เทศบาลนครสงขลา แจง ลิงจ่าฝูง ไมเคิล ไม่ได้ถูกการุณยฆาต เปิดสาเหตุอาการ บาดแผลฉกรรจ์ กระเพาะทะลุ ไส้ทะลัก เป็นมาประมาณ 2 วัน ยันสัตวแพทย์ทำงานร่วมกับอุทยาน ก่อนมีภาวะช็อก พร้อมให้ตรวจสอบขั้นตอนรักษา

หลังมีประเด็นดราม่า การุณยฆาต ไมเคิล ลิงจ่าฝูง เขาตังกวน จ.สงขลา โดยเพจมูลนิธิวอชด็อก ไทยแลนด์ อ้างว่าสัตวแพทย์ของทางเทศบาลนครสงขลา ได้การุณยฆาต ลิงจ่าฝูงตัวดังกล่าว ทั้งที่เป็นหน้าที่ของทางสัตวแพทย์ของอุทยาน กรณีดังกล่าวทำให้เกิดเสียงวิจารณ์ในโลกโซเชียล ทีมข่าวไทยรัฐออนไลน์ สอบถามไปยังเทศบาลนครสงขลา ถึงกรณีดังกล่าว

วันชัย ปริญญาศิริ นายกเทศมนตรีนครสงขลา ชี้แจงว่า กรณี ลิงจ่าฝูง ไมเคิล แห่งเขาตังกวน เมื่อวันที่ 5 พ.ค. 68 ได้รับแจ้งว่ามีอาการบาดเจ็บคาดว่าถูกสุนัขกัด ซึ่งตอนแรกมีการสันนิษฐานว่ามีคนไปทำร้ายหรือไม่ โดยอาการบาดเจ็บเป็นมากว่า 2 – 3 วัน จึงได้ร่วมกับกรมอุทยานในพื้นที่เข้าไปดู และประเมินว่าลิงมีบาดแผลฉกรรจ์มาก เพราะบาดแผลเหมือนถูกกัดจนไส้ทะลุออกมา

...

สัตวแพทย์ได้ให้น้ำเกลือ แต่ก็เอาไม่อยู่ เนื่องจากลิงมีอาการบาดเจ็บมากว่า 2 วัน การดูแลลิงไม่ใช่หน้าที่เทศบาลโดยตรง แต่เป็นหน้าที่ของกรมอุทยานฯ โดยในการจับและนำมาดูแลเบื้องต้นทางเทศบาลได้ทำงานร่วมกับกรมอุทยานฯ ในทุกขั้นตอน เบื้องต้นหลังจากยิงยาสลบและจับลิงมารักษาโดยมีเจ้าหน้าที่อุทยานฯ เป็นผู้จับ

สัตวแพทย์ของทางเทศบาลได้ทำการรักษาโดยให้น้ำเกลือ แต่ด้วยบาดแผลฉกรรจ์มาก เลยนำไปรักษาต่อกับทางกรมอุทยานในพื้นที่ โดยระหว่างเดินทางลิงไมเคิล ได้เสียชีวิต เมื่อถามถึงข้อเท็จจริงกรณีการส่งต่อให้สัตวแพทย์ของกรมอุทยานฯ นายกเทศมนตรีนครสงขลา ยืนยันว่า ทันทีที่ได้รับแจ้ง ทางเทศบาลได้ประสานกับทางอุทยานทันที และมีเจ้าหน้าที่กรมอุทยานมาช่วยจับ 2 คน ทางเทศบาลมีสัตวแพทย์ เลยได้ทำการรักษาเบื้องต้น จริงแล้วไม่ใช่หน้าที่ของสัตวแพทย์ของเทศบาล แต่ต้องให้ไปดูแลอาการเบื้องต้นเนื่องจากลิงอยู่ในพื้นที่ของเทศบาล

“วันที่ยิงยาสลบแล้วจับมารักษา เป็นวันเดียวกันกับที่จะส่งต่อไปรักษายังกรมอุทยาน แต่ด้วยอาการของบาดแผลที่หนัก ทำให้เจ้าไมเคิล เสียชีวิตระหว่างการเดินทาง”

ตอนนี้กรณีที่มูลนิธิวอชด็อก ไทยแลนด์ ไปแจ้งความ ทางเทศบาลต้องดูก่อนว่ากรณีใด เพราะถ้าคนที่ไม่รู้ข้อเท็จจริง แล้วไปแจ้งความสัตวแพทย์ของเทศบาล ทั้งที่เขาก็ทำงานร่วมกับทางอุทยาน กระบวนการทางกฎหมายทางเทศบาลก็พร้อมชี้แจงข้อเท็จจริง ซึ่งร่างของลิงไมเคิล ตอนนี้อยู่ในความดูแลของกรมอุทยานในพื้นที่แล้ว

เทศบาลชี้แจง สาเหตุ ไมเคิล ลิงจ่าฝูงเสียชีวิต

อภิชดา สุคนธปฐิภาค ผู้อำนวยการกองสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อม เทศบาลนครสงขลา ชี้แจงว่า ไมเคิล ลิงจ่าฝูง เขาตังกวน จ.สงขลา เป็นลิงกัง ตามประวัติมีการทำหมันแล้วเมื่อปี 65 ทางเทศบาลได้ร่วมกับสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 6 (สงขลา) จากการที่ได้รับรายงาน วันเกิดเหตุมีคนเห็นลิง ไมเคิล ได้รับบาดเจ็บ มีแผลเปิดที่ท้อง มีลักษณะเหมือนไส้ทะลักออกมาข้างนอก มีคนแจ้งไปที่หน่วยอนุรักษ์ที่ 6 เมื่อวันที่ 5 พ.ค. 68 ด้วยความที่ทางเทศบาลได้ทำงานร่วมมือกับหน่วยอนุรักษ์ที่ 6 มาตลอด

โดยในวันดังกล่าว สัตวแพทย์ของหน่วยอนุรักษ์ลาราชการ เลยให้สัตวแพทย์ของเทศบาลเข้าไปดูแลในเบื้องต้น ในการไปจับลิง มีเจ้าหน้าที่จากศูนย์อนุรักษ์ไปจับ 2 คน โดยไปเจอลิงไมเคิลอยู่บนต้นไม้สูงประมาณ 1 เมตร เนื่องจากลิงไมเคิลเป็นสัตว์ป่า และกลัวว่าลิงมีบาดแผลอยู่เดิม หากจับแบบไม่ถูกวิธีจะถูกกัดได้ เลยยิงยาสลบ จนเจ้าไมเคิลสลึมสลือ และนำตาข่ายมารองรับตัวไว้เพื่อป้องกันการตกสู่พื้น

...

จากนั้นได้พาลิงมาที่สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 6 โดยสัตวแพทย์ของเทศบาลได้เข้ามาดูแทนเบื้องต้น ซึ่งมีความเห็นว่า ไม่สามารถชี้ชัดได้ว่าบาดแผลเกิดจากอะไร แต่เป็นแผลที่เกิดขึ้นหลายวัน เพราะของของกระเพาะอาหาร มีขอบดำ เริ่มมีการติดเชื้อ และมีรูทะลุในกระเพาะ

“หมอได้ให้น้ำเกลือ ยาฆ่าเชื้อ การรักษาสัตวแพทย์ได้คุยกับสัตวแพทย์ของสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 6 กันตลอดในการรักษา โดยมีเจ้าหน้าที่ของอุทยานอยู่ในเหตุการณ์ตลอด จนสุดท้ายหมอได้ประเมินแล้วว่าลิงมีอาการหนัก ตัวเริ่มเย็น และด้วยความที่ลิงไมเคิล มีอายุมาก จึงได้เสียชีวิต"

จากข้อมูล หมอได้ประเมินว่าลิงมีอาการหนักมาก ถ้าทำการผ่าตัดต้องใช้เวลาราว 6 – 7 ชั่วโมง และต้องมีหมอที่เชี่ยวชาญ ประกอบกับบุคลากรในพื้นที่ยังมีข้อจำกัด การที่วอชด็อก บอกว่าสัตวแพทย์ของเทศบาลไม่มีหน้าที่ในการรักษาสัตว์ป่า จริงแล้วเทศบาลทำหน้าที่ร่วมกับอุทยานอยู่ตลอด และมีข้อตกลงความร่วมมือในการทำงานร่วมกันอยู่ตลอด แต่อาการของไมเคิล มีภาวะช็อก การที่ระบุว่า หมอไปการุณยฆาตลิง เป็นข้อมูลที่เกินจริง ซึ่งในความเป็นจริงทุกหน่วยงานพยายามช่วยเหลือด้วยมนุษยธรรม และมีการประสานในการรักษาตลอด โดยคุณหมอของทางเทศบาล ท่านมีความรู้ในการรักษาสัตว์ เพราะเดิมทางทำงานอยู่ที่สวนสัตว์สงขลา มีประสบการณ์รักษาสัตว์ป่ามาหลายชนิด

กรณีวอชด็อก แจ้งความทางเทศบาล ทางหน่วยงานไม่ได้วิตกกังวล และพร้อมเข้าชี้แจงว่า เป็นการทำงานร่วมกับทางอุทยาน และมีหลักฐานในการรักษาทุกขั้นตอน จริงแล้วต้องดูข้อเท็จจริงหน้างาน เพราะถ้าใช้กฎหมายมามากเกินไป ก็จะทำให้คนทำงานหมดกำลังใจได้ แต่เบื้องต้นก็ให้คุณหมอทำหนังสือและรายละเอียดชี้แจงในขั้นตอนการรักษามาเพื่อเป็นหลักฐานในการชี้แจงเบื้องต้นแล้ว

...