10 เครื่องเล่นแผ่นเสียง ยี่ห้อไหนดี 2024 เสียงชัด เพลงเพราะ เชื่อมต่อผ่านบลูทูธได้

ถึงแม้ปัจจุบันเทรนด์การฟังเพลงผ่านสตรีมมิงแพลตฟอร์มต่างๆ จะได้รับความนิยมเพิ่มสูงขึ้น แต่เครื่องเล่นแผ่นเสียงที่ให้โทนเสียงอันเป็นเอกลักษณ์ และมีเสน่ห์เฉพาะตัวก็ยังคงได้รับความนิยมไม่แพ้กัน บทความนี้ไทยรัฐช็อปปิ้งขอเอาใจคนรักเสียงเพลงกับ 10 เครื่องเล่นแผ่นเสียง ยี่ห้อไหนดี เล่นเพลงได้เพราะ เสียงชัด เชื่อมต่อผ่านบลูทูธได้ มีให้เลือกทั้งรุ่นที่ใช้งานง่ายและรุ่นที่ออกแบบมาสำหรับมือโปร

10 เครื่องเล่นแผ่นเสียง ยี่ห้อไหนดี 2024 เสียงคมชัด รวมแบรนด์ยอดนิยม

1. เครื่องเล่นแผ่นเสียง Audio Technica AT-LP60XBT Wireless Belt-Drive Turntable

Audio Technica AT-LP60XBT Wireless Belt-Drive Turntable เครื่องเล่นแผ่นเสียงที่สามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ต่างๆ แบบไร้สายผ่านระบบบลูทูธได้ จานหมุนทำงานด้วยสายพาน มีความเงียบ และช่วยให้เสียงที่เล่นออกมามีความคมชัดมากขึ้น เข็มเล่นเพลงสามารถทำงานได้ทั้งแบบอัตโนมัติเพียงกดปุ่มเล่นเพลงหรือปุ่มยก/วางเข็ม และควบคุมด้วยมือ มีปุ่มปรับขนาดแผ่นเสียงได้ 2 ไซส์ คือ 7 และ 12 นิ้ว ปรับความเร็วในการเล่นได้ 2 ระดับคือ 33 และ 45 รอบต่อนาที

สี : Black / White

2. เครื่องเล่นแผ่นเสียง Gadhouse DEAN Turntable Stereo System

เครื่องเล่นแผ่นเสียงรุ่นนี้จาก Gadhouse มาในดีไซน์สุดคลาสสิกแต่ยังคงความทันสมัย มาพร้อมกับฟังก์ชันการทำงานที่ตอบโจทย์กับคนรุ่นใหม่ ไม่ว่าจะเป็นการเชื่อมต่อผ่านบลูทูธ เชื่อมต่อได้ทั้งลำโพง แอมป์ หูฟังบลูทูธ และสมาร์ทโฟน สามารถปรับความเร็วในการเล่นได้ 3 ระดับ คือ 33, 45 และ 78 รอบต่อนาที มีฟังก์ชันการหยุดเล่นอัตโนมัติ เมื่อเล่นครบเพลงในแผ่นเสียง และยังสามารถปรับเสียงเบส-เสียงแหลมได้อย่างอิสระอีกด้วย มีลำโพงคู่มาให้ในเซต 

สี  : Haze Grey / Soft Sand

3. เครื่องเล่นแผ่นเสียง Gadhouse x Honne Brad Retro Record Player Limited Edition

เครื่องเล่นแผ่นเสียง Gadhouse x Honne Brad Retro Record Player Limited Edition เป็นเครื่องรุ่นลิมิเต็ดอิดิชัน ที่ออกแบบร่วมกับศิลปินระดับโลกอย่าง Honne มาในดีไซน์ที่สดใส น่าใช้งาน เป็นได้ทั้งเครื่องเล่นแผ่นเสียง เล่นเพลงบลูทูธ และต่อผ่านสาย AUX ได้ มีลำโพงในตัว ปรับเพิ่มและลดเสียงได้ง่าย และยังปรับความทุ้ม-แหลมของเพลงได้อีกด้วย เล่นความเร็วได้ 3 ระดับ คือ 33, 45 และ 78 รอบต่อนาที

4. เครื่องเล่นแผ่นเสียง Gadhouse Mathis Turntable Black 

Mathis Turntable Black เครื่องเล่นแผ่นเสียงอีกหนึ่งรุ่น จาก Gadhouse มาพร้อมกับฟังก์ชันการทำงานที่ทันสมัย เช่น โฟโนปรีแอมป์ในตัว เครื่องส่งสัญญาณบลูทูธ และ USB มีการออกแบบตัวขับสายพานที่มีเสียงรบกวนต่ำ ช่วยเพิ่มอรรถรสในการฟังเพลงได้ดียิ่งขึ้น มีตุ้มถ่วงน้ำหนักท้ายโทนอาร์ม ช่วยให้วางเข็มลงบนแผ่นเสียงง่ายและราบรื่นขึ้น มีเฮดเชลล์ที่สามารถปรับระดับได้ เพื่อให้ได้โทนเสียงที่ดีที่สุด ปรับความเร็วการเล่นได้ 2 ระดับ คือ 33 และ 45 รอบต่อนาที เล่นได้ทั้งแผ่นไวนิลขนาด 7 และ 12 นิ้ว 

5. เครื่องเล่นแผ่นเสียง Audio Technica AT-LPW50BT Turntable Wireless & Analog

Audio Technica รุ่น AT-LPW50BT Turntable Wireless & Analog เครื่องเล่นแผ่นเสียงดีไซน์สุดคลาสสิก ฐานเครื่องเป็นลายไม้ มีโฟโนแอมพลิไฟล์เยอร์แบบ Built-in ที่สามารถเลือกสลับการใช้งานแบบโฟโนหรือไลน์เลเวลได้ มอเตอร์มีเซนเซอร์ตรวจจับความเร็ว ช่วยให้แผ่นเสียงเล่นได้สม่ำเสมอและแม่นยำ ปรับความเร็วในการเล่นได้ 2 ระดับคือ 33 และ 45 รอบต่อนาที ด้านบนมีฝาครอบใส ช่วยป้องกันฝุ่นตกลงบนแผ่นเสียงขณะใช้งาน

6. เครื่องเล่นแผ่นเสียง Victrola The Re-Spin

เครื่องเล่นแผ่นเสียงอีกหนึ่งยี่ห้ออย่าง Victrola รุ่น The Re-Spin เครื่องเล่นแผ่นเสียงแบบพกพา ดีไซน์มาในรูปแบบกล่องที่พร้อมพกพาไปสร้างเสียงเพลงนอกบ้านได้สะดวก ฟังก์ชันการทำงานครบในเครื่องเดียว น้ำหนักเบา แต่มาพร้อมพลังเสียงทุ้มของเบสมากถึง 3 เท่า ทำงานด้วยเทคโนโลยี Victrola 3-way ที่สามารถสตรีมเพลงผ่านบลูทูธและลำโพงตัวอื่นที่รองรับ Vinyl Stream ได้ เล่นได้ 3 ความเร็วคือ 33, 45 และ 78 รอบต่อนาที

สี  : Graphite Grey / Poinsettia Red / Basil Green / Light Blue

7. เครื่องเล่นแผ่นเสียง JBL Spinner BT Bluetooth Turntable

เครื่องเล่นแผ่นเสียงจากแบรนด์เครื่องเสียงยอดนิยม รุ่น Spinner BT Bluetooth Turntable เชื่อมต่อได้สะดวกด้วย Bluetooth with AptX-HD™ ช่วยจับคู่กับลำโพงหรือหูฟังได้รวดเร็ว เพิ่มอรรถรสผ่านเสียงเพลงได้เป็นอย่างดี ขับเคลื่อนมอเตอร์จานหมุนด้วยระบบสายพานที่มีความเงียบ ไม่มีเสียงรบกวนขณะเปิดเพลง มาพร้อมกับเซนเซอร์ออปติคอลที่ช่วยให้การเล่นเพลงมีความแม่นยำ และสม่ำเสมอ เล่นได้ทั้งความเร็วระดับ 33 และ 45 รอบต่อนาที สามารถปรับระดับตัวถ่วงน้ำหนักโทนอาร์มและคาร์ตทริดจ์ได้

สี  : Black Gold / Black Orange

8. เครื่องเล่นแผ่นเสียง Victrola The Quincy 6 in 1 Bluetooth Turntable Mahogany

เครื่องเล่นแผ่นเสียงแบบ 6in1 จาก Victrola รุ่น The Quincy 6 in 1 Bluetooth Turntable Mahogany ออกแบบมาในสไตล์วินเทจเรโทร รองรับการเล่นเพลงได้หลายแบบไม่ว่าจะเป็นเล่นผ่านแผ่นเสียง บลูทูธ ซีดี เทปคาสเซตต์ วิทยุ และสาย AUX 3.5 มม. มีลำโพงสเตอริโอให้ในตัว ทำงานด้วยเทคโนโลยี Victrola 3-way เล่นความเร็วแผ่นเสียงได้ 3 ระดับคือ 33, 45 และ 78 รอบต่อนาที ด้านหน้ามีหน้าปัดสไตล์คลาสสิก และจอ LED แสดงโหมดการใช้งาน

9. เครื่องเล่นแผ่นเสียง Pro-Ject Debut Carbon Evo Turntable

เครื่องเล่นแผ่นเสียงสไตล์มินิมอล ดูหรู และทันสมัย ยี่ห้อ Pro-Ject รุ่น Debut Carbon Evo Turntable ทำงานด้วยระบบมอเตอร์สายพานและเซนเซอร์ตรวจจับความเร็วแบบอิเล็กทรอนิกส์ ควบคุมความเร็วมอเตอร์ได้ 3 ระดับคือ 33, 45 และ 78 รอบต่อนาที เป็นเครื่องเล่นแผ่นเสียงที่เหมาะกับผู้มีประสบการณ์การใช้เครื่องเล่นแผ่นเสียงมาก่อน เพราะจำเป็นต้องเชื่อมต่อกับโฟโนแอมพลิไฟล์เยอร์ และลำโพงเพิ่มเติม เพื่อคุณภาพเสียงที่ดียิ่งขึ้น 

สี  : Satin Black / Satin Blue / Satin Green / Satin Walnut / Satin Yellow / Gloss Red

10. เครื่องเล่นแผ่นเสียง Pro-Ject Juke Box E All-in-one Plug & Play Turntable System

เครื่องเล่นแผ่นเสียง Pro-Ject Juke Box E All-in-one Plug & Play Turntable System มีแอมพลิไฟล์เยอร์ในตัว รองรับการเล่นเพลงแบบ Hi-Fi ทั้งจากแผ่นเสียงและสตรีมเพลงจากสมาร์ทโฟนผ่านบลูทูธ จานหมุนขับเคลื่อนด้วยระบบมอเตอร์สายพาน สามารถเปลี่ยนความเร็วได้ด้วยตัวเอง ทำงานคู่กับมอเตอร์ซิงโครนัสที่มีความสั่นสะเทือนต่ำ เล่นความเร็วได้ 2 ระดับคือ 33 และ 45 รอบต่อนาที จำเป็นต้องต่อลำโพงภายนอกเพิ่มในการใช้งาน

สี  : High Gloss Black / High Gloss White / High Gloss Red

บทความนี้ไทยรัฐช็อปปิ้งรวบรวมเครื่องเล่นแผ่นเสียงมาให้แล้วถึง 10 รุ่น มีทั้งยี่ห้อที่ออกแบบมาให้ใช้งานง่าย เหมาะกับมือใหม่อย่าง Gadhouse รุ่น Brad Retro และยี่ห้อ Pro-Ject ที่เหมาะกับผู้ใช้เครื่องเล่นแผ่นเสียงเป็นประจำ นอกจากจะใช้ฟังเพลงได้แล้ว ยังมาในดีไซน์ที่สวยงามเหมาะกับการใช้แต่งห้อง-แต่งบ้านได้อีกด้วย

ใครที่กำลังมองหาเครื่องเล่นแผ่นเสียง สามารถคลิกซื้อได้เลยจากบทความนี้ แนะนำให้ศึกษาขั้นตอน และวิธีการใช้งานก่อนตัดสินใจสั่งซื้อ และหากใครที่ยังไม่เจอยี่ห้อถูกใจสามารถเลือกซื้อเพิ่มเติมได้บน Shopee และ Lazada

เช็กโค้ดส่วนลด Shopee ได้ที่นี่ 

เช็กโค้ดส่วนลด Lazada ได้ที่นี่

(ราคาสินค้าอาจมีการเปลี่ยนแปลง โปรดตรวจสอบราคาอีกครั้งก่อนสั่งซื้อ)