อย่างกับหนังฮอลลีวูด
กรณี นายประสิทธิ์ เจียวก๊ก จำเลยในคดี กับพวกรวม 2 คน ถูกนำตัวจากเรือนจำกลางคลองเปรม มาศาลอาญา ในเวลา 09.50 น. ตามที่ศาลนัดสอบคำให้การในคดี หมายเลขดำที่ อ.3121/ 2565 ที่อัยการ สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีเศรษฐกิจและทรัพยากร 1 สำนักงานอัยการสูงสุด เป็นโจทก์ฟ้องนายประสิทธิ์ กับพวก 2 คน ฐานร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนและความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ กรณีจำเลยกับพวกหลอกลวงประชาชนเข้าร่วมลงทุนซื้อคูปองทอง และลงทุนซื้อโปรแกรมการท่องเที่ยว รวมทั้งชักชวนเข้าระบบสหกรณ์ออมทรัพย์ อ้างว่าจะได้รับผลตอบแทนสูงกว่าการลงทุนในสถาบันการเงิน ก่อนเชิดเงินหนีความเสียหายหลายร้อยล้านบาท
จำเลยทั้งหมด ถูกเบิกตัวมาจากเรือนจำคลองเปรม ในชุดนักโทษ พร้อมโซ่ตรวน และขึ้นลิฟต์สำหรับนักโทษ มาห้องพิจารณาคดี 903 ชั้น 9 กระทั่งเวลาประมาณ 10.00 น. นายประสิทธิ์ เริ่มออกอุบายขอเข้าห้องน้ำ และเริ่มปฏิบัติการหลบหนี เริ่มจากไขโซ่ตรวนจากกุญแจที่เตรียมไว้ เปลี่ยนชุด สวมเสื้อโปโลสีเขียว กางเกงยีนส์ รองเท้าคัตชูหนังกลับสีน้ำตาล ถุงเท้าสีดำ จากนั้นนายประสิทธิ์เดินออกจากห้องน้ำอย่างใจเย็นผ่าน รปภ.ศาลชั้น 9 ที่คุ้นหน้ากัน

...
แทนที่...นายประสิทธิ์จะทัก รปภ.กลับรีบเดินลงบันได จังหวะเดียวกับมีคนตะโกนไล่หลังมาว่าผู้ต้องขังหนี รปภ.ชั้น 9 รีบวิ่งไล่ตามทันที นายประสิทธิ์กระโดดลงบันไดวิ่งหนีจนข้อเท้าพลิก และรองเท้าหลุด มาถูกจับได้ที่ชั้น 3 หน้าที่ทำการกองคลัง
จากการตรวจสอบภายในห้องน้ำชั้น 9 พบกุญแจมือสวมข้อเท้าถูกไขด้วยกุญแจทรงเหลี่ยมใหม่เอี่ยมยี่ห้อ medok ไม่ได้ถูกทำลาย
แน่นอน ปฏิบัติการ “แหกศาลหนี” ย่อมมีคนช่วย จากการแถลงของ สรวิศ ลิมปรังษี โฆษกศาลยุติธรรม บอกว่า เชื่อว่ามีการวางแผนมาเป็นอย่างดี มีผู้สมรู้ร่วมคิดมีจำนวน 3 คน คือ เลขาฯนายประสิทธิ์ และคนใกล้ชิดที่นำเสื้อผ้าและกุญแจ อุปกรณ์ปลอมตัว หนวดปลอม มาให้ ซึ่งเรื่องนี้ กำลังมีการสอบเค้นที่ สน.พหลโยธิน

เร่งแกะรหัสจาก จดหมายเปิดผนึก “ประสิทธิ์ เจียวก๊ก”
ว่าที่ร้อยตรีธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวกับทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ว่า ตอนนี้อธิบดีกรมราชทัณฑ์ได้มีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนแล้ว หลังจากนี้จะเป็นอย่างไร ก็จะมีการแจ้งให้ทราบต่อ...
“แต่...สิ่งที่เกิดขึ้นนี้พบว่า มีการเตรียมการ หรือวางแผนมาก่อน ซึ่งผมสั่งการให้มีการตรวจสอบ “จดหมายอิเล็กทรอนิกส์” ซึ่งจะต้องมาพิจารณาเนื้อหาว่ามีการส่งเป็น “รหัสสัญญาณ” หรือไม่”
ตอนที่ คุณอี้ แทนคุณ จิตต์อิสระ มายื่นตรวจสอบ กรณี นายประสิทธิ์ ทำจดหมายเปิดผนึกออกมาจากกรมราชทัณฑ์ ว่าคุณประสิทธิ์ มีความพยายาม จะบอกว่า หากไม่เอาผิดเขา หรือดำเนินคดีกับเขา เมื่อออกมา จะมีการชดใช้ให้ ซึ่งเรื่องนี้คุณอี้ เห็นว่าไม่เหมาะสม
อย่างไรก็ตาม เรื่องผู้เสียหาย ตนก็พยายามบอกทุกคนไว้แล้วว่า หากไม่ร้องทุกข์กล่าวโทษไว้ หากมีการยึดอายัดทรัพย์ แล้วศาลมีคำพิพากษาเมื่อไหร่ ผู้เสียหายที่ไม่ร้องทุกข์ ก็อาจจะไม่ได้สิทธิ์เฉลี่ยทรัพย์

ทำไมนายประสิทธิ์ ต้องพยายามหนีให้ได้ก่อนปีใหม่ ตามที่อี้ แทนคุณเคยบอกว่า มีเครือข่ายช่วยเหลือ เลขานุการ รมว.ยุติธรรม เชื่อว่า มีการวางแผนไว้นานแล้ว ซึ่งที่ผ่านมา ก็มีหลายครั้งที่ผู้ต้องหาหลายๆ คน ใช้จังหวะในการขึ้นศาล ซึ่งปกติแล้ว การจะมาขึ้นศาล ศาลจะเป็นผู้นัด ไม่ว่าขั้นตอนใดก็ตาม แต่หากนอกเหนือจากกรณีนี้ ก็ไม่มีโอกาสที่จะออกมาสู่ภายนอกอยู่แล้ว
...
“ยิ่งเป็นผู้ต้องหารายสำคัญ หน่วยงานกระทรวงยุติธรรม ก็ต้องให้ความสำคัญมากเป็นพิเศษ แต่กรณี คุณประสิทธิ์ ก็คงเป็นเรื่องการวางแผนร่วมกับคนใกล้ตัวเขา กรมราชทัณฑ์ยืนยันว่า คงไม่มีคนใน หรือคนใดให้ความร่วมมือ เพราะเป็นสิ่งที่ไม่คุ้มค่า เพราะหากมีเรื่องเงินสินบน มาเกี่ยวข้อง ก็จะมีการดำเนินการให้ออกทันที และดำเนินคดีตามกฎหมาย”
ที่มา โซ่ตรวน นายประสิทธิ์ กับปม สินบน เกลือเป็นหนอน เร่งตรวจสอบเส้นทางการเงิน
ว่าที่ร้อยตรีธนกฤต กล่าวว่า การเดินทางมาศาลนั้นมีขั้นตอน โดยตอนที่ถูกขัง นายประสิทธิ์ ถูกขังที่เรือนจำคลองเปรม แต่เวลาพาตัวมาที่ศาล จะเป็นเจ้าหน้าที่ของเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ โอกาสที่เขาจะได้พูดคุยเป็นการส่วนตัวก็คงยาก
เมื่อถามว่า โซ่ตรวนที่ใส่มาศาล เป็นของเรือนจำใด เลขานุการ รมว.ยุติธรรม กล่าวว่า เข้าใจว่าเป็นของเรือนจำคลองเปรม แล้วมาส่งตัวให้เรือนจำกรุงเทพฯ
แสดงว่า ต้องมีการตรวจสอบที่คลองเปรม เป็นหลัก? ว่าที่ร้อยตรีธนกฤต กล่าวว่า ก็จะต้องตรวจสอบกับทั้ง 2 เรือนจำ ทั้งคลองเปรม และเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ

...
เมื่อถามว่า ปกติใครจะเป็นผู้ถือกุญแจโซ่ตรวน ว่าที่ร้อยตรีธนกฤต กล่าวว่า ก็น่าจะเป็นพัศดี ที่อยู่ด้านในเรือนจำ เพราะหากออกมาข้างนอก ก็จะไม่ถือกุญแจออกมา ปกติแล้ว จะต้องถูกพันธนาการ จนกว่าจะกลับมาจากศาล ถึงจะถอดออก
“ต่อไปจะต้องมีมาตรการเข้มงวดมากขึ้น สิ่งที่นายประสิทธิ์ทำ ก็จะต้องได้รับบทลงโทษ ในการก่อเหตุหลบหนี ขณะที่กุญแจ ที่นำมาไข จะมีการตรวจสอบ ซึ่งต้องขอเวลาให้เจ้าหน้าที่ และยังต้องไล่ตรวจจดหมายเปิดผนึก ก็ต้องไปไล่แกะดูว่ามีรหัสหรือโค้ตใด ที่นัดแนะการช่วยเหลือแหกหนีศาลหรือไม่ โดยจะมีการตรวจสอบทุกมิติ ทั้งเจ้าหน้าที่ ปัญหาสินบน เพราะผู้ต้องขังส่วนใหญ่ไม่มีเงินสดอยู่แล้ว ก็ต้องไปไล่ตรวจสอบคนที่เข้าเวร เส้นทางการเงิน มีการโอนเงินให้ใครหรือไม่ ซึ่งถ้าพบ ก็จะมีการลงโทษอย่างหนักทั้งวินัยและอาญา รวมไปถึงบุคคลภายนอก เอกสารที่นำส่งไปยังบุคคลภายนอกด้วย” ว่าที่ร้อยตรีธนกฤต กล่าวและว่า
ขณะที่ตัวนายประสิทธิ์เอง พบว่ามีการทำผิดแล้ว ศาลก็อาจจะพิจารณาลงโทษเพิ่มโทษเพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้ ยังต้องนำต้องนำตัวไปควบคุมในพื้นที่เซฟโซนมากขึ้นด้วย
เมื่อถามว่า คนที่ช่วยเหลือ 3 คน หนึ่งคนมีหลักฐานว่าให้การช่วยเหลือ ด้วยการนำสิ่งของและเสื้อผ้าไปให้ และอีก 2 คน ให้การอย่างไร ว่าที่ร้อยตรีธนกฤต กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังสืบสวนอยู่ หลักฐานน่าจะมีจากภาพวงจรปิด แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือ “การละเมิดอำนาจศาล” ซึ่งก็จะมีบทลงโทษตามมาสำหรับผู้ที่ให้การช่วยเหลือ
“การเข้าไปอยู่ในเขตศาล อยู่ในการควบคุม การทำอะไรย่อมมีผลตามมา...”
ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ รายงาน
...
อ่านบทความที่น่าสนใจ