ดราม่าอาจารย์นิด้า “ไอซ์ รักชนก” โต้ลดทอนคุณค่า พร้อมสื่อสารถึงคน 3 กลุ่ม ยันเพื่อความเป็นธรรมกับครอบครัว ไม่ได้ทำอาชีพอย่างที่ถูกกล่าวหา

กลายเป็นดราม่าการเมืองก่อนศึกเลือกตั้ง เมื่อ อ.มหาวิทยาลัยดัง โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กส่วนตัวถึงประวัติและชีวิตส่วนตัวของบุคคลปริศนา เมื่อ 28 ธ.ค.ที่ผ่านมา ก่อนที่ ไอซ์ รักชนก ศรีนอก อดีต สส.กทม.พรรคประชาชน จะออกมาโพสต์ตอบโต้ ท่ามกลางคอมเมนต์ของทั้งสองฝ่ายที่มีทั้งให้กำลังใจ และวิจารณ์ถึงพฤติกรรมการออกมาวิจารณ์ในเรื่องชีวิตส่วนตัว

โดยจุดเริ่มต้นมาจาก รศ.ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์ อาจารย์ประจำคณะสถิติประยุกต์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กบัญชี “Arnond Sakworawich” ระบุว่า ไปสืบประวัติมาแล้ว เป็นจริงตามที่คิด พ่อเธอเป็นใครไม่รู้ แนวนักเที่ยวกลางคืนหรือแมงดาคุมซ่อง แม่เธอน่าจะเป็น sex worker เธอเกิดมาในซ่อง แต่แม่เธอไม่เลี้ยง

มีคนเก็บเธอมาเลี้ยง ไม่ใช่เพราะรัก แต่เพราะถูกหวย เธอจึงเหมือนตัวนำโชคเลยเก็บมาเลี้ยง ไม่ได้เก็บมาเลี้ยงเพราะรัก เธอโตมาในสลัม ปากกัดตีนถีบ ขาดความรักความอบอุ่น ขาดการอบรมสั่งสอนจริง ๆ ครับ เป็นชีวิตที่ขาดอย่างยิ่ง น่าเวทนาและน่าสงสารมากครับ

ในฐานะเพื่อนมนุษย์ เราควรมีความปรารถนาดีกับเธอ แม้เธอจะไม่น่ารักเลยก็ตาม ควรตั้งจิตอธิษฐานภาวนาให้เธอได้พบคนจิตใจดี มีความรักความอบอุ่นล้นเหลือเผื่อแผ่ในคนอื่น ๆ รวมทั้งเธอได้ เพื่อให้เธอได้มีโอกาสในชีวิต ในการยกระดับจิตใจและนิสัยใจคอครับ

...


ไอซ์ รักชนก โต้ลดทอนความเป็นคน

ต่อมา ไอซ์ รักชนก ศรีนอก อดีต สส. กทม. พรรคประชาชน ได้ออกมาโพสต์ในเพจส่วนตัว รักชนก ศรีนอก - Rukchanok Srinork ระบุข้อความว่า นี่คือสิ่งที่ต้องเจอทุกวัน ตั้งแต่เป็นนักการเมือง อย่างเบาหน่อย ก็ด่าว่าเป็นสก๊อย เด็กไม่มีพ่อไม่มีแม่ บ้างก็กล่าวหาว่าเป็นกระหรี่ เป็นเด็กเสี่ย หรือเป็นเมียน้อยใครสักคน มีการเอารูปไปตัดต่อให้เสื่อมเสียพร้อมคำเหยียดหยามสารพัด ใช้ AI ทำเป็นคลิปอนาจาร สร้างข่าวปลอมมาใส่ร้ายป้ายสีทุกวัน หนักขึ้นมาหน่อยก็โดนฟ้อง ฟ้องปิดปาก ถูกขู่ ถูกคุกคาม ถูก sexual harassment ทั้งท่าทีและคำพูด และไม่นานมานี้ก็ถึงขั้นทำร้ายร่างกาย ล่าสุดลามไปกล่าวหาบุคคลอื่นๆ ในครอบครัว ไม่เข้าใจว่าคุณมีสิทธิ์มากล่าวหาพ่อแม่คนอื่นได้เป็นเรื่องเป็นราวขนาดนี้ได้อย่างไร

ทุกคนได้อ่านข้อความนี้แล้วทุกคนรู้สึกอย่างไรบ้างคะ?

สิ่งที่เราคิดคือทำไมกลุ่มคนที่เรียกตัวเองว่ากลุ่มคนรักสถาบัน ถึงได้กล้ามีพฤติกรรมที่น่ารังเกียจทุกรูปแบบกับคนอื่นโดยอ้างความจงรักภักดี คุณจะไม่ชอบนักการเมืองคนไหน การวิพากษ์วิจารณ์ด่าทอทำได้เต็มที่กับบุคคลนั้น แต่ถึงขั้นกล่าวหาพ่อ แม่คนอื่นด้วยถ้อยคำเหยียดหยามลดทอนคุณค่าแบบนี้ ตัวดิฉันเองที่เติบโตมาในสังคมที่แย่มาก ไม่ได้รับการอบรมสั่งสอน อย่างที่ผู้โพสต์กล่าวหายังไม่คิดทำอะไรแบบนี้กับพ่อแม่ใครเลย ดิฉันสนับสนุนหลักการ เรื่อง free speech เสมอมา แต่อันนี้มันเข้าข่ายเป็น hate speech ทำไมคนที่แอบอ้างตัวเองว่ารักสถาบันกว่าใครและต้องการปกป้องสถาบัน ถึงเลือกใช้วิธีลดทอนคุณค่าความเป็นมนุษย์ของคนที่เห็นต่าง แทนที่จะถกเถียงกันด้วยวิธีอย่างคนที่ได้รับการอบรมมาบ้างแล้วใช้กัน เถียงด้วยเหตุผลหักล้างกันด้วยตรรกะ

สุดท้ายดิฉันมีกลุ่มคนที่อยากสื่อสารด้วย อยู่ 3 กลุ่ม

1) ผู้บริหาร สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ - NIDA

ที่ผ่านมาดิฉันเข้าใจดี ว่าสถาบันเป็นกลางทางการเมือง และไม่ได้ห้ามให้บุคลากรของสถาบันแสดงความเห็นทางการเมืองต่างๆ ในช่องทางต่างๆ และสื่อสาธารณะ ซึ่งเป็นเรื่องน่ายกย่อง

แต่อยากถามว่า สถาบัน NIDA มีจุดยืนอย่างไรกับการลดทอนคุณค่าความเป็นมนุษย์ หรือ การนำเอาทรอม่า หรือ เรื่องราวในบางชีวิตของบุคคลอื่นซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ไม่ได้ผ่านมากันอย่างง่ายดาย มาพูดในเชิงด้อยค่า สถาบัน NIDA สนับสนุนพฤติกรรมที่เป็นภัยคุกคามสังคมเช่นนี้หรือไม่ และสนับสนุนให้บุคลากรในสถาบันทำพฤติกรรมเช่นนี้ได้หรือไม่

2) ศิษย์เก่า และ ศิษย์ปัจจุบัน สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ - NIDA

ดิฉันมีความเคารพทุกความเห็นทางการเมือง ท่านจะเป็นอนุรักษ์นิยมหรือเสรีนิยม จะสนับสนุนหรือไม่สนับสนุนดิฉันก็เคารพทุกความหลากหลาย การวิพากษ์วิจารณ์กันที่ผ่านมาไม่ว่าจะด้วยความสุภาพหรือใช้ถ้อยคำหยาบคาย ดิฉันก็ไม่เคยคิดจะฟ้องร้อง เพราะการเสนอตัวมาเป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองมันต้องโดนมากกว่าคนปกติเป็นธรรมดา แต่ศิษย์เก่าและศิษย์ปัจจุบันของสถาบัน NIDA ท่านมีความเห็นอย่างไร ที่มีบุคลากรของสถาบันอันทรงเกียรติ แสดงทัศนคติเช่นนี้ ซึ่งสถาบันนิ่งเฉยกับ hate speech และการด้อยค่าเพื่อนมนุษย์ ซึ่งไม่ใช่ครั้งแรก

3) คนที่เกิดมาไม่พร้อม ไม่ว่าจะด้านไหนในชีวิตก็ตาม (เหมือนเรา)

คนเราเลือกเกิดไม่ได้ ถ้าเลือกได้เราทุกคนคงอยากเกิดมาในครอบครัวที่พร้อมทุกด้านและอบอุ่น ใครๆ ก็อยากมีครอบครัวอยู่ในชุมชนที่ไม่มีการใช้ความรุนแรง ไม่มีปัญหาสังคม เด็กๆ ได้ไปโรงเรียนดีๆ ก็คงไม่มีใครอยากเกิดมาพบเจอกับประสบการณ์วัยเด็กแย่ๆ คำดูถูกดูแคลน คำเหยียดหยาม เพื่อนๆ ที่โดนอะไรที่แย่กว่าตัวเรา แต่เราไม่มีพลังความสามารถอะไรจะช่วยเหลือพวกเขาได้

...

ไม่มีใครผิดที่เกิดมาในครอบครัวที่ไม่พร้อม ชาติกำเนิดอยู่ในสลัม เติบโตท่ามกลางปัญหาสังคม กว่าจะรอดได้แต่ละวันยากลำบากมาก คนเราเลือกเกิดไม่ได้ แต่เราเลือกได้ว่าจะส่งต่อสังคมแบบไหนให้คนรุ่นถัดไป เราเลือกได้ว่าจะส่งต่อทัศนคติและค่านิยมที่ตัดสินคนจากชาติกำเนิด ส่งต่อคำดูถูกเหยียดหยามให้กับเด็กๆ ที่เป็นกำพร้า หรือเด็กๆ ที่พ่อแม่มีปัญหาชีวิตรุมเร้า แล้วก็ต้องรับส่งต่อปัญหามาด้วยอย่างเลี่ยงไม่ได้ ทั้งๆ ที่เด็กๆ ไม่ได้เลือก

คนเรามีข้อจำกัดในชีวิตที่แตกต่างกัน ถูกหล่อหลอมมาไม่เหมือนกัน แน่นอนคนที่เกิดในครอบครัวอบอุ่น กินอิ่มนอนหลับทุกวัน มีคนที่รักอยู่ใกล้ๆ ในช่วงเวลายากลำบาก อาจจะไม่เข้าใจเด็กๆ ที่ต้องเติบโตในชุมชนแออัดที่มองไปทางไหนก็มีแต่ปัญหาสังคมเต็มไปหมด แต่ถึงไม่เข้าใจ ก็ไม่ดูถูกดูแคลนกันได้ไหม คุณด่าคนๆ หนึ่งเพราะอยากให้คนๆ นั้นเจ็บปวด แค่คนที่เจอกับบริบทที่เลือกไม่ได้มีอีกจำนวนมหาศาล มองไม่เห็นปัญหาในสังคมไม่เป็นไร แต่อย่าทำตัวเป็นส่วนหนึ่งของปัญหา สังคมจะน่าอยู่ขึ้นอีกมากค่ะ

ส่งกำลังใจให้คนที่เจอบริบทในชีวิตคล้ายๆ กัน เวลาอ่านอะไรทำนองนี้แล้วรู้สึกทริกเกอร์ในใจ ก็ให้นึกว่า ชีวิตที่ยากลำบากอย่างเรายังอยู่มาจนมีวันนี้ได้ ใครๆ ก็ทำได้ทั้งนั้น มีแค่ตอนเกิดที่เลือกไม่ได้ แต่หลังจากนั้นเรากำหนดเอง

ปล. เรื่องนี้แม้จะไม่เอ่ยอ้างชื่อดิฉันสักคำ แต่คนอ่านแทบทุกคนก็รู้ดีว่าหมายถึงใคร ดูได้จากคอมเมนต์ทุกคนก็เข้าใจตรงกัน การกระทำเช่นนี้อาจจะหลีกหนีกฎหมายไปได้ ไอซ์ไม่ได้มีทัศนคติที่ไม่ดีกับอาชีพsex worker แต่เพื่อความเป็นธรรมกับพ่อและแม่ ไอซ์ขอยืนยันว่าพวกเขาไม่ได้ทำอาชีพอะไรแบบที่บุคคลผู้นี้กล่าวหา คนที่กระทำตัวเช่นนี้แล้วมักอวดอ้างว่าทำเพื่อปกป้องสถาบัน เคยถอดบทเรียนบ้างไหมว่าพฤติกรรมเช่นนี้ส่งผลดีอย่างไรกับสิ่งที่คุณรักและหวงแหนบ้างหรือไม่

...