอำนาจพร้อมจะดำเนินการให้สำเร็จได้ในเร็ววัน

ข้อที่สอง...ดิจิตอลทีวี 24 ช่องนี้ จะมีศักดิ์และสิทธิ์เป็นฟรีทีวีระดับชาติเท่านั้น มีสิทธิพิเศษเหนือกว่าทีวีระบบอื่นๆทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น...ดาวเทียม หรือเคเบิลทีวี ซึ่งไม่ได้จ่ายค่าใบอนุมัติ เพราะฉะนั้นดิจิตอลทีวีโฆษณาได้ 10-12 นาทีต่อชั่วโมง...ทีวีอื่นๆโฆษณาได้แค่ 6 นาที จึงเป็นการประกันไม่ให้มีคู่แข่งอื่นใด

ข้อที่สาม...สำหรับการเรียงลำดับช่องของดิจิตอลทีวี 24 ช่อง ถ้าใครต้องการอยู่เลขต้นๆด้านหน้าสุด หรือจะเลือกเลขมงคลใดๆ ให้มาประมูลกัน...ใครประมูลให้ราคาสูงสุดได้เลือกเลขหมายก่อน

ข้อนี้มีผล...ทำให้ราคาของคนประมูลสูงสุด ห่างกว่า...คนประมูลต่ำกว่าเป็นพันล้านบาท

ข้อที่สี่...ฟรีทีวีอนาล็อกเดิม 6 ช่อง จะหาทางชักชวน หรืออาจบังคับให้ต้องมาอยู่ในพื้นที่ดิจิตอลทีวีไม่เช่นนั้นจะเกิดปัญหา “จอดำ” ...เพราะฉะนั้น ดิจิตอลทีวีจะเกิดอย่างแน่นอนและโดยข้ามคืน

ข้อที่ห้า...จะออกกฎหมายอนุมัติจัดตั้งบริษัทหรือองค์กรของรัฐ เป็นโครงข่ายในการส่งสัญญาณดิจิตอลทุกระบบทั้งดาวเทียม (Satellite) และภาคพื้นดิน (Territorial) ซึ่งเรียกว่าระบบ “มาส (Mux)”...เป็นโครงข่ายส่งสัญญาณร่วมกัน เพื่อลดค่าใช้จ่ายต้นทุนของดิจิตอลทีวี และเพื่อการส่งสัญญาณในระดับที่ควบคุมให้เป็นไปตามใบอนุญาต เพื่อให้เกิดการแข่งขันที่ประหยัด ถูกต้อง...เป็นธรรม

ซึ่งปรากฏว่า ผู้ได้รับใบอนุญาตทั้งหมดเป็นองค์กรภาครัฐ คือ ช่อง 5, อสมท, ไทยพีบีเอส, กรมประชาสัมพันธ์

ข้อที่หก... เงินที่ได้จากการประมูลจะไม่ถือเป็นรายได้ของรัฐ ไม่นำส่งคลัง จะนำมาคืนกลับให้เป็นประโยชน์ต่อดิจิตอลทีวีในการเปลี่ยนผ่าน กล่าวคือ จะนำเงินมาแจกเป็นคูปอง เพื่อให้ประชาชนแลกเป็นกล่องดิจิตอลทีวีฟรีๆพร้อมเสาอากาศ พร้อมแจกจ่ายทุกครัวเรือน 22 ล้านครัวเรือน “ดิจิตอลทีวี”...จะเข้าถึงทุกพื้นที่ ทุกบ้านครบถ้วนในเวลาอันสั้น

ข้อที่เจ็ด...การประมูลยังมีการแบ่งประเภท แบ่งระดับความคมชัดในการชม โดยกำหนดราคาแตกต่างกันเป็นร้อยล้าน...พันล้าน ใครอยากจะประมูลประเภทไหน...เกรดไหน เช่น แบ่งเป็นรายการบันเทิง ข่าว เด็ก หรือเป็นระบบ HD...คมชัดสูง SD...คมชัดธรรมดา เมื่อประมูลได้แล้ว ห้ามไม่ให้มีการลักไก่หรือแอบปรับรายการหรือความคมชัด เช่น SD...ไปเป็น...HD โดยเด็ดขาด ใครฝ่าฝืนจะต้องถูกลงโทษ

ข้อที่แปด...การจ่ายเงินประมูลให้จ่ายเป็น 6 งวด งวดแรก 28% จ่ายทันทีก่อนออกอากาศเสมือนเป็นเงินดาวน์...ปีที่ 2 จ่าย 20%...ส่วนปีที่ 3-4 จ่าย 15%...ปีที่ 5-6 จ่าย 11%

ข้อเสนอดิจิตอลทีวีดังกล่าวของ กสทช. มีความสมบูรณ์ ชัดเจน สวยงามพรั่งพร้อมทุกประการ แน่นอนว่าสามารถโน้มน้าวให้เห็นดีเห็นชอบ...ผู้ประมูลทุกรายเชื่อโดยสนิทใจ ยิ่งตอกย้ำด้วย กสทช.เป็นองค์กรของรัฐ มีทั้งหน้าที่ความรับผิดชอบและอำนาจที่จะดำเนินการให้เป็นไปตามที่ได้ประกาศไว้อย่างไม่มีข้อสงสัย

ทว่า...วันนี้มีเสียงสะท้อนจาก “คนทำทีวีอาชีพ”...ซึ่งอาจจะอยู่ในฐานะ “ผู้ร้องเรียน”

เกริ่นให้เห็นภาพกันก่อนว่าคนทำทีวีอาชีพนั้นไม่เคยมีพื้นที่ทำกินมาทั้งชีวิต อาศัยการเช่าเวลาจากสถานีของรัฐ หรือเอกชนสัมปทาน เมื่อวันหนึ่งมีองค์กรอิสระชื่อ กสทช.เกิดขึ้น เป็นผู้รับผิดชอบนำคลื่นดิจิตอลทีวีมาออกใบอนุญาตให้ผู้สนใจมาประมูล คนที่จะประมูลได้จะสามารถครอบครองคลื่นยาวนานถึง 15 ปี...ก็น่าสนใจ

...

พร้อมกันนี้ยังมีคุณสมบัติที่บริบูรณ์ครบถ้วนในฐานะฟรีทีวีระดับประเทศ เข้าถึงทุกครัวเรือน สามารถหารายได้วันแรกที่ออกอากาศ...เป็นการเปลี่ยนผ่านที่สุดวิเศษ ผู้คนยินดีกันทั้งวงการ ไม่เว้นแม้แต่คนนอกวงการ ธนาคารต่างให้การสนับสนุนการเงินแก่ทุกรายเพื่อเข้ามาประมูลอย่างเต็มที่

แน่นอน...คนทำทีวีอาชีพต่างทุ่มเทเงินทั้งหมดที่ตนเองมีและกู้เงินธนาคารอย่างวาดหวังว่า ต่อจากนี้ไปหากมีคลื่นของตนเอง ชีวิตการงานจะมั่นคง เพราะเป็นงานอาชีพที่ตนทำอยู่แล้ว สิ่งที่สะท้อนความจริงนี้ก็คือ ผลการประมูลที่มีตัวเลขสูงถึงกว่า 5 หมื่นล้านบาท

ตัวเลขนี้...สูงกว่าการประมูลโทรคมนาคมที่มีเพียง 3 หมื่นกว่าล้านบาทฯ ทั้งๆที่ธุรกิจโทรคมนาคมปีหนึ่งๆรายได้อยู่ที่ 2–3 แสนล้านบาททีเดียว...ส่วนธุรกิจทีวีอยู่ที่ 6–7 หมื่นล้านบาทเท่านั้น

ช่วงเวลาดีใจผ่านมาถึงวันนี้ 1 ปีเต็มแล้ว...สิ่งที่เกิดขึ้นกลับตรงกันข้ามราวกับคำมั่นสัญญาที่ กสทช. เคยให้กันไว้เป็นเพียงลมปากที่ปล่อยผ่านจมูกสูดแล้วหอมชื่นใจเพียงชั่วครู่แค่นั้น

ภาคส่ง...สัญญาณดิจิตอลทีวียังลูกผีลูกคนไม่แรงชัด ครอบคลุมได้ทั่วไทยไฉไลอย่างที่พูด ภาครับ...ผู้ชมก็ติดๆขัดๆเข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้างกับการดึงสัญญาณดิจิตอลทีวีมาสู่เครื่องรับทีวีในบ้าน...เหมือนไม่ได้รับรู้ข้อมูลอย่างที่ควรจะเป็น...แถมยังต้องสับสนงงงวยกับช่องไม่ตรงกันในกล่องรับสัญญาณแต่ละระบบ

แล้วจะให้โทษใคร ถ้าไม่ใช่เจ้าภาพหลัก “กสทช.” ที่เสมือนดีแต่มโน...พูด แต่ทำไม่ได้.