ทุ่มเทปลุกปั้นศูนย์การค้าสยามพารากอน จนเป็นเพชรน้ำหนึ่งของเมืองไทยมาแล้ว ก้าวต่อไปของแม่ทัพหญิงเดอะมอลล์ กรุ๊ป “แอ๊ว-ศุภลักษณ์ อัมพุช” จึงไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน!! เพราะถือคติทำอะไรต้องยิ่งใหญ่เป็นหนึ่งในสังเวียนเท่านั้น ถ้าเป็นสองรองใครไม่เสียเวลาทำ!! โครงการล่าสุดของซีอีโอหญิงเหล็กจึงผุดขึ้นทีเดียว 6 เมกะโปรเจกต์ ด้วยงบลงทุนกว่า 50,000 ล้านบาท นับเป็นการเปิดศักราชใหม่ของวงการค้าปลีกเมืองไทยที่ต้องจับตามอง!!

ตัวเล็กแค่นี้ เอาพลังเหลือเฟือมาจากไหนคะ

(หัวเราะ) ตอนทำสยามพารากอนก็เป็นอะไรที่สุดๆแล้ว เพราะตั้งใจจะสร้างให้เป็นปรากฏการณ์ยิ่งใหญ่ระดับโลก ก่อนหน้านั้นก็สร้างเอ็มโพเรียมให้เป็นศูนย์ลักซ์ชัวรี่แรกที่เกิดขึ้นในเมืองไทย ไม่มีใครเชื่อว่าจะทำได้สำเร็จเพราะปีนั้นเกิดวิกฤติต้มยำกุ้ง แต่เราก็พิสูจน์ให้เห็นว่าทำได้จริง เราเป็นเจ้าแรกที่นำแบรนด์เนมโลกใหม่ๆเข้ามาเมืองไทย ไม่ว่าจะเป็น ชาแนล, แอร์เมส หรือคาร์เทียร์ ผลจากค่าเงินบาทตกรุนแรงทำให้มีนักท่องเที่ยวหลั่งไหลเข้ามาเที่ยวเมืองไทยมากขึ้น เลยทำให้เอ็มโพเรียมขายดีมาก ไฮโซเมืองไทยก็เดินขวักไขว่ที่เอ็มโพเรียม ความสำเร็จของเอ็มโพเรียมทำให้รู้เลยว่า ตัวเลขจากนักท่องเที่ยวเป็นอะไรที่สำคัญ กลุ่มนี้มีกำลังซื้อสูงมาก และหมุนเวียนกันเข้ามาไม่ซ้ำเลย จุดนี้เองทำให้เราคิดว่าควรจะสร้างศูนย์การค้าที่เป็นแลนด์มาร์ค ใหญ่ของประเทศไทย ที่นักท่องเที่ยวทุกคนจะต้องมาเยือน ก็เลยกลายเป็นที่มาของการสร้างสยามพารากอนบนทำเลดีที่สุดและมีค่าที่สุด เพื่อให้เป็นเพชรน้ำหนึ่งของประเทศไทย “แอ๊ว” ทุ่มเททำสยามพารากอนอย่างเดียว 5-6 ปี ตั้งใจว่าจะสร้างสยามพารากอนเพื่อคุณพ่อ อยากให้คุณพ่อได้เห็นความสำเร็จ เพราะมีคนสบประมาท ไว้เยอะว่า เดอะมอลล์ กรุ๊ปทำเป็นแต่ศูนย์การค้าชั้นสอง

...

คุณพ่อคงภูมิใจในตัวลูกสาวคนนี้มาก?!

“แอ๊ว” ทำทุกอย่างเพื่อคุณพ่อ ใครจะพูดอย่างไรไม่รู้ แต่คุณพ่อคือแพสชั่นให้ลุกขึ้นมาทำทุกอย่างในชีวิต ตั้งแต่วันแรกที่คุณพ่อเรียกตัวให้มาทำศูนย์การค้าแห่งแรกที่ราชดำริ กระทั่งไปบุกเบิกเปิดศูนย์การค้าตามชานเมือง และมาสร้างเอ็มโพเรียม สิ่งที่รู้สึกเสียใจอย่างเดียวคือคุณพ่อเสียชีวิตก่อนจะได้เห็นสยามพารากอน เราทำพิธีเปิดวันที่ 9 ธ.ค.2548 แต่คุณพ่อเสียวันที่ 2 ต.ค.2548 ตอนนั้นรู้สึกช็อกไปเลย เพราะเราทำทุกอย่างเพื่อพ่อ แต่พ่อกลับไม่ได้เห็น ถือเป็นวิกฤติของชีวิตเลย เพราะเราทำทุกอย่างด้วยแพสชั่น ซึ่งแพสชั่นของเราก็คือคุณพ่อ ไม่ใช่เงินทองความร่ำรวย รู้สึกว่าโลกโหดร้ายเหลือเกินที่คุณพ่อไม่ได้อยู่ดูความสำเร็จของเรา ก็เลยเบรกตัวเองไปหนึ่งปี ไม่ทำอะไรเลย ปีที่สองก็ยังนิ่งๆอยู่ไม่มีแพสชั่นอยากทำอะไร เหมือนคนอกหักไม่มีกระจิตกระใจทำอะไรเลย กระทั่งปีที่สามถึงตั้งหลักได้ และบอกตัวเองว่าต้องลุกขึ้นมาทำอะไรได้แล้ว หมดเวลาเศร้าโศกเสียใจแล้ว

ผลพวงจากการตั้งหลักได้ ทำให้โปรเจกต์ ใหม่ๆผุดขึ้นมากมายขนาดไหน

เราทำสยามพารากอน ซึ่งเป็นเพชรน้ำหนึ่งของเมืองไทยมาแล้ว จะให้มาทำอะไรที่เป็นพลอยคงไม่ได้ ต้องทำอะไรที่ยิ่งใหญ่ไม่แพ้พารากอน เมื่อตั้งหลักได้อีกครั้ง จึงมองหาที่ดินสำหรับทำโปรเจกต์ใหม่ๆ โดยจะต้องเป็นที่ดินแปลงที่สวยที่สุดบนทำเลดีที่สุดเท่านั้น ถ้าไม่ได้ก็ไม่ไป แต่ละโปรเจกต์ที่ไปทำ เรามองหาแต่เพชรไม่ใช่พลอย ถ้าทำแล้วไม่ยิ่งใหญ่ไม่เป็นที่หนึ่ง ก็จะไม่ไป กำลังคนของเราและกำลังครอบครัวของเราก็มีเท่านี้ ทำงานทั้งทีก็ต้องให้เป็นทอล์คออฟเดอะทาวน์ ไม่เสียเวลามาทำอะไรเล็กๆ ถ้าเปรียบกับนักชกบนสังเวียน เราก็จะชกบนสังเวียนใหญ่เฮฟวี่เวทเท่านั้น สนามเล็กๆไม่ชกมันไม่คุ้ม ไม่ชนะก็เสมอ ถ้าแพ้อย่าเล่นดีกว่า!!

เศรษฐกิจซบเซาแบบนี้ ทำไมกล้าทุ่มทุนกว่า 5 หมื่นล้านบาท เปิดโครงการใหม่ทีเดียว 6 เมกะโปรเจกต์

เราเริ่มสะสมที่ดินและมองหาที่ดินที่ดีที่สุดในแต่ละทำเลทองมา 5-6 ปีแล้ว ก็ค่อยๆเก็บที่ดินเรื่อยๆ ถ้าไม่ดีจริงก็ไม่ทำ ตอนนี้เศรษฐกิจซบเซายิ่งเป็นโอกาสดีสำหรับการก่อสร้าง กว่าจะสร้างเสร็จสถานการณ์ก็เปลี่ยนไปหมดแล้ว เศรษฐกิจก็กลับมาดีขึ้นแล้ว

โครงการไหนถือเป็นเพชรยอดมงกุฎที่จะเปิดศักราชใหม่ให้เดอะมอลล์ กรุ๊ป

“The District Em” เกิดจากวิชั่นที่อยากสร้างย่านธุรกิจและย่านการค้าใหม่ใจกลางสุขุมวิท เพื่อให้เป็นศูนย์รวมของทุกอย่าง มีครบหมดทั้งแฟชั่น, ลักซ์ชัวรี่แบรนด์เนม, เทคโนโลยี, ไลฟ์สไตล์, ลิฟวิ่ง, ร้านอาหาร และเอนเตอร์เทนเมนต์ เพื่อจะดึงดูดคนจากทุกทิศทุกทางให้เข้ามาย่านนี้ ไม่เฉพาะแต่คนที่อาศัยอยู่ในย่านสุขุมวิท แต่ยังรวมถึงนักท่องเที่ยวต่างชาติด้วย ไอเดียนี้เริ่มมาจากความคิดที่ต้องการขยายเอ็มโพเรียม ซึ่งมีขนาดเล็กไปแล้ว โจทย์ของเราคือทำยังไงให้เอ็มโพเรียม กลับมาใหญ่ ถ้าเราสร้างแค่ศูนย์การค้าใหม่ก็คงไม่ใช่ ถ้าจะให้ยิ่งใหญ่จริงต้องสร้างย่านการค้าขึ้นใหม่เลย โปร-เจกต์นี้เกิดขึ้นมาหลายปีแล้ว แต่ต้องใช้เวลาในการรวบรวมที่ดินผืนใหญ่ เราใช้เวลาติดต่อเกือบ 5 ปี กว่าจะได้ ที่ดินตรงข้ามเอ็มโพเรียม และใช้เวลาติดต่ออยู่ 3 ปี จึงได้ที่ดินข้างสวนเบญจสิริ เพื่อผนึกรวม 3 โครงการให้เป็นอาณาจักรใหม่ The District Em ประกอบด้วยโครงการดิ เอ็มโพเรียม, ดิ เอ็มควอเทียร์ และดิ เอ็มสเฟียร์ มีเนื้อที่รวมกันมากกว่า 50 ไร่ โอบล้อมสวนเบญจสิริ ครอบคลุมพื้นที่ทั้งหมด 650,000 ตารางเมตร

“The District Em” จะสร้างปรากฏการณ์ใหม่ให้ย่านสุขุมวิทอย่างไร

...

เฉพาะโปรเจกต์ก้อนนี้ใช้งบลงทุนในการสร้างมากกว่า 20,000 ล้านบาท นอกจากจะสร้างให้เป็นย่านการค้าสำคัญแห่งใหม่ ยังเป็นการสร้างย่านที่พักอาศัย, โรงแรม, ออฟฟิศหรู และศูนย์รวมความบันเทิงทันสมัยแปลกใหม่ที่สุดของเมืองไทย รูปแบบการดีไซน์ของเราก็โดดเด่นไม่เหมือนใครในโลก ใช้สถาปัตยกรรมในลักษณะออร์แกนิค เน้นดึงธรรมชาติกลับมาให้คนย่านสุขุมวิท เราไม่ได้สร้างแค่ศูนย์การค้า แต่ต้องการสร้างความสุขให้ทุกคน คีย์หลักคือการสร้างอะไรที่ Extraordinary ใครเห็นต้องร้องว้าว!! คนย่านนี้อาศัยอยู่ในคอนโดมิเนียมจึงโหยหาธรรมชาติ เราตั้งใจใส่พื้นที่สีเขียวเข้าไปถึง 30% ขณะเดียวกันก็แยกอาคารออกเป็นหลายอาคารเพื่อสร้างประสบการณ์ที่แตกต่าง ไม่ทำเป็นศูนย์การค้าใหญ่กล่องเดียว ในขณะที่ “ดิ เอ็มสเฟียร์” จะเป็นความเร้าใจใหม่ของกรุงเทพมหานคร สร้างขึ้นสำหรับคนชอบอะไรที่ไม่ธรรมดา โครงการ “ดิ เอ็มควอเทียร์” เป็นศูนย์รวมของรูปแบบการใช้ชีวิตที่เหนือชั้น มีครบหมดทั้งศูนย์การค้า, ออฟฟิศหรู และสวนขนาดใหญ่แนวใหม่ รวมถึงฟิตเนสหรูระดับโลก “เวอร์จิ้น แอคทีฟ” ก็จะมาเปิดใหญ่ที่สุด 4,000 ตารางเมตร

...

แล้วอีก 3 เมกะโปรเจกต์ที่เหลือจะยิ่งใหญ่อลังการขนาดไหน

เพื่อรองรับการขยายตัวด้านธุรกิจการค้าและการท่องเที่ยวหลังการเปิดเสรีประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในปี 2558 เดอะมอลล์ กรุ๊ป จึงบุกไปสร้างศูนย์การค้าใน 2 แหล่งท่องเที่ยวที่มีศักยภาพสูงคือ หัวหิน และภูเก็ต โดยที่หัวหินจับมือกับกลุ่มพราว เรียลเอสเตส สร้างศูนย์การค้ารูปแบบใหม่ “บลูพอร์ต หัวหิน รีสอร์ต มอลล์” บนเนื้อที่ 25 ไร่ ด้วยเงินลงทุนกว่า 5,000 ล้านบาท ส่วนที่ภูเก็ตสร้างอาณาจักรช็อปปิ้งใหม่บนทำเลดีที่สุดใจกลางเมืองภูเก็ต ภายใต้โครงการ “บลูเพิร์ล” เพื่อให้เป็นไข่มุกเลอค่าสุดของเอเชีย ตั้งอยู่บนพื้นที่กว่า 150 ไร่ จะมีครบหมดทั้งแฟชั่น, ลักซ์ชัวรี่แบรนด์เนม, เทคโนโลยี, ไลฟ์สไตล์, ร้านอาหาร, ศูนย์รวมความบันเทิงต่างๆ รวมถึงสวนสนุกธีมพาร์คยิ่งใหญ่ระดับโลก ส่วนอีกหนึ่งโครงการคือ Bangkok Mall ตั้งอยู่ตรงข้ามศูนย์ฯไบเทค บางนา บนจุดตัดถนนบางนา-ตราด กับสุขุมวิท ครอบคลุมพื้นที่ 100 ไร่ เชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าบีทีเอส สถานีอุดมสุขและบางนา อยากให้กรุงเทพฯมีแลนด์มาร์คใหญ่เหมือนดูไบมี “ดูไบ มอลล์” จึงตั้งใจสร้าง “แบงค็อก มอลล์” ให้เป็นอาณาจักรศูนย์การค้า, ที่อยู่อาศัย และออฟฟิศทันสมัยครบวงจรในรูปแบบอัลตร้าโมเดิร์น โครงการนี้จะเป็นอีกหนึ่งความภาคภูมิใจของคนไทยแน่นอน

อะไรทำให้แม่ทัพหญิงของเดอะมอลล์ กรุ๊ป มั่น ใจว่าจะเป็นหนึ่งเหนือคู่แข่ง

พื้นฐานความเป็นเภสัชกรทำ ให้ชอบคิดสูตรยาใหม่ๆ และต้องเป็นยาสูตรพิเศษที่ทุกคนติดใจ อันนี้ ก็คงเหมือนการสร้างศูนย์ การค้า ที่จะต้องคิดฟอร์มูล่าเจ๋งที่สุด เพื่อให้คนมาแล้วติดใจอยากกลับมาอีก เป้าหมายของคนเดอะมอลล์ คือ ทุกที่ที่ไปเปิดธุรกิจจะต้องประสบความสำเร็จ, ยิ่งใหญ่ และแข็งแกร่ง กลยุทธ์นี้จะทำให้เราเติบโตแบบยั่งยืน และมีความได้เปรียบในการแข่งขันเหนือคู่แข่ง เราไม่ใช่บริษัทมหาชน ฉะนั้น เป้าหมายไม่ได้อยู่ที่กำไรสูงสุด แต่คนเดอะมอลล์ต้องทำอะไรที่รู้สึกภาคภูมิใจและท้าทาย ไม่ว่าจะไปทำที่ไหนต้องยิ่งใหญ่ที่สุด ไม่งั้นไม่ไป!! ต้องเป็นโปรเจกต์ที่ทำแล้วรู้สึกว่า Oh My God!! มีคุณค่า และเป็นผู้นำด้านอินโนเวชั่นใหม่ๆ ทุกวันนี้ต่อสู้กันด้วยไอเดียที่แตกต่าง ใครๆก็ทำศูนย์การค้าได้ แต่ใครล่ะจะสามารถทำศูนย์การค้าที่แปลกใหม่ไม่เหมือนคนอื่น

...

ทุ่มเทสุดพลังขนาดนี้ เวลาเจออุปสรรคได้กำลัง ใจจากไหนไม่ให้ท้อถอย

ตั้งแต่คุณพ่อเสีย ทุกเช้าก่อนไปทำงานจะต้องไหว้โกศบรรจุอัฐิของพ่อเพื่อขอกำลังใจ เวลาเจออุปสรรค หรือต้องทำอะไรสำคัญๆ ก็จะจุดธูปอธิษฐานกับคุณพ่อขอให้ท่านช่วยเปิดทางให้ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี และช่วยมอบความเข้มแข็งให้ลูก สิ่งที่ทำทุกอย่างในชีวิตล้วนแต่ทำเพื่อคุณพ่อ เวลาทำอะไรสำเร็จก็จะไปบอกคุณพ่อเป็นคนแรก สิ่งที่จำขึ้นใจเลยคือ คุณพ่อจะสอนตลอดว่าคนเราทำการค้าต้องซื่อสัตย์ เงินทองหาเมื่อไหร่ก็ได้ แต่ชื่อเสียงและเครดิตของเรา ถ้าเสียไปแล้วกู้กลับคืนมายาก คุณพ่อเป็นเด็กเกเร พื้นเพเป็นคนนครสวรรค์ ถึงจะเรียนไม่สูง แต่คุณพ่อเป็นคนหัวดีมาก มีวิชั่นและตาคมเหมือนเหยี่ยว คุณพ่อกล้าได้กล้าเสีย แต่ก็เป็นคนคิดรอบคอบ 3-4 ชั้น ท่านสร้างตัวมาจากการทำโรงหนัง และกิจการบันเทิงกลางคืนบนถนนเพชรบุรี แต่ตอนหลังเห็นว่ามีลูกสาวเยอะ ไม่อยากทำธุรกิจแนวนี้ จึงผันตัวมาทำศูนย์การค้าเล็กๆ สาขาแรกคือ เดอะมอลล์ ราชดำริ ตอนนั้นเราเป็นมือใหม่มาก คุณพ่อเรียกตัวมาช่วยทำศูนย์การค้าแห่งแรกก็เจ๊งเลย ถือเป็นบทเรียนสำคัญที่ทำให้เรียนรู้ว่าถ้าอยากประสบความสำเร็จต้องทำอะไรที่เหนือกว่าและแตกต่าง เดอะมอลล์จึงหันไปบุกเบิกชานเมือง โดยเลือกเปิดที่รามคำแหงก่อน ซึ่งไม่มีคู่แข่ง ทำให้เราสร้างชื่อเสียงขึ้นมาได้ และได้ชื่อว่าทำการค้าเป็นธรรม ไม่เคยเอาเปรียบใครมาจนถึงวันนี้

อยากเป็นหนึ่งในตองอู ต้องมีครบทั้งโชค วาสนา และการทุ่มเทเกินร้อย!!

ทีมข่าวหน้าสตรี