รวบแล้วมือยิงเสี่ยคารถเบนซ์ สารภาพหมดเปลือกได้รับค้าจ้าง 6 แสน โดย ตร.รู้ตัวคนรับงานแล้ว และได้ออกหมายจับเรียบร้อย ส่วน ผบช.ภ.1 แนะให้คนรับงานเข้ามอบตัว หวั่นจะถูกฆ่าตัดตอนไม่ให้สาวไปถึงผู้บงการตัวจริง...
เมื่อวันที่ 30 เม.ย.2558 พล.ต.ท.อำนวย นิ่มมะโน ผบช.ภาค 1 เดินทางเข้าร่วมประชุมวางแผนการติดตามตัวขบวนการผู้ก่อเหตุยิงนายวิรัตน์ ตติยานุพันธ์วงศ์ อายุ 46 ปี เสี่ยเจ้าของบริษัท บีทีอี จำกัด ที่เป็นบริษัทประกอบตู้ไฟฟ้า หม้อแปลงไฟฟ้า เสียชีวิตคารถเบนซ์ เหตุเกิดบริเวณภายในหมู่บ้านศุภลักษณ์ วิลเลจ คลองเจ็ดลำลูกกา หมู่ที่ 3 ต.บึงคำพร้อย อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี เมื่อช่วงคืนวันที่ 29 เมษายน ตามที่เป็นข่าวไปแล้วนั้น
จากการสอบสวนเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจจนสามารถจับกุมตัว ทีมสังหารได้ทั้งหมด 3 คน คือ จ.ส.อ.บรรหาร เอี้ยงทอง หรือ จ่าบอย อายุ 45 ปี ชาวบ้าน ต.พงสวาท อ.เมืองราชบุรี เป็นคนขับรถเก๋งฮอนด้า รุ่นซีวิค สีขาว หมายเลขทะเบียน กท 7868 ราชบุรี (ดูต้นทาง) นายสุวิชัย จากผา หรือ จ่าโต อายุ 45 ปี ชาวบ้าน ต.หน้าเมือง อ.เมืองราชบุรี ขับรถกระบะ โดยจับกุมได้ในจุดเกิดเหตุ และ ส.อ.ภูมิพัฒน์ มะปัญญา หรือ ปุ้ย อายุ 46 ปี ชาวบ้าน ต.หน้าเมือง อ.เมืองราชบุรี ตามจับกุมได้ที่จังหวัดนครปฐม
...
พฤติกรรมของกลุ่มคนร้าย ได้รับว่าจ้างจากนายณภัทร สว่างศรี อายุ 45 ปี ชาวบ้าน หมู่ 5 ต.หนองผักนาก อ.สามชุก จ.สุพรรณบุรี เป็นเงิน 600,000 บาท โดยทีมสังหารได้ทำการมาดูลาดเลา ที่ใช้รถเก๋งฮอนด้า รุ่นซีวิค สำรวจเส้นทางจุดที่จะลงมือก่อเหตุ และจุดหลบหนี โดยในวันเกิดเหตุทราบว่าผู้ตายต้องมาเข้าประชุมที่บริษัท จึงได้ดักซุ่มรอจนผู้ตายขับรถออกมาจากบริษัทแล้วขับรถตามหลัง โดยเมื่อมาถึงจุดนัดหมาย นายสุวิชัย จากผา หรือ จ่าโต อายุ 45 ปี ขับรถกระบะพา ส.อ.ภูมิพัฒน์ มะปัญญา หรือปุ้ย อายุ 46 ปี มาทิ้งไว้บนสะพาน แล้วตนจอดรถรอเพื่อไม่ให้รถผู้ตายผ่านไปได้ก่อนที่ ส.อ.ปุ้ย จะลงมือสังหารด้วยปืนขนาด .38 แต่รถคนตายกลับเร่งเครื่อง จึงทำให้ชนท้ายรถของจ่าโตเข้าอย่างแรง จนรถทั้งสองคันเสียหลักลงข้างทาง จากนั้น จ.ส.อ.บรรหาร เอี้ยงทอง หรือ จ่าบอย อายุ 45 ปี จึงได้ขับรถซีวิค มาให้กับ ส.อ.ปุ้ย มือปืนขับหลบหนีไป ก่อนที่ จ่าโต กับจ่าบอย จะเดินมารอที่รถแล้วมีเพื่อนผู้ตายขับมาพบแล้วโทรแจ้งตำรวจ ก่อนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะทำการสอบเค้นจนรับสารภาพว่า ถูกว่าจ้างมาให้ฆ่าผู้ตายดังกล่าว เบื้องต้นเจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการสอบสวนหาตัว นายณภัทร ที่เป็นผู้รับงานและติดต่อทีมสังหาร
ต่อมาเมื่อเวลา 16.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน คุมตัวนายภูมิพัฒน์ มะปัญญา หรือปุ้ย อายุ 46 ปี มือปืนยิงนายวิรัตน์ ตติยานุพันธ์วงศ์ อายุ 46 ปี เสี่ยเจ้าของบริษัท บีทีอี จำกัด โดยนายภูมิพัฒน์ หรือปุ้ย มือปืน ให้การรับสารภาพว่า ได้รับงานมาจากนายนายณภัทร สว่างศรี อายุ 45 ปี เป็นคนรับงานมาอีกทอด โดยที่ตนเองไม่ทราบว่าคนจ้างเป็นใคร หลังก่อเหตุได้หลบหนีไปพักที่รีสอร์ต ย่าน จ.นครปฐม ซึ่งตนเองได้เงินไปจำนวน 10,000 บาทเท่านั้น ส่วนค่าจ้างที่มีการตกลงกันจำนวน 6 แสนบาท จะได้รับหลังจากเสร็จงานนี้ แต่ก็มาถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับได้เสียก่อน
ด้าน พล.ต.ท.อำนวย นิ่มมะโน ผบช.ภาค 1 กล่าวว่า จากการสอบสวน เบื้องต้นมือปืนที่ยิงให้การรับสารภาพและซัดทอดว่ารับงานมาจากนายณภัทร ขณะนี้ได้ออกหมายจับแล้ว และขอให้เข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อความปลอดภัยเพราะเกรงว่านายณภัทร จะถูกฆ่าตัดตอนเสียชีวิต ซึ่งจะทำให้ไม่ทราบถึงผู้ว่าจ้าง อย่างไรก็ตามจะได้สอบสวนผู้ต้องหาทั้ง 3 คน อย่างละเอียด เพื่อจะได้ติดตามตัวผู้ว่าจ้างมาดำเนินคดีตามกฎหมาย
ผบช.ภาค 1 กล่าวด้วยว่า ส่วนผู้ต้องหาทั้ง 3 จะได้สอบสวนและส่งพนักงานสอบสวน เพื่อดำเนินคดีในข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดย ไตร่ตรองไว้ก่อน ส่วนนายณภัทร ได้แจ้งข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาและไตร่ตรองไว้ก่อน โดยเป็นผู้ใช้จ้างวานหรือยุยงส่งเสริมให้ผู้อื่นกระทำความผิด, ร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และ พกพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน ทางสาธารณะ โดยไม่มีเหตุอันควร.