อีกรายมือโหดรีด-ฆ่า ขุดหลุมหลบใต้ดิน! ยังให้การปฏิเสธทั้งคู่ สมยศสอบย้อนหลัง พบพัวพันสั่งฟันหมด

ปิดล้อมจับกุมหัวโจกแก๊งค้ามนุษย์รายใหญ่ 2 คนเป็นนายกเทศมนตรีเมืองปาดังเบซาร์ อีกคนเป็นตัวการใหญ่สร้างหลุมใต้ดินบริเวณบ้านสำหรับหลบภัย แถมวางกับดักเป็นระเบิดสังหาร ขณะเดียวกัน ผบ.ตร.ย้ำหากพบมีตำรวจพัวพันสั่งเด้งทันทีพร้อมดำเนินคดีเพื่อขจัดขบวนการค้ามนุษย์ให้สิ้นซาก พร้อมสั่งให้สอบย้อนหลังหาคนที่เคยพัวพัน ส่วน “ประยุทธ์” ย้ำการแก้ปัญหาต้องอาศัยประเทศทั้งต้นทางและปลายทาง แต่มาเลย์ยังไม่ตอบรับ ส่วนที่ชุมพรพบแรงงานต่างด้าวถูกลอยแพจนหิวโซอีก 28 คน

ปฏิบัติการล้างบางแก๊งค้ามนุษย์โรฮีนจาเข้มข้นทุกขณะหลังมีการจับกุมและออกหมายจับผู้ร่วมขบวนการไปหลายรายรวมทั้งการสั่งย้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหารที่เรียกรับผลประโยชน์จากขบวนการนี้ ส่วนการขุดหลุมฝังศพเหยื่อค้ามนุษย์โรฮีนจายังเดินหน้าพิสูจน์กันอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดพบอีก 30 หลุมบริเวณกุโบร์เก่าในพื้นที่ป่าสาธารณะ หมู่ 7 บ้านฉลุง ต.ฉลุง อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ซึ่งคนในพื้นที่ยืนยันเป็นกุโบร์ร้างที่ไม่เคยใช้มานานร่วม 40 ปี และบริเวณเดียวกันเคยเป็นแหล่งพักพิงของชาวโรฮีนจาด้วย

ให้ใช้ “โรฮีนจา” แทน “โรฮิงญา”

สายวันที่ 8 พ.ค. พ.อ.บรรพต พูลเพียร โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) กล่าวว่า ปัจจุบันได้ปรากฏภาพข่าวเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์และมีข้อถกเถียงเกี่ยวกับการใช้ถ้อยคำภาษาไทยที่ชัดเจนของคำว่า “โรฮีนจา” (Rohingya) และคำว่า เมียนมา (Myanmar) ซึ่ง กอ.รมน.ได้ใช้ถ้อยคำนี้มาตั้งแต่เดือนสิงหาคม ขณะที่ส่วนใหญ่ใช้คำว่า “โรฮิงญา” และ “เมียนมาร์” ดังนั้น ขอชี้แจงการใช้ถ้อยคำภาษาไทยของคำว่า โรฮีนจา (Rohingya) และคำว่า เมียนมา (Myanmar) ของ กอ.รมน.ว่าเป็นไปตามที่สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ได้ประสานมายัง กอ.รมน. เพื่อให้เป็นบรรทัดฐานเดียวกัน โดยสอดคล้องกับหลักเกณฑ์การทับศัพท์ภาษาพม่าของราชบัณฑิตยสถาน คำว่า Rohingya เมื่อทับศัพท์เป็นภาษาไทยจะได้ว่า “โรฮีนจา” และคำว่า Myanmar เมื่อทับศัพท์เป็นภาษาไทยจะได้ว่า “เมียนมา” ด้วยเหตุผลว่า gy เป็นเสียงที่ไม่มีในภาษาไทย ตัวอักษรไทยที่ใกล้เคียงที่สุดคือ “จ” ประกอบกับหลักเกณฑ์ของพม่ากำหนดให้ in แทนเสียงอีน และ ar แทนเสียงอา ตามลำดับ” โฆษก กอ.รมน.กล่าว

...

รวบตัวนายกฯเล็ก-ร.ต.ท.-ด.ต.

ที่ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจภูธร ภาค 9 ส่วนหน้า สภ.หาดใหญ่ จ.สงขลา พล.ต.ต.พุทธิชาติ เอกฉันท์ รอง ผบช.ภ.9 แถลงข่าวคืบหน้าคดีโรฮีนจาว่า คดีนี้ได้ออกหมายจับผู้เกี่ยวข้องฐานค้ามนุษย์ที่ จ.สงขลาไปแล้ว 2 ชุดรวมผู้ต้องหา 29 ราย ชุดแรก 18 รายจับได้แล้ว 6 รายเหลือ 12 ราย ส่วนหมายจับชุดที่สองซึ่งเพิ่งออกมาเมื่อคืนวันที่ 7 พ.ค.ที่ผ่านมาอีก 11 ราย และหลังหมายจับชุดที่สอง เจ้าหน้าที่ตำรวจได้จับกุมนายบรรณจง ปองผล นายกเทศมนตรีเมืองปาดังเบซาร์ อ.สะเดา จ.สงขลา ร.ต.ท.มงคล สุโร ผบ.หมวด ตชด.4303 และ ด.ต.อัศณีย์รัญ นวลรอด ผบ.หมู่งานป้องกันปราบปราม สภ.ปาดังเบซาร์ ที่มีหมายจับมาสอบสวนอย่างเคร่งเครียดที่ สภ.ปาดังเบซาร์

ตชด.ตรึงกำลังเฝ้าที่ฝังศพ 30 หลุม

พล.ต.ต.พุทธิชาติกล่าวอีกว่า โดยภาพรวมขณะนี้เจ้าหน้าที่พบแคมป์ที่พักทั้งหมดแล้วรวม 4 แคมป์ โรงเรือน 51 โรง มีผู้รอดชีวิตทั้งหมด 55 คน แยกเป็นชาวโรฮีนจา 24 คน ชาวบังกลาเทศ 15 คน และอยู่ในระหว่างการพิสูจน์สัญชาติอีก 16 คน ส่วนศพที่ถูกฝังขุดพบทั้งหมด 33 ศพ กำลังอยู่ระหว่างการตรวจสอบจากแพทย์นิติเวช ขณะเดียวกันตำรวจ ตชด.ที่ 437 ได้ตรึงกำลังกันพื้นที่บริเวณที่พบหลุมฝังศพจำนวน 30 หลุม พื้นที่บ้านฉลุง หมู่ 7 ต.ฉลุง อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ซึ่งเป็นกุโบร์เก่าหรือสุสานฝังศพชาวมุสลิมและเคยถูกใช้เป็นสถานที่พักพิงชาวโรฮีนจาแหล่งใหญ่ของ จ.สงขลา โดยห้ามผู้ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเข้าไป เนื่องจากอยู่ระหว่างรอหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าตรวจพิสูจน์และจะหารือกับตัวแทนสำนักจุฬาราชมนตรีว่าจะดำเนินการอย่างไรจะขุดหลุมศพขึ้นมาพิสูจน์หรือไม่ และเมื่อวันที่ 7 พ.ค.เจ้าหน้าที่ยังได้ช่วยเหลือชาวโรฮีนจาที่ถูกลอยแพอยู่กลางป่าเทือกเขาแก้วพื้นที่หมู่ 7 บ้านฉลุง ต.ฉลุง อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา จำนวน 33 คน และยังช่วยเหลือชาวบังกลาเทศถูกลอยแพที่เชิงเขาแก้ว เขตรอยต่อหมู่ 1 ต.ฉลุง อ.หาดใหญ่ กับหมู่ 10 ต.กำแพงเพชร อ.รัตภูมิ อีก 62 คน

ปิดล้อมจับกุมตัวการค้ามนุษย์

สายวันเดียวกัน พล.ต.ท.มนตรี โปตระนันทน์ ผบช.ภ.9 พ.ต.อ.นุกูล ไกรทอง รอง ผบก.ภ.จ. ตรัง พ.ต.อ.พสิษฐ์ ศานติปัญญา ผกก.สภ.สิเกา พ.ต.ท.ณัฐภาคย์ นุ้ยโดด รอง ผกก.(สส.) ภ.จ. ตรัง พร้อมกำลังคอมมานโดภาค 9 ชุดสืบสวนภาค 9 ชุดสืบสวน ภ.จ.ตรัง และชุดสืบสวน สภ. สิเกา ประมาณ 50 นาย ทั้งในและนอกเครื่องแบบนำกำลังเข้าปิดล้อมเพื่อจับกุมนายสุพจน์ มั่นซิ้ว อายุ 27 ปี ผู้ต้องหาคดีค้ามนุษย์ที่บ้านเลขที่ 154 หมู่ 1 ต.เขาไม้แก้ว อ.สิเกา จ.ตรัง เป็นบ้านปูนชั้นเดียวหลังสืบทราบว่านายสุพจน์หนีมากบดานในบ้านหลังดังกล่าว พบนายสุพจน์ยืนอยู่ปากทางเข้าห้องใต้ดินข้างบ้าน หน่วยคอมมานโดจู่โจมเข้าชาร์จตัวไว้ได้

ตะลึงวางบึมเป็นกับดักมรณะ

จากนั้นคุมตัวลงไปตรวจค้นในห้องใต้ดินของบ้าน ดัดแปลงเป็นห้องโถงขนาดใหญ่ เจ้าหน้าที่ต้องหย่อนตัวลงไปพบข้างในมีที่นอน แถมยังพบของกลางที่นำมาใช้ในการผลิตระเบิดจำนวนมาก เช่น กระสุนปืนขนาด 11 มม. จำนวน 3 นัด สายไฟขนาด 2 คูณ 0.5 มม. ยาว 15 ม. ต่อกับเชื้อ ปะทุระเบิดท่อพีวีซี ขนาด 2 นิ้ว ภายในประกอบดินระเบิดพร้อมใช้งาน และปุ๋ยยูเรียผสมน้ำมันใช้เป็นดินระเบิดหลักบรรจุในท่อพีวีซีเม็ดลูกปรายใช้เป็นสะเก็ดระเบิด จำนวน 53 เม็ด และอุปกรณ์ในการประกอบระเบิดอีกหลายรายการ คาดใช้เป็นกับดักป้องกันบุคคลภายนอกล่วงล้ำโดยลากสายออกมาด้านนอกพร้อมกดระเบิดทันทีหากมีผู้บุกรุกและยังมีจุดซุ่มยิงเป็นจุดยุทธศาสตร์ภายในห้องใต้ดินดังกล่าวด้วย จากการสอบสวนเบื้องต้นทราบว่านายสุพจน์เป็นผู้ต้องสงสัยฆ่าชาวโรฮีนจาที่ญาติไม่ยอมจ่ายค่าไถ่ตัวแถมยังแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วย แต่นายสุพจน์ยังไม่ยอมให้การใดๆ

ผบ.ตร.บินแถลงผลการจับกุม

ต่อมาเวลา 16.00 น. วันเดียวกัน พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ รอง ผบ.ตร. พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา รอง ผบ.ตร. พล.ต.ท.มนตรี โปตระนันทน์ ผบช.ภ.9 พล.ต.ท.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ จเรตำรวจ พล.ต.ต.พุทธิชาติ เอกฉันท์ รอง ผบช.ภ.9 นายสมศักดิ์ ปะริสุทโธ เหมทานนท์ ผวจ.ตรัง พล.ต.อัษฎา แสงฤทธิ์ รอง ผอ.กอ.รมน.ตรัง พร้อมชุดสืบสวน บก.ภ.จ.สงขลาและหน่วยคอมมานโดภาค 9 ร่วมแถลงข่าวจับกุมนายสุพจน์ มั่นซิ้ว อายุ 27 ปี อยู่บ้านเลขที่ 6/1 ถนนเพลินพิทักษ์ ต.ทับเที่ยง อ.เมืองตรัง ผู้ต้องหาตามหมายศาลจังหวัดตรัง 3 คดี และหมายศาลจังหวัดสตูลอีก 2 คดี และนายบรรณจง ปองผล อายุ 54 ปี นายกเทศมนตรีเมืองปาดังเบซาร์ อ.สะเดา จ.สงขลา ผู้ต้องหาร่วมกันหน่วงเหนี่ยวกักขังผู้อื่น โดยทำให้ปราศจากเสรีภาพในร่างกาย และร่วมกันเรียกค่าไถ่

...

หวังพ้นจากข้อหาค้ามนุษย์

พล.ต.อ.สมยศกล่าวว่า การแถลงข่าวการจับกุมในครั้งนี้เป็นผลจากการทำงานสืบสวนสอบสวนคดีขบวนการค้ามนุษย์ที่พบชาวโรฮีนจา ตั้งแต่ช่วงต้นปีที่ผ่านมา โดยมีการร่วมมือทั้งฝ่ายปกครองที่ อ.หัวไทร จ.นครศรีธรรมราช และขยายผลมาอย่างต่อเนื่อง การทำงานในคดีนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช.ได้สั่งให้เร่งดำเนินการจับกุมผู้กระทำผิดให้เร็วที่สุด เพราะปัญหาที่เกิดขึ้นถือเป็นวาระแห่งชาติจึงประสานกับเจ้าหน้าที่ของประเทศเพื่อนบ้านทั้งต้นสายและปลายสาย มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารร่วมกันเพื่อขุดรากถอนโคนผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับกระบวนการการค้ามนุษย์ให้ได้อย่างเร็วที่สุด โดยมีเป้าหมายเพื่อแก้ปัญหาที่ทางสหรัฐอเมริกาได้จัดลำดับประเทศไทยให้อยู่ในกลุ่มประเทศที่มีสถานการณ์การค้ามนุษย์อยู่ในลำดับที่เลวร้ายที่สุดหรือกลุ่มเทียร์ 3 ซึ่งส่งผลกระทบต่อภาคอุตสาหกรรม เศรษฐกิจ และความมั่นคงของประเทศไทยอย่างรุนแรง

เด้งทันทีหาก จนท.ร่วมขบวนการ

พล.ต.อ.สมยศยังกล่าวย้ำถึงคำสั่งของนายกรัฐมนตรีที่ให้มีการดำเนินการกับผู้ที่เกี่ยวข้องทุกคนโดยไม่มีการละเว้น ซึ่งในส่วนของผู้ใต้บังคับบัญชาในสังกัดสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า หากมีผู้ใต้บังคับบัญชาคนใดเข้าไปเกี่ยวข้องกับขบวนการดังกล่าวจะขอให้มีการใช้อำนาจตามมาตรา 56 ในการโยกย้ายผู้ที่กระทำผิดหรือน่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องให้พ้นจากราชการโดยไม่มีการละเว้น เพื่อกำจัดขบวน การดังกล่าวให้สิ้นซาก ส่วนเจ้าหน้าที่รัฐในหน่วยงาน อื่นๆ หากมีส่วนเกี่ยวพันกับเรื่องนี้จะมีการรายงานให้นายกรัฐมนตรีทราบเพื่อพิจารณาลงโทษต่อไป

ออกหมายจับผู้ต้องหาแล้ว 36 คน

ด้าน พล.ต.อ.เอกกล่าวว่า การดำเนินการจับกุมผู้กระทำความผิดในครั้งนี้ ไม่สามารถระบุได้ว่ามีส่วนเกี่ยวพันกับขบวนการค้ามนุษย์อย่างไร ข้อมูลบางส่วนไม่สามารถเปิดเผยได้เพราะยังอยู่ในขั้นตอนของการสืบสวนสอบสวน เกรงว่าหากมีการเผยแพร่ออกไปจะทำให้กระทบต่อรูปคดี เพราะคดีดังกล่าวนี้ มีส่วนเชื่อมโยงกับหลายฝ่ายและหลายพื้นที่ต้องสืบสวนสอบสวนหาข้อเท็จจริงกันต่อไป โดยขณะนี้ได้ออกหมายจับผู้ต้องหาทั้งหมด 36 ราย รวบรวมพยานหลักฐานเพียงพอที่จะนำตัวมาดำเนินคดี ส่วนผู้ต้องหาทั้งสองรายที่นำมาแถลงข่าวในวันนี้ ในทางสืบสวนเชื่อว่ามีหลักฐานที่น่าจะเกี่ยวพันกับคดีดังกล่าว จากการตรวจสอบประวัติของนายสุพจน์มีหมายจับถึง 5 หมาย ส่วนนายบรรณจงมีตำแหน่งเป็นนายกเทศมนตรีเมืองปาดังเบซาร์ เชื่อว่าน่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการแต่เบื้องต้นผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ

...

เน้นค้ามนุษย์เป็นวาระแห่งชาติ

ก่อนหน้านั้นในเช้าวันเดียวกัน พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร.เป็นประธานการประชุมชี้แจงแผนการปฏิบัติแบบบูรณาการตามยุทธศาสตร์ป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์ (วาระแห่งชาติ) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยมี พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ รอง ผบ.ตร.ในฐานะ ผอ.ศพดส.ตร. พล.ต.อ.ก่อเกียรติ วงศ์วรชาติ ที่ปรึกษา (สบ 10) ในฐานะรอง ผอ.ศพดส.ตร. พร้อมนายตำรวจระดับ ผบช. และรอง ผบช.ที่ประชุมชี้แจงเร่งรัดการปฏิบัติแก่หน่วยงานใน สตช. ตามที่นายกรัฐมนตรีกำหนดนโยบายในเรื่องดังกล่าวเป็นวาระแห่งชาติ เมื่อวันที่ 3 เม.ย. ที่ผ่านมา โดยมอบแนวทางการปฏิบัติพร้อมสรุปผลงานในรอบ 6 เดือน

ระดมทุกวิถีทางสกัดกั้นแก๊งโหด

ในที่ประชุม พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ รอง ผบ.ตร. ได้มอบแนวทางปฏิบัติในการแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ตามยุทธศาสตร์ป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์โดยเน้นมาตรการป้องกัน สกัดกั้น และปราบปรามการค้ามนุษย์และในระยะขยายผลจะเร่งรัดดำเนินมาตรการเพิ่มประสิทธิภาพในการสืบสวนสอบสวนดำเนินคดีค้ามนุษย์รวมทั้งสืบสวนปราบปรามเครือข่ายขบวนการค้ามนุษย์ในพื้นที่เสี่ยงชายแดน ตลอดจนมุ่งเน้นการเพิ่มประสิทธิภาพการอำนวยความยุติธรรมทางอาญา การเชื่อมโยงข้อมูลสำหรับหน่วยงานในกระบวนการยุติธรรม การเพิ่มประสิทธิภาพในการคัดแยกเหยื่อการค้ามนุษย์และเปิดช่องรับแจ้งข้อมูลข่าวสารตามมาตรฐานสากล เพื่อให้เกิดผลการปฏิบัติในภาพรวมอย่างเป็นรูปธรรมโดยเร็ว

สอบย้อนหลังหา จนท.พัวพัน

พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. กล่าวว่า การค้ามนุษย์เป็นอาชญากรรมที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติมีนโยบายแก้ไขอย่างจริงจังมาโดยตลอด ทั้งด้านการค้าประเวณี การบังคับใช้แรงงาน การบังคับคนไปขอทานหรือขบวนการที่แสวงหาประโยชน์จากการหลบหนีเข้าเมืองของคนต่างด้าว การดำเนินการ ตามยุทธศาสตร์ป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์นั้น มุ่งเน้นการป้องกันเป็นหลัก เน้นการบังคับใช้กฎหมายรวมทั้งบูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้เกิดผลเป็นรูปธรรมอย่างรวดเร็ว

...

จับมือทุกฝ่ายร่วมคลี่คลายคดี

“ขณะนี้ตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครองทำงานร่วมกันอย่างเต็มที่เพื่อที่จะตรวจสอบเรื่องดังกล่าว นายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญเรื่องนี้เป็นอย่างมากเพราะส่งผลกระทบต่อประเทศอย่างรุนแรงและประเทศสหรัฐอเมริกาจับดูสถานการณ์อยู่ ต้องเข้าใจว่าเรื่องนี้เกิดขึ้นมาหลายปีแล้ว แต่เพิ่งมีการแก้ไขอย่างเป็นรูปธรรมในรัฐบาลนี้ มอบหมายให้ พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ รอง ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา รอง ผบ.ตร. ฝ่ายความมั่นคง สอบสวนย้อนหลังไปว่ามีเจ้าหน้าที่ของรัฐไปเกี่ยวข้อง ช่วยเหลือสนับสนุนหรือรับประโยชน์จากการค้าชาวโรฮีนจาหรือไม่ หากพบต้องโยกออกจากพื้นที่พร้อมดำเนินคดีอาญาเพื่อเป็นการตัดวงจรการกระทำผิด” พล.ต.อ.สมยศ กล่าว

นายกฯฉุนถามลงโทษแก๊งกังฉิน

ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. กล่าวถึงการแก้ไขปัญหาชาวโรฮีนจาว่าแก้ในประเทศอย่างเดียวไม่ได้ต้องแก้ไขจากต้นทางคือประเทศพม่าและบังกลาเทศด้วย ส่วนการลงโทษผู้ที่เป็นนายหน้านั้นเป็นไปตามกฎหมายอาญา วันนี้ต้องจริงจัง ที่ผ่านมานั้นมีการจับกุมได้แล้วก็ปล่อยไป อย่างไรก็ตาม ที่สั่งการให้ดำเนินการภายใน 10 วันนั้นคือต้องคลี่คลายให้ได้โดยต้องเร่งดำเนินการแต่ไม่ใช่ว่า 10 วันเสร็จเพราะปัญหานี้เกิดมานานแล้ว ทั้งนี้ นายหน้าหาประโยชน์ให้เข้ามาในไทยมีทั้งคนชั่วและเจ้าหน้าที่ที่ไม่ดี ต้องไปดำเนินการให้ได้ วันนี้ทั้งตำรวจ ทหาร และฝ่ายความมั่นคงช่วยบูรณาการทำงานจริงจังและต่อเนื่อง เมื่อถามว่า ตำรวจและทหารที่เกี่ยวข้องกับคดีนี้จะดำเนินการอย่างไร พล.อ.ประยุทธ์ ตอบแบบฉุนเฉียวว่า “โธ่เอ้ย มาถามแบบนี้ทำไมวะ ถามให้มีเรื่องนี่หว่า สำหรับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องจะลงโทษ เป็นผู้บังคับบัญชาคนไม่ลงโทษคนได้ยังไงวะ ถ้ารู้ลงโทษหมดแหละ”

มาเลเซียไม่ส่งสัญญาณตอบรับ

เมื่อถามต่อว่า มีทหารเข้าไปเกี่ยวข้องมากหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ตอบเสียงดังว่า ไม่รู้ กำลังสอบอยู่ เมื่อถามว่า ได้ตั้งข้อสังเกตหรือไม่ว่าที่มีการพบหลุมศพชาวโรฮีนจาที่ อ.สะเดา จ.สงขลา ในช่วงนี้เพราะต้องการดิสเครดิตรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ตอบว่า ไม่รู้จะไปรู้ได้อย่างไร รัฐบาลจริงจังเจ้าหน้าที่ลงไปดูชาวบ้านก็เกิดความไว้ใจมากขึ้น เรื่องทั้งหมดประชาชนเป็นคนมาบอกทั้งสิ้น แต่ขณะนี้ยังไม่มีเสียงตอบรับอะไรมาจากทางมาเลเซีย แต่เราได้ร่วมมือกันและจะมีการนัดประชุมแก้ไขปัญหารวมถึงประเทศพม่าภายในสิ้นเดือนนี้ จากนั้นจะมีคณะทำงานร่วมโดยเป็นเรื่องของการต่างประเทศ ด้านความมั่นคง เมื่อถามว่า ปัญหาคือในเมื่อส่งกลับไม่ได้แล้วจะทำอย่างไร พล.อ.ประยุทธ์ตอบว่า ตอบไม่ได้ว่าจะทำอย่างไร ประเทศที่ 3 มีใครรับ ซึ่งมีตัวเลขคนที่อพยพจากการรบทางชายแดนพม่าทั้งหมดประมาณ 1 แสนคนเป็นชาวโรฮิงญากว่า 1,000 คน ส่วนที่จับได้นั้นตนตอบไม่ได้ เมื่อส่งเขาต่อไปที่ไหนไม่ได้ เราต้องส่งกลับไปยังต้นทางหรือปลายทางว่าจะรับหรือไม่

ตำรวจตามล่าแก๊งค้าคนมานาน

ด้าน พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ ผู้ช่วย ผบ.ตร. และโฆษก ตร. กล่าวว่า หลายเดือนที่ผ่านมาสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ตระหนักนโยบายของรัฐบาลเรื่องการค้ามนุษย์ โดยเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวกับการตรวจ ค้นแคมป์ที่พักคนต่างด้าวที่ อ.ปาดังเบซาร์ จ.สงขลา ตำรวจทำมาอย่างต่อเนื่องหลายเดือน มีการจับกุมกลุ่มผู้ค้า นายทุนและเจ้าหน้าที่ของรัฐ เพียงแต่ไม่เป็นที่สนใจพี่น้องประชาชน แตกต่างจากการตรวจค้นพบแคมป์ที่พักและหลุมฝังศพชาวโรฮีนจาที่ปาดังเบซาร์ ภาพข่าวที่แพร่ออกไปทำให้สะเทือนใจ กระทบความ รู้สึกของพี่น้องประชาชนในวงกว้าง ไม่ว่าในประเทศหรือต่างประเทศ การตรวจค้นแคมป์ดังกล่าวเป็นผลจากการสืบสวนสอบสวนขยายผลของเจ้าหน้าที่ตำรวจ และประสานเจ้าหน้าที่ของประเทศเพื่อนบ้านซึ่งได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดี จนสามารถระบุตำแหน่งที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ของแคมป์ที่พัก ดำเนินคดีผู้ค้ารวมทั้งนายทุนที่เกี่ยวข้อง

ประสาน ปปง.อายัดทรัพย์ 150 ล้าน

โฆษก ตร.กล่าวด้วยว่า ตร.ได้ร่วมมือกับสำนักงาน ปปง.สืบสวนหาทรัพย์สินของกลุ่มนายทุน ขณะนี้อายัดเงินในบัญชีไปตรวจสอบจำนวน 32 ล้านบาท และอยู่ระหว่างดำเนินการร้องขอให้อายัดทรัพย์สินเพิ่มเติมไม่น้อยกว่า 150 ล้านบาท ตำรวจภูธร ภาค 8 ออกหมายจับ 15 หมาย จับกุม 10 คน ตำรวจภูธรภาค 9 ออกหมายจับ 19 หมาย จับกุม 6 คน วันนี้ตำรวจภูธรภาค 9 ออกหมายจับและจับกุมผู้เกี่ยวข้อง บางรายเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ มีตำแหน่งเป็นถึงนายกเทศมนตรี เป็นเรื่องแสดงว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ดำเนินการตรงไปตรงมา ไม่เลือกปฏิบัติ ไม่เว้นแม้เจ้าหน้าที่ของรัฐ ไม่ว่าจะเป็นส่วนราชการใด

เตรียมจับมือเพื่อนบ้านแก้ปัญหา

“ในอนาคตอันใกล้จะกระชับความร่วมมือในการทำงานร่วมกับประเทศเพื่อนบ้านให้ใกล้ชิดยิ่งขึ้น ประเทศไทยไม่สามารถแก้ปัญหาโดยลำพัง เนื่องจากมีข้อมูลชี้ชัดว่า ขบวนการของคนร้ายมีหลายสัญชาติ และเป็นปฏิบัติการข้ามพรมแดนต่อเนื่องหลายประเทศ พร้อมสั่งให้พนักงานสอบสวนประสานสำนักงานอัยการสูงสุดในการดำเนินคดีในลักษณะองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ เพื่อทำงานร่วมกันและประสานเจ้าหน้าที่ของประเทศเพื่อนบ้านในระดับนโยบายและปฏิบัติ” พล.ต.ท.ประวุฒิกล่าว

นายหน้าโหดลอยแพพม่าบนเขา

ขณะที่ จ.ชุมพร ร.ต.ธีระพร บุญซื่อ รองหัวหน้าชุดประสานงาน กองร้อยจังหวัดทหารบกชุมพร นายยอดชาย ศศิธร หัวหน้าแผนกกำลังพล บก.อส.ชุมพรและนายพิศิษฐ์ ฤทธิพิชัยสงคราม ปลัดฝ่ายความมั่นคงอำเภอเมืองชุมพร พร้อมกำลังไปควบคุมตัวแรงงานชาวพม่าชายหญิง 28 คนถูกลอยแพจนหิวโซลงมาขออาหารชาวบ้านกินประทังชีวิตที่หมู่ 8 ต.บ้านนา อ.เมืองชุมพร เมื่อเห็นเจ้าหน้าที่ทั้งหมดถึงกับร้องไห้และยกมือไหว้ บางคนตัวสั่น ซีดเซียว อิดโรย และหวาดกลัว เจ้าหน้าที่นำตัวทั้งหมดไปสอบสวนที่ค่ายกองร้อยอาสารักษาดินแดนชุมพร ที่ 1 และประสานหน่วยงานเกี่ยวข้องเข้ามาร่วมดำเนินการ พร้อมทั้งจัดหาอาหารน้ำดื่มให้กินประทังความหิวโหย

จากการสอบสวนเบื้องต้นทราบว่า ทั้งหมดถูกนายหน้าทั้งคนไทยและพม่าหลอกลวงเข้ามาทำงานในประเทศไทยที่ จ.พังงา และ จ.ภูเก็ต เสียค่านายหน้าคนละ 17,000 บาท ถูกพามาพักที่แคมป์ชั่วคราวอยู่กลางหุบยอดเขาบ้านในง่วม หมู่ 8 ต.บ้านนา อ.เมือง จ.ชุมพร และเมื่อวันที่ 7 พ.ค.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ทหารและ อส.มาตรวจสอบที่แคมป์พักแต่นายหน้าไหวตัวทัน รีบพาแรงงานทั้งหมดหนีขึ้นไปปล่อยในป่าทึบบนยอดเขาแล้วนายหน้าหลบหนีไป จนทั้งหมดหิวโซเป็นไข้หนาวสั่นลงจากเขาไปขออาหารชาวบ้านกิน นอกจากนี้ยังมีหญิงสาวที่อยู่ในกลุ่มอายุ 18-20 ปี 4 คน ถูกกลุ่มนายหน้าชาวไทยรุมข่มขืนด้วย

รวบสาวพม่าลอบค้ามนุษย์

อีกที่ จ.ปัตตานี พ.ต.อ.กีรติ แวยูโซ๊ะ ผกก.สภ.เมืองปัตตานี นำกำลังร่วมทหาร ฝ่ายปกครองและตำรวจน้ำปัตตานี เข้าปิดล้อมตรวจค้นบ้านเลขที่ 143 หมู่ 8 ต.บานา หลังสืบทราบเป็นแหล่งพักพิงของแรงงานชาวพม่า ผลตรวจค้นพบ น.ส.แตง หรือควนดา อายุ 40 ปี ชาวพม่าที่เป็นนายหน้าค้ามนุษย์อยู่ในบ้าน พอเห็นเจ้าหน้าที่ถึงกับตกใจ นอกจากนี้ยังพบแรงงานชายชาวพม่า 5 คนถูกคุมขังในห้องนอน จึงควบคุมตัวทั้งหมดไปสอบสวนที่ สภ.เมืองปัตตานี โดย น.ส.แตงให้การว่า ร่วมกับเพื่อนชาวพม่า หลอกแรงงานชาวพม่ามาทำงานในไทยโดยคิดค่าหัว 30,000 บาทต่อคน เมื่อเดินทางมาถึงต้องกักให้อยู่ภายในบ้าน เมื่อถึงเวลาทำงานจะพาไปทำงานเพื่อใช้หนี้ 30,000 บาทจนครบ

ทส.สั่ง 3 กรมตรวจสอบลูกน้อง

พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) กล่าวว่า ได้ขอให้ อธิบดีกรมป่าไม้ อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช และอธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) เร่งสอบสวนเจ้าหน้าที่ในสังกัดของทั้ง 3 กรมว่าเข้าไปร่วมในขบวนการค้าโรฮีนจาหรือไม่เพราะเชื่อว่าทั้งเส้นทางลำเลียงขนส่งคนทางเรือ ผ่านป่าจนถึงการตั้งค่ายในเขตป่าโดยเฉพาะเทือกเขาไม้แก้วจะต้องมีการส่งเสบียงให้กับขบวนการนี้เป็นไปได้ยากที่ไม่มีเจ้าหน้าที่ในสังกัด ทส.รู้เห็นหรือเป็นเรื่องที่รอดหูตาไปได้ หากไม่แกล้งทำเป็นไม่รู้ ดังนั้นขอให้อธิบดีทั้ง 3 กรมเร่งสอบสวนเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าและเร่งประสานนำตัวเจ้าหน้าที่ไปให้ข้อมูลกับฝ่ายความมั่นคงกับกองทัพภาคที่ 4 และเจ้าหน้าที่ตำรวจอย่างเร่งด่วน แต่หากยังนิ่งเฉยปกป้องลูกน้อง หรือสอบสวนแบบลูบหน้าปะจมูกผู้ที่จะเดือดร้อนแทนลูกน้องคืออธิบดีทั้งสามกรมเพราะเรื่องโรฮีนจาเกิดขึ้นมาหลายปี

ออสซี่ชมไทยแก้ปมร้อนรวดเร็ว

ขณะที่นายเสข วรรณเมธี อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึงผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของไทยและการพิจารณาทิปส์ รีพอร์ต จากกรณีการพบศพชาวโรฮีนจาใน จ.สงขลาว่า ในการหารือระหว่าง พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกฯ และ รมว.การต่างประเทศกับนางจูลี บิชอป รมว.ต่างประเทศและการค้าออสเตรเลียนั้น นางบิชอปหรือแม้แต่นานาประเทศ ตลอดจนองค์กรเอกชนต่างๆ ออกมาชื่นชมไทยโดยมองว่าประเทศไทยมุ่งมั่นในการแก้ไขปัญหานี้โดยเห็นว่านายกรัฐมนตรีได้สั่งการโยกย้ายผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับปัญหาต่างๆ และดำเนินการอย่างรวดเร็ว พร้อมกันนี้ออสเตรเลียยังยินดีส่งผู้แทนเข้าร่วมประชุมระดับภูมิภาคสมัยพิเศษว่าด้วยเรื่องการแก้ไขปัญหาผู้ลักลอบเข้าเมืองที่ประเทศไทยจะจัดขึ้นราวสิ้นเดือน พ.ค.นี้ด้วย

สหรัฐฯยังกังวลเรื่องผู้อพยพ

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานเมื่อวันที่ 8 พ.ค.ว่า เจ้าหน้าที่สถานทูตสหรัฐฯประจำประเทศไทยระบุว่า สหรัฐฯรู้สึกเป็นห่วงต่อรายงานที่ว่ายังมีผู้อพยพอีกนับพันคนทั้งที่อยู่บนภาคพื้นและบนเรือล่องในทะเลที่อาจต้องการการปกป้องและความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม เรื่องนี้เป็นปัญหาระดับภูมิภาคจึงขอเรียกร้องให้นานาชาติจัดการปัญหานี้ร่วมกัน ขณะที่นางจูลี บิชอป รมว.ต่างประเทศออสเตรเลียที่อยู่ระหว่างเดินทางมาเยือนและพบหารือเจ้าหน้าที่ไทย ได้แสดงความคิดเห็นถึงการรับมือของไทยภายหลังจากมีการค้นพบหลุมศพหมู่และค่ายพักต้องสงสัยเป็นของแก๊งค้ามนุษย์ว่าเป็นการค้นพบที่น่าสลดใจอย่างมาก การกระทำที่โหดร้ายเหล่านี้ต้องถูกระงับยับยั้งไม่ให้เกิดอีก

ส่วนกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีระบุต้องการเชิญมาเลเซียและเมียนมา มาร่วมแก้ปัญหาผู้อพยพชาวโรฮีนจาด้วยนั้น นายมินต์ เจียง ปลัดกระทรวงตรวจคนเข้าเมืองของเมียนมา แถลงว่าเมียนมายังไม่ได้รับการติดต่อจากฝ่ายไทย ด้านวิน เนียง ตุน ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจกองปราบปรามการค้ามนุษย์ของเมียนมา เผยว่าถ้าได้รับเชิญอย่างเป็นทางการ ตนคิดว่าน่าสนใจที่จะร่วมประชุมด้วย แต่ทั้งนี้ยังไม่มีแถลงใดๆจากมาเลเซีย

เผยเหยื่อค้ามนุษย์ผจญภัยสารพัด

ขณะที่สำนักงานข้าหลวงใหญ่เพื่อผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็นเอชซีอาร์) แถลงคาดการณ์ว่าในรอบ 3 เดือนแรกของปีนี้มีชาวโรฮีนจาและบังกลาเทศประมาณ 25,000 คนอพยพไปกับเรือพวกค้ามนุษย์ซึ่งถือว่ามากกว่าช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้วถึง 2 เท่า โดยจากข้อมูลที่ได้จากผู้รอดชีวิตยังคาดด้วยว่ามีผู้เสียชีวิตในทะเลในไตรมาสแรกปีนี้แล้ว 300 คน จากหลายสาเหตุรวมทั้งอดอาหารและถูกทำร้ายร่างกายบนเรือ ส่วนกรณีที่เพิ่งพบค่ายพักต้องสงสัยเป็นของแก๊งค้ามนุษย์ในไทยด้วยว่า สภาพความเป็นอยู่ในค่ายของพวกค้ามนุษย์ถือว่าน่าสะพรึงกลัว ถูกคุมขังถูกทำร้ายจนกว่าญาติจะจ่ายเงินมาแลกอิสรภาพ

บังกลาเทศกวาดล้างแก๊งค้ามนุษย์

ด้านสำนักข่าวเอเอฟพีรายงานด้วยว่า ตำรวจบังกลาเทศบุกกวาดล้างแก๊งค้ามนุษย์ในเมืองชายฝั่งทางใต้ชื่อเทคนาฟ ในอำเภอค็อกซ์’ส บาซาร์ ติดพรมแดนพม่า ระหว่างนี้เกิดการยิงปะทะกับแก๊งค้ามนุษย์ซึ่งทำให้แก๊งค้ามนุษย์ถูกยิงเสียชีวิต 3 คนรวมทั้งนายโธลู ฮอสเซน อายุ 55 ปี ผู้เคยค้ามนุษย์ที่มีเหยื่อเป็นชาวบังกลาเทศมากกว่า 1,000 คน ส่วนผู้บัญชาการตำรวจเมืองเทคนาฟ ระบุว่าทั้ง 3 คนนี้ซึ่งถือเป็นแก๊งค้ามนุษย์ระดับหัวโจก มีเครือข่ายลักลอบค้ามนุษย์ทั้งที่บังกลาเทศ ไทยและมาเลเซียที่ซึ่งต่อมาเหยื่อหลายคนถูกจับเป็นตัวประกันในที่กบดานในป่าห่างไกล