ไม่ใช่แค่ ทะเล ป่า หรือภูเขาเท่านั้นที่เป็นหมุดหมายปลายทางยอดนิยมของนักท่องเที่ยว แต่เมืองไทยยังมีความงดงามอีกหลายแง่มุมที่รอคอยให้ขาเที่ยวทั้งหลายมาสัมผัสความเป็นไทย ผ่านการท่องเที่ยวอันน่าประทับใจ

หลายคนคงได้ยินกันมาบ้างแล้วว่า ปีนี้เป็นปีแห่งการ ท่องเที่ยววิถีไทย ประเทศไทยได้เปิดแลนด์มาร์คใหม่ๆ ที่สะท้อนถึงความเป็นไทยสำหรับต้อนรับนักท่องเที่ยวขึ้นมาอีกหลายแห่ง ซึ่งล้วนแต่น่าสนใจทั้งนั้น บางแห่งเชื่อว่าหลายคนไม่เคยไปเที่ยวมาก่อนด้วยซ้ำ สำหรับใครที่ยังไม่รู้ว่าบ้านเรามีสถานที่ท่องเที่ยวทางชุมชน วิถีชีวิต และศิลปวัฒนธรรมที่สวยงามที่ไหนบ้าง วันนี้ ไทยรัฐออนไลน์ มีแหล่งท่องเที่ยวตามวิถีไทยภายใต้ไอเดีย '12 เมืองต้องห้ามพลาด' มาแนะนำกัน ใครสนใจที่ไหนเตรียมแพ็กกระเป๋ากันได้เลย

1. เมืองปราสาทสองยุค จ.บุรีรัมย์

จากดินแดนที่เต็มไปด้วยปราสาทหิน สภาพอากาศร้อน แล้ง ตอนนี้ได้พลิกโฉมหน้าไปสู่ความล้ำสมัยของปราสาทยุคใหม่ ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าบุรีรัมย์กำลัง 'อินเทรนด์' ด้วยความที่เป็นหนึ่งในไม่กี่เมืองที่มีปราสาทหินอันงดงาม จึงทำให้บุรีรัมย์มีความพิเศษ น่าเดินทางไปค้นหาและตามรอยอารยธรรมชาวเขมรยุคเก่าก่อน

...

สำหรับแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจได้แก่ อุทยานประวัติศาสตร์พนมรุ้ง, ปราสาทเมืองต่ำ, สนามไอโมบาย สเตเดียม หรือ ปราสาทสายฟ้า ยกระดับบุรีรัมย์สู่เมืองกีฬาระดับโลก ด้วยสนามฟุตบอลมาตรฐานฟีฟ่าแห่งแรกและแห่งเดียวในไทย, สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต มอเตอร์สปอร์ตระดับมาตรฐานสากลหนึ่งเดียวในไทย, เพ ลา เพลิน บูติก รีสอร์ท แอนด์ แอดเวนเจอร์ แคมป์, วนอุทยานภูเขาไฟกระโดง, หมู่บ้านทอผ้าไหม อ.นาโพธิ์ แหล่งทอผ้าไหมซิ่นตีนแดงผ้าเอกลักษณ์บุรีรัมย์, วัดกลางพระอารามหลวง, แหล่งดูนกในเขตห้ามล่าสัตว์ป่า อ่างเก็บน้ำสนามบิน เป็นต้น

ส่วนนักท่องเที่ยวขาช็อปแนะนำให้ไปชมและเลือกซื้อของดีของเด่นของ จ.บุรีรัมย์ ได้แก่ ข้าวหอมมะลิและผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่แปรรูปจากน้ำนมข้าวหอมมะลิ เช่น สบู่ โลชั่น นอกจากนี้ยังมีกุ้งจ่อมของอำเภอประโคนชัยก็เลื่องลือไม่แพ้กัน ปัจจุบันสามารถพัฒนาเป็นกุ้งจ่อมแห้งได้แล้ว ปิดท้ายกันที่ ผ้าภูอัคนี ผ้าฝ้ายย้อมดินภูเขาไฟแห่งเดียวในประเทศไทย ที่สวมใส่สบาย เป็นสิริมงคล

2. เย็นสุด...สุขที่ จ.เลย

เป็นอีกหนึ่งจังหวัดที่มีความสวยงามของธรรมชาติและความงดงามของวิถีชีวิตอยู่อย่างเต็มเปี่ยม เป็นที่ตั้งของแหล่งท่องเที่ยวเดินป่าที่โด่งดังอย่างภูกระดึง นอกจากนี้ยังมีสถานที่น่าเที่ยวอีกมากมาย ได้แก่ อุทยานแห่งชาติภูเรือ, ตลาดดอกไม้เมืองหนาวบ้านหนองบง, ภูลมโล เต็มไปด้วยนางพญาเสือโคร่งบานทั่วทั้งภูเขา, ภูป่าเปาะ มองดูภูหอพร้อมวิวพาโนรามาบนยอดภู ที่ได้ฉายาว่า ‘ฟูจิเมืองเลย’, ภูทอก ทะเลหมอกฟูๆ เหนือแม่น้ำโขง, แก่งคุดคู้ แม่น้ำโขง ทิวเขา และหินแสนสวย ร้อยรวมกันเป็นเกาะแก่ง

ส่วนสถานที่น่าเที่ยวทางวิถีวัฒนธรรม ได้แก่ พระธาตุศรีสองรัก, วัดโพนชัย และพิพิธภัณฑ์ผีตาโขน, วัดเนรมิตวิปัสสนา อลังการงานสร้างแห่งศาสนสถาน, ถนนชายโขง เชียงคาน เสน่ห์ไร้กาลเวลาของห้องแถวไม้เรียงรายริมโขง, วัดศรีคุณเมือง วัดเก่าคู่ชาวเชียงคาน, วัดศรีโพธิ์ชัยบ้านแสงภา ส่วนไฮไลต์ที่ไม่ควรพลาดชมในช่วงเดือนธันวาคมของทุกๆ ปีคือ ทุ่งต้นคริสต์มาสสีแดงสดละลานตาที่อำเภอภูเรือ เพราะที่นี่เป็นแหล่งปลูกไม้ประดับใหญ่ที่สุดของประเทศ

3. ภูดอกไม้สายหมอก จ.เพชรบูรณ์

...

คงจะดีไม่น้อยถ้าทะเลหมอกลอยมาเคาะหน้าต่างยามเช้า พร้อมตื่นมาดื่มด่ำความงดงามของดอกไม้หลากสีสันที่ยอดภูสูงเสียดฟ้า จะมีที่ได้ให้ประสบการณ์การท่องเที่ยวแบบนี้ได้อีก นอกจาก จ.เพชรบูรณ์ ที่นี่ถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมอย่างมากในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะในช่วงหน้าหนาวนักท่องเที่ยวต่างพากันหลั่งไหลไปชื่นชมความงามทางธรรมชาติมากเป็นพิเศษ

สำหรับสถานที่ที่ไม่ควรพลาด ได้แก่ ภูทับเบิก ภูเขาสูงสุดของเพชรบูรณ์ ดินแดนแห่งทุ่งกะหล่ำปลีที่ใหญ่ที่สุดของไทย, สวนดอกไม้เมืองหนาวภูทับเบิก, วัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว, เขาค้อ ชมทิวเขาน้อยใหญ่ในบรรยากาศสวิตเซอร์แลนด์แบบไทยๆ, อ่างเก็บน้ำรัตนัย พักผ่อนหย่อนใจริมทะเลสาบ, น้ำตกศรีดิษฐ์ ความสวยงามของชั้นหินและสายน้ำที่ชุ่มฉ่ำตลอดทั้งปี, ทุ่งแสลงหลวง สะวันนาเมืองไทยที่ละลายหัวใจนักท่องธรรมชาติด้วยป่าสน หมอกยามเช้า และขุนเขาตระหง่าน, ไร่ต้นยาสูบ, อนุสรณ์สถานผู้เสียสละเขาค้อ, อุทยานแห่งชาติน้ำหนาว, ไร่กำนันจุล ไร่ส้มที่โด่งดังที่สุดในเพชรบูรณ์

ส่วนของฝากชื่อดังในเพชรบูรณ์มีมากมาย เช่น มะขามหวาน ผลิตภัณฑ์ผลไม้แปรรูป สะเดาหวานจากหล่มสักที่มีรสชาติไม่เหมือนสะเดาภาคอื่นๆ ปลาส้มไร่กำนันจุล และขนมจีนเส้นสด เป็นต้น

4. เมืองไม่หมุนตามกาลเวลา จ.ลำปาง

...

มาถึงอีกหนึ่งจังหวัดที่มีความน่ารักอยู่ในตัว ว่ากันว่าที่นี่เวลาหมุนช้ากว่าที่อื่น เพราะผู้คนมีวิถีชีวิตที่เรียบง่าย ไม่เร่งรีบเหมือนเมืองใหญ่ ทุกคนสามารถมีความสุขง่ายๆ ไปกับเสน่ห์ของเมืองนี้ ถ้าไม่เชื่อต้องลองไปสัมผัสด้วยตัวเอง

สำหรับสถานที่ที่ไม่ควรพลาด ได้แก่ สถานีรถไฟนครลำปาง มีอาคารอนุรักษ์ดีเด่นที่ผสมผสานสถาปัตยกรรมไทยภาคเหนือกับสถาปัตยกรรมยุโรปได้อย่างลงตัว, หอนาฬิกาลำปาง, ถนนสายวัฒนธรรม, วัดพระธาตุลำปางหลวง วัดเก่าแก่คู่บ้านคู่เมืองลำปาง, วัดปงสนุก, วัดพระแก้วดอนเต้าสุชาดาราม วัดเก่าแก่อายุพันปี, วัดเจดีย์ซาวหลัง  ชื่นชมความงดงามเจดีย์ 20 องค์ตามแบบศิลปะล้านนาผสมศิลปะพม่า, บ้านเสานัก บ้านไม้สักโบราณศิลปะพม่าผสมล้านนา, สะพานรัษฎา, ถนนคนเดินกาดกองต้า, พิพิธภัณฑ์หอปูมละกอน, วัดศรีชุม, ศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย, วัดพระธาตุจอมปิง, วัดเฉลิมพระเกียรติพระจอมเกล้าราชานุสรณ์ ชมเจดีย์บนเขา สวรรค์สุดขอบฟ้าของลำปางที่ไม่ควรพลาด

สำหรับของขึ้นชื่อที่ไม่ควรพลาดเมื่อมาเยือนลำปาง ได้แก่ ชามตราไก่ สืบสานช่างฝีมือที่สืบทอดกันมากว่าร้อยปีสู่สัญลักษณ์ของเมืองลำปาง และไม่ควรพลาดการนั่งรถม้าชมเมือง เปิดมุมมองใหม่ๆ ของการท่องเที่ยวให้คุณประทับใจไม่รู้ลืม โดยมีหลายเส้นทางให้เลือก ทั้งเส้นทางรอบเมืองเล็ก เส้นทางรอบเมืองใหญ่ เส้นทางชมย่านตลาดเก่า หรือจะเช่าเป็นชั่วโมงก็ได้เช่นกัน

5. กระซิบรักเสมอดาว จ.น่าน

...

มาถึงจังหวัดที่มีวิถีชีวิตของผู้คนที่แสนน่ารักอีกจังหวัดหนึ่ง นั่นคือ จ.น่าน ที่นี่ขึ้นชื่อว่าเป็นตำนานแห่งขุนเขา เมืองเก่าที่มีชีวิต และวัฒนธรรมที่โดดเด่น ด้วยบรรยากาศของเมืองที่แสนโรแมนติก ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมที่นี่จึงเป็นปฐมบทของการกระซิบรักได้ละมุนละไมที่สุดของเมืองไทย

สำหรับสถานที่ที่ต้องตามไปคลิกไลค์ให้ได้ ได้แก่ วัดภูมินทร์ หนึ่งเดียวในเมืองไทยกับพระวิหาร พระอุโบสถ และเจดีย์ทรงจตุรมุขที่เทินไว้กลางลำตัวนาคคู่, วัดมงคล, วัดพระธาตุแช่แห้ง, วัดพระธาตุช้างค้ำวรวิหาร, พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติน่าน, หอศิลป์ริมน่าน, วัดหนองบัว หัวใจแห่งไทลื้อ เลื่องลือภาพจิตรกรรมฝาผนัง, ดอยเสมอดาว ขึ้นดอยสูงจนเห็นดาวใกล้แค่เอื้อม, อุทยานแห่งชาติขุนสถาน ชมสีชมพูบานสะพรั่งของดอกนางพญาเสือโคร่ง, ถนน scenic route เส้นทางที่โรแมนติกที่สุดของเมืองไทย, บ่อเกลือ สืบสานตำนานการต้มเกลือสินเธาว์บนภูเขาแบบโบราณ, อำเภอปัว เมืองน่ารัก ชุมชนน่าอยู่, อุทยานแห่งชาติดอยภูคา ชมดอกชมพูภูคาดอกไม้โบราณที่หาชมได้ยาก 

ส่วนของดีของเด่นขึ้นชื่อเห็นจะเป็น งานหัตถกรรมต่างๆ เช่น การทอผ้าลายน้ำไหล และการทำเครื่องเงินโบราณที่เป็นงานแฮนเมดทุกขั้นตอน

6. สวนสวรรค์ร้อยพันธุ์ผลไม้ จ.จันทบุรี

ใครชอบเที่ยวในบรรยากาศสวนร่มรื่น เย็นสบาย พร้อมชิมผลไม้สดๆ จากต้น ต้องไปเยือนจันทบุรี ที่นี่จะโอบล้อมคุณไปด้วยสวนแห่งความสุขหวานฉ่ำ นอกจากนี้ยังเป็นจังหวัดติดทะเล สามารถไปท่องเที่ยวไปในท้องทะเลสงบงาม และชื่นชมวิถีประมงที่อบอุ่นเป็นกันเอง

สำหรับแหล่งท่องเที่ยวที่ห้ามพลาด ได้แก่ สวนผลไม้ อิ่มอร่อยกันไม่อั้นกับบุฟเฟ่ต์ผลไม้สดๆ จากสวน, ตลาดผลไม้เนินสูง ช็อปชิมอิ่มอร่อยกับผลไม้หวานฉ่ำ, หาดคุ้งวิมาน วิวทะเลสวยของเมืองจันท์เต็มเติมฝันของคนรักทะเล, ถนนเฉลิมบูรพาชลทิศ, หาดเจ้าหลาว, จุดชมวิวเนินนางพญา, จุดชมวิวหลวงพ่อพระยืน, ศูนย์ส่งเสริมอัญมณีและเครื่องประดับ, ตลาดพลอย ตำนานแห่งย่านการค้าพลอยเจียระไนใหญ่ที่สุดของประเทศ, อาสนวิหารพระนางมารีอาปฏิสนธินิรมล อลังการโบสถ์คริสต์ในเมืองจันท์, ย่านเก่าริมน้ำจันทบูร เดินเล่นชมตึกเก่าคลาสสิก, อุทยานแห่งชาติน้ำตกพลิ้ว, ศาลสมเด็จพระเจ้าตากสิน, ตึกแดง ตึกสีแดงกับหนึ่งในหน้าประวัติศาสตร์ที่ยังคงเล่าขานไม่รู้จบ, หาดแหลมสิงห์ หมู่บ้านประมงเรียบง่าย

ส่วนสินค้าน่าช็อปเห็นจะเป็นผลไม้สดๆ นี่แหละ โดยในเดือนมิถุนายนของทุกปี จันทบุรีจะมีการจัดงานเทศกาลของดีเมืองจันท์ เช่น สละ เงาะ ทุเรียน ฯลฯ คนชอบทานผลไม้ห้ามพลาด

7. เมืองเกาะในฝัน จ.ตราด

ใครชื่นชอบการท่องทะเลไปยังเกาะแก่งน้อยใหญ่ แนะนำให้มาเยือนเมืองตราด เพราะที่นี่สามารถตอบโจทย์การท่องเที่ยวในฝันของคุณได้มากที่สุด การันตีด้วยน้ำทะเลใส หาดทรายสงบงาม รีสอร์ตสวยหรู และบริการสุดเอ็กซ์คลูซีฟ

สถานที่ที่ห้ามพลาด ได้แก่ อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะช้าง สวรรค์ของคนรักท้องทะเลอย่างแท้จริง, ชุมชนสลักคอก สัมผัสวิถีประมงอันเงียบสงบ, ชายหาดเมืองตราด, ช่องแคบเมืองตราด อันซีนแห่งใหม่ของเมืองไทย, เกาะหมาก เกาะที่เต็มไปด้วยทิวมะพร้าว ทรายขาว, เกาะกูด เกาะสุดท้ายปลายแดนไทย ที่มีความบริสุทธิ์ของวิถีชีวิตและท้องทะเล, เกาะขาม มหัศจรรย์แห่งหินภูเขาไฟสีดำและริ้วทรายแสนสวย, เกาะกระดาด เกาะที่เต็มไปด้วยฝูงกวาง, พุทธมณฑลตราด, วัดบุปผาราม อารามเก่าแก่คู่เมืองตราดมาช้านาน

ส่วนของฝากที่น่าซื้อหา ก็ต้องนี่เลย งานหัตถกรรมงอบบ้านน้ำเชี่ยว และสับปะรดตราดสีทองของขึ้นชื่อ

8. ยุทธจักรความอร่อย จ.ตรัง 

ชอบไปเที่ยวเสาะหาของกินอร่อยๆ ใช่มั้ย? ถ้าใช่ จ.ตรัง คือคำตอบสุดท้ายของคุณ เพราะที่นี่เป็นแหล่งรวบรวมอาหารพื้นถิ่นอร่อยๆ เอาไว้เพียบ และเป็นแห่งเดียวในไทยที่เขาเสิร์ฟความอร่อยกัน 24 ชั่วโมง วิถีวัฒนธรรมการกินอันเป็นเอกลักษณ์นี้อยู่คู่ตรังมายาวนาน จนได้ชื่อว่าเป็นตำนาน "เมืองแห่งคนช่างกิน"

สถานที่ที่ต้องห้ามพลาดในการเดินทางไปเที่ยวและกินในเมืองตรัง ได้แก่ ย่านการค้าเก่า ชมตึกชิโนโปรตุกีสตั้งเรียงราย และเริ่มต้นเรียนรู้วิถีคนช่างกินทุกตรอกซอกซอยกว่า 100 ร้าน กับเมนูอาหารเช้าชาวตรัง ด้วย โกปี๊ แซล้อง จาโก้ย ติ่มซำ ซาลาเปา และหมูย่างเมืองตรัง ต่อด้วยอาหารหลักมื้อกลางวันและมื้อเย็นด้วยเมนูอร่อยเหาะ กับแกงไตปลา(ปลาทู) ร้านโกยาว หมูเกาหยุกร้านสีฟ้าไลฟ์สไตล์ฟู้ด แกงคั่วพริกกระดูกอ่อน แกงส้ม ราดหน้าซุปเปอร์ ข้าวยำ ขนมจีน พร้อมจิบน้ำชายามค่ำคืนกับเมนูติ่มซำ และสารพัดโรตี 

แล้วไปเที่ยวที่ อ.ห้วยยอด ชมต้นตำรับเค้กเมืองตรัง ขนมจีบไส้สังขยา ณ บ้านลำภูรา, ถ้ำเลเขากอบ ลอดท้องมังกรเสริมสิริมงคล,นาโยง ชมผ้าทอและถ้ำเขาช้างหาย, อ.ย่านตาขาว ชิมบะหมี่เกี๊ยวหมูแดงร้านดั้งเดิม 4 รุ่น ร้านเย็นฤดี, สวนพฤกษศาสตร์สากลภาคใต้ สัมผัสป่าใหญ่ใกล้เมือง, Plan Toy พิพิธภัณฑ์ของเล่นเด็กจากผลิตภัณฑ์ไม้ยางพารา, เมืองเก่ากันตัง สุดทางรถไฟฝั่งอันดามัน ลิ้มลองราดหน้าต้นตำรับร้านโกเกี๊ย, ชายหาดปากเมง ลิ้มลองอาหารทะเลสดๆ ที่ร้านอาหารเลตรัง ร้านอาหารครูคิด ร้านอาหารยกยอ ร้านเกาะปูเกาะปลา 

ส่วนของฝากน่าซื้อก็ต้องนี่เลย เค้กเมืองตรัง ของแท้ต้องมีรู มีประวัติความเป็นมาและสูตรการผลิตที่ตกทอดมากว่า 100 ปี นอกจากนี้ยังมีขนมเปี๊ยะและขนมจีบสังขยา ที่น่าขนไปฝากให้คนที่บ้านช่วยชิม

9. นครสองธรรม จ.นครศรีธรรมราช

มาถึงอีกหนึ่งจังหวัดที่มีความโดดเด่นเรื่องแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ และวิถีชีวิตของผู้คนที่เคลือบแฝงไปด้วยหลักแก่นของธรรมะอย่างเหนียวแน่น จนได้ชื่อว่าเป็นเมืองสองธรรมนั่นเอง

สำหรับสถานที่ท่องเที่ยวที่ไม่ควรพลาด ได้แก่ วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร พระบรมธาตุยอดทองคำ, วัดธาตุน้อย, บ้านหนังตะลุง, พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ  นครศรีธรรมราช, น้ำตกกรุงชิง, โลมาหาดขนอม, น้ำตกกะโรม, หาดหินงาม, หาดทรายแก้ว ต้นมะพร้าว หาดทรายขาว และบรรยากาศสดชื่น, หาดในเพลา หาดทรายที่ความวุ่นวายเข้าไปไม่ถึง, หาดสิชล, แหลมตะลุมพุก, หมู่บ้านคีรีวง หัวใจแห่งการอนุรักษ์ที่น่ายกย่อง, เขาหลวง ภูสูงเทียมฟ้า วิวพาโนรามาแห่งนครศรีธรรมราช

ส่วนของฝากขึ้นชื่อที่ล้ำเลอค่ามากๆ ก็คือ เครื่องถม เป็นงานหัตถกรรมโบราณของช่างศิลป์ไทย ที่ปัจจุบันหาช่างฝีมือดีได้ยากยิ่ง ที่สำคัญคือเป็นงานแฮนด์เมดที่ฝีมือประณีตงดงามมากๆ ใครชอบสะสมข้างของเครื่องใช้ประเภทเครื่องถม อย่าพลาดไปเลือกชมเลือกซื้อกัน

10. หาดทรายสวยสี่ร้อยลี้ จ.ชุมพร

เสน่ห์ที่โดดเด่นที่สุดของการไปเที่ยวทะเลก็คือ หาดทรายขาวสะอาด ละเอียด และเนียนนุ่ม หากคุณกำลังตามหาแหล่งท่องเที่ยวทางทะเลที่มีชายหาดสวยดั่งฝัน ห้ามพลาด จ.ชุมพร ด้วยประการทั้งปวง เพราะที่นี่มีผืนทรายยาวไกลสุดสายตา พร้อมด้วยความละเอียดและเนียนนุ่มของเม็ดทรายที่ไม่มีใครเหมือน

สำหรับสถานที่ที่ห้ามพลาด ได้แก่ หาดถ้ำธง-บางเบิด, ศูนย์ศึกษาธรรมชาติเขาดินสอ ชมสายธารเหยี่ยวอพยพกว่า 2 แสนตัว, จุดชมวิวเขาดินสอ มองเห็นทิวทัศน์ท้องทะเลที่งดงาม, หาดทุ่งวัวแล่น ชายหาดที่มีความโค้งเว้าเป็นรูปพระจันทร์ครึ่งเสี้ยว, จุดชมวิวเขามัทรี แลนมาร์คแห่งใหม่ที่น่าชม, ศาลกรมหลวงชุมพร, หาดทรายรี, หาดทรายรีสวี  ชายหาดที่สวยที่สุดในอำเภอสวี บรรยากาศเงียบสงบ, จุดชมวิวเขาหัวถ่าน, หาดอรุโณทัย  เป็นจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นริมทะเลที่สวยงาม, เกาะพิทักษ์, สวนกาแฟโรบัสต้า หอมกรุ่นกลิ่นดอกโรบัสต้าแท้กาแฟชุมพร  

ของฝากขึ้นชื่อของที่นี่ ห้ามพลาดช็อปปิ้งผลิตภัณฑ์กาแฟโรบัสต้าหอมๆ มีทั้งแบบทรีอินวันพร้อมชงและแบบกาแฟคั่วบด ทั้งยังมีขนมพื้นบ้าน รวมถึงน้ำพริกสูตรเก่าแก่ดั้งเดิมหลากหลายรสชาติอีกด้วย

11. เมืองสายน้ําสามเวลา จ.สุมทรสงคราม

เอาใจคนชอบเที่ยวชมชุมชนริมน้ำ แนะนำให้มาเยือนที่ จ.สุมทรสงคราม แล้วคุณจะไม่ผิดหวัง เพราะที่นี่จะเติมเต็มให้ทริปท่องเที่ยวให้ยิ่งมีความหมายด้วยการชมวิถีชีวิตของชาวบ้านที่สอดประสานกับสายน้ำอย่างแนบแน่น จนได้ชื่อว่าเป็นเมืองสายน้ำสามเวลา

สำหรับสถานที่ท่องเที่ยวทางสายน้ำที่น่าสนใจ ได้แก่ การตักบาตรริมคลอง อรุณสวัสดิ์ในแบบฉบับวิถีริมคลอง, ตลาดน้ําบางน้อย ตลาดน้ํายามเช้าเล็กๆ แต่น่ารัก, ตลาดน้ําท่าคา ความรื่นรมย์ริมฝั่งน้ําที่มีทุกเช้าวันเสาร์ อาทิตย์, ตลาดน้ําอัมพวา ช็อปปิ้งสารพัดของฝาก, โครงการอัมพวาชัยพัฒนานุรักษ์, หัตถาธารา ล่องเรือพร้อมนวดเท้าแสนสบาย, ชุมชนบ้านบางพลับ เรียนรู้วิถีชีวิตชาวสวนพร้อมปั่นจักรยานเที่ยวในสวนร่มรื่น, วัดบางกะพ้อม ชมจิตรกรรมฝาผนังนูนต่ำ, อาสนวิหารแม่พระบังเกิด, ตลาดเก่าบางนกแขวก, วัดบางกุ้ง ตํานานแห่งโบสถ์ปรกโพธิ์, อุทยาน ร.2 งดงามด้วยหมู่เรือนไทยหัวใจแห่งอัมพวา, ดอนหอยหลอด และตลาดร่มหุบ ย่านค้าขายที่น่าหวาดเสียวที่สุดในเมืองไทย

สำหรับของฝากที่น่าสนใจ ได้แก่ ขนมและของกินมากมายในตลาดน้ำอัมพวา เช่น หมี่กรอบ เค้กใบเตย วุ้นเป็ด (วุ้นกะทิรูปเป็ด) เบอร์เกอร์ปลาทู รวมถึงของที่ระลึกต่างๆ เช่น พวงกุญแจรูปเข่งปลาทู โปสการ์ดสวยๆ โมเดลตุ๊กตา รถตุ๊กตุ๊ก และไปรษณีย์จิ๋วสีแดงสด เสื้อยืด กระเป๋าผ้า เป็นต้น

12. ชุมชนคนอาร์ต จ.ราชบุรี

ใครว่าการเดินทางท่องเที่ยวต้องไปเที่ยวธรรมชาติและชมวิถีชุมชนเท่านั้น แต่การท่องเที่ยวภายใต้ธีมวิถีไทยยังรวมเอาการเที่ยวชมแหล่งศิลปะเข้าไว้ด้วย ที่โดดเด่นที่สุดในเมืองไทยต้องไปที่ จ.ราชบุรี เพราะเป็นเมืองที่มีศิลปะให้เห็นทุกตารางนิ้ว ไม่ว่าจะเป็นศิลปะจากอุโบสถ ศิลปะจากหนังใหญ่ ศิลปะร่วมสมัย ศิลปะเพื่อหัวใจเด็ก จนได้ชื่อว่าเป็นจุดนัดพบคนรักศิลปะไปโดยปริยาย

สำหรับสถานที่ที่ห้ามพลาดชม ได้แก่ หอศิลป์ดีคุ้น หอศิลป์ร่วมสมัยแห่งแรกของจังหวัดราชบุรี, บ้านเซรามิกเถ้าฮงไถ่, พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติราชบุรี, หนังใหญ่ วัดขนอน ตัวหนังอันวิจิตรสะท้อนถึงศิลปะที่ยิ่งใหญ่, สุนทรีแลนด์ แดนตุ๊กตา, จิตรกรรมฝาผนัง วัดคงคาราม ภาพเขียนบนผืนผนัง อลังการจิตรกรรมแห่งยุคสมัย, อุทยานหุ่นขี้ผึ้งสยาม, จิปาถะภัณฑ์สถานบ้านคูบัว ชมตีนจกคูบัวอันเลื่องลือ, The Bloom Orchid Park เบิกบานกลางสีสันของดอกกล้วยไม้, อําเภอสวนผึ้ง ดินแดนกลางขุนเขาสวยงามน่าชม, ตลาดน้ําเวเนโต้ ช็อปปิ้งกลางบรรยากาศเวนิสจําลอง

ส่วนของฝากขึ้นชื่อ ได้แก่ เครื่องปั้นดินเผาและงานเซรามิกสวยๆ โดยเฉพาะโอ่งมังกรราชบุรียังคงได้รับการยอมรับตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน โดยรูปแบบของการทำโอ่งในปัจจุบันเน้นทำเป็นของที่ระลึกและพัฒนาให้มีสีสันสดใสมากขึ้น ที่สำคัญเป็นงานแฮนด์เมดฝีมือดี แต่ราคาย่อมเยา อย่าลืมไปแวะซื้ออุดหนุนฝีมือคนไทยด้วยนะ

เห็นครบทั้ง 12 เมืองน่าเที่ยวแบบนี้ อดใจไม่ไหวแล้วล่ะสิ! ถ้าอยากท่องเที่ยวเก็บให้ครบทุกเส้นทางกับ 12 เมืองต้องห้ามพลาด สามารถสอบถามการเดินทางหรือรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ 1672 เบอร์เดียวเที่ยวทั่วไทย

ขอบคุณข้อมูลและภาพจาก การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ส่วนกลาง