ญี่ปุ่น เปลี่ยนผู้นำคนที่ 3 ในรอบ 4 ปี หลังนายกฯ อิชิบะ ลาออก "ซานาเอะ ทาคาอิจิ"  ได้รับเลือกเป็นหัวหน้าพรรค LDP คนใหม่ มีโอกาสเป็นนายกฯ หญิงคนแรก ท่ามกลางวิกฤตความนิยมพรรค LDP ตกต่ำ 

วันที่ 4 ต.ค.ที่ผ่านมา พรรคเสรีประชาธิปไตย หรือ LDP (Liberal Democratic Party - LDP) พรรคแกนนำรัฐบาลญี่ปุ่น เลือกตั้งหัวหน้าพรรคคนใหม่ได้ ซานาเอะ ทาคาอิจิ นักการเมืองหญิงสายอนุรักษนิยม วัย 64 ปี หลังหัวหน้าพรรคคนเก่าคือนายกฯ ชิเงรุ อิชิบะ ประกาศลาออกเมื่อ 7 ก.ย.ที่ผ่านมา โดยตามธรรมเนียมปฏิบัติ หัวหน้าพรรคแกนนำรัฐบาลจะได้รับการเสนอชื่อเป็นนายกฯ ทำให้นางทาคาอิจิ มีโอกาสขึ้นเป็นนายกฯ คนใหม่ของญี่ปุ่น และเป็นนายกฯ หญิงคนแรกในประวัติศาสตร์การเมืองญี่ปุ่น 

พรรค LDP ครองอำนาจเป็นแกนนำรัฐบาลมายาวนานตั้งแต่ก่อตั้งพรรคเมื่อปี 2498 เคยแพ้เลือกตั้งไม่ได้เป็นแกนนำรัฐบาลเพียงไม่กี่สมัยเท่านั้น อย่างไรก็ดีในช่วงหลังมานี้คะแนนนิยมตกต่ำอย่างมาก มีการเปลี่ยนตัวนายกฯ เป็นคนที่ 3 ในรอบ 4 ปี 

...

ปัจจุบันจับมือพรรคพันธมิตรคือ “พรรคโคเมโตะ” เป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย โดยมีเสียงในสภาล่าง หรือ สภาผู้แทนราษฎร (สส.) รวมกันที่ 215 จาก 465 ที่นั่ง และเสียงในสภาสูง (สว.) รวมกัน 122 จาก 248 ที่นั่ง

ฟูมิโอะ คิชิดะ

นายฟูมิโอะ คิชิดะ วัย 64 ปี อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศ ได้รับเลือกเป็นหัวหน้าพรรค LDP และขึ้นเป็นนายกฯ ต่อจากนายกฯ โยชิฮิเดะ ซูกะ เมื่อวันที่ 4 ต.ค.64 จากนั้นวันที่ 14 ต.ค.64 ได้ประกาศยุบสภาล่าง เลือกตั้งใหม่ในวันที่ 31 ต.ค.64

ผลปรากฏว่าพรรค LDP สามารถรักษาที่นั่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) ในสภาได้เกินกว่า 233 ที่นั่ง จาก 465 ที่นั่ง เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลร่วมกับพรรคโคเมโตะ ที่ได้ 32 ที่นั่ง รวมเป็น 293 ที่นั่ง และนายคิชิดะ ก็ดำรงตำแหน่งนายกฯ ต่อตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา 

ต่อมาในการเลือกตั้งสภาสูง วันที่ 10 ก.ค.65 พรรค LDP ก็กวาดชัยชนะ มี สว.รวมกับที่นั่งเดิม 119 คน ส่วนพรรคร่วมรัฐบาลโคเมโตะ มี 27 คน รวมเป็น 146 คน จาก 248 ที่นั่ง ซึ่งการเลือกตั้ง สว.เกิดขึ้น เพียง 2 วัน หลังอดีตนายกฯ ชินโสะ อาเบะ ถูกลอบสังหาร

อย่างไรก็ดีคะแนนความนิยมของนายคิชิดะและพรรค LDP ตกต่ำลงอย่างต่อเนื่อง จากปัญหาเศรษฐกิจภายในประเทศ วิกฤตค่าครองชีพ ค่าเงินเยนตกต่ำ รวมถึงข่าวฉาวภายในพรรค LDP ว่ามีสมาชิกสภาทั้ง สส.และ สว. เกี่ยวข้องกับกองทุนลับ (Slush Fund) ปกปิด ไม่แจ้งยอดรายได้จากกิจกรรมระดมทุน

ในวันที่ 14 ส.ค.67 นายคิชิดะ ประกาศจะไม่ลงสมัครชิงตำแหน่งประธานพรรคเสรีประชาธิปไตย หรือ แอลดีพี ซึ่งเป็นการปูทางเพื่อออกจากตำแหน่งนายกฯ

นายฟูมิโอะ คิชิดะ
นายฟูมิโอะ คิชิดะ

ชิเงรุ อิชิบะ 

นายชิเงรุ อิชิบะ วัย 63 ปี อดีตรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหม ได้รับเลือกเป็นหัวหน้าพรรค LDP คนใหม่ ต่อจากนายคิชิดะ โดยเข้ารับตำแหน่งนายกฯ เมื่อวันที่ 1 ต.ค.67 จากนั้นวันที่ 9 ต.ค.67 ได้ประกาศยุบสภา เลือกตั้งใหม่ในวันที่ 27 ต.ค.67

อย่างไรก็ดีในการเลือกตั้งครั้งนี้ พรรค LDP ได้ที่นั่งเพียง 191 ที่นั่ง รวมกับพรรคพันธมิตรคือพรรคโคเมโตะ 24 ที่นั่ง เป็น 215 ที่นั่ง จาก 465 ที่นั่ง จัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย 

ต่อมาในการเลือกตั้งสภาสูงเมื่อวันที่ 20 ก.ค. 68 ที่มีการเลือก 125 ที่นั่งจาก 248 ที่นั่ง (เนื่องจากหมดวาระไม่พร้อมกัน) ปรากฏว่า พรรค LDP ได้ 39 ที่นั่ง รวมกับพรรคร่วมรัฐบาลโคเมโตะ 8 ที่นั่ง เป็น 47 ที่นั่ง เมื่อรวมกับที่นั่งเดิม เป็น 122 ที่นั่ง ไม่ถึงครึ่งนึงหรือ 125 ที่นั่งที่จะครองเสียงข้างมากในสภา

เมื่อรัฐบาลผสมนำโดยพรรค LDP ไม่ได้ครองเสียงข้างมากทั้งในสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา จึงต้องเจออุปสรรคมากมายในการผ่านงบประมาณและดำเนินนโยบายต่างๆ ต่อมานายกฯ อิชิบะ ได้ประกาศลาออก ในวันที่ 7 ก.ย.68 จากคะแนนนิยมพรรคตกต่ำไม่ดีขึ้น รวมถึงปัญหาด้านเศรษฐกิจต่างๆ ที่ไม่ถูกแก้ไข และการสูญเสียเสียงข้างมากทั้งสภาล่างและสภาสูง

นายอิชิบะ ชิเงรุ (ซ้าย) นางซานาเอะ ทาคาอิจิ (ขวา)
นายอิชิบะ ชิเงรุ (ซ้าย) นางซานาเอะ ทาคาอิจิ (ขวา)

...

ซานาเอะ ทาคาอิจิ

นางซานาเอะ ทาคาอิจิ วัย 64 ปี อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการค้าและอุตสาหกรรม, กระทรวงความมั่นคงทางเศรษฐกิจ และกระทรวงมหาดไทยและการสื่อสาร ได้รับเลือกให้เป็นหัวหน้าพรรคคนใหม่เมื่อ 4 ต.ค.ที่ผ่านมา

ทาคาอิจิ เป็นที่รู้จักในฐานะนักการเมืองอนุรักษนิยมสายเหยี่ยว และเป็นลูกศิษย์คนสนิทของอดีตนายกฯ ชินโซ อาเบะ ผู้ล่วงลับ โดยเธอประกาศจะฟื้นฟูวิสัยทัศน์ทางเศรษฐกิจแบบ "อาเบะโนมิกส์" เน้นการใช้จ่ายภาครัฐสูงและการกู้ยืมในอัตราดอกเบี้ยต่ำ

คาดกันว่าพรรค LDP เลือก ทาคาอิจิ ซึ่งเป็นแกนนำฝ่ายขวาของพรรคขึ้นมาเป็นหัวหน้า เพื่อหวังจะดึงเสียงผู้มีสิทธิเลือกตั้งฝ่ายอนุรักษ์นิยม ที่โน้มเอียงไปพรรคซันเซโตะ พรรคขวาจัดซึ่งมีสโลแกน "ญี่ปุ่นต้องมาก่อน" กลับคืนมา

อย่างไรก็ดี หัวหน้าพรรค LDP ก็อาจไม่ได้เป็นนายกฯ เสมอไป เนื่องจากพรรคไม่ได้ครองเสียงข้างมากในสภาอีกต่อไป

อ้างอิง : thairath, japantimes