การเลือกตั้ง 2569 เปิดรับสมัคร สส.เขตทั่วประเทศแล้ว หลายพรรคใช้ยุทธศาสตร์บ้านใหญ่ชิงพื้นที่ พบ “ภูมิใจไทย” ครอง 86 ตระกูล  

วันนี้ (27 ธ.ค.68) คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เปิดรับสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขต หรือ สส.เขต จำนวน 400 เขตทั่วประเทศ โดยแต่ละพรรคการเมืองต่างรวมพลมายื่นใบสมัครและจับหมายเลขผู้สมัครกันอย่างคึกคัก

นอกจากนี้ แต่ละพรรคต่างส่งแกนนำคนสำคัญเป็นตัวแทนไปยังจังหวัดต่างๆ ที่เป็นเป้าหมายของพรรค เช่น ที่กรุงเทพฯ ซึ่งมี สส. มากที่สุด 33 คน ส่วนใหญ่ส่งแคนดิเดตนายกฯ อันดับ 1 มาเป็นตัวแทน เช่น นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน, นายยศชนัน วงศ์สวัสดิ์ แคนดิเดตพรรคเพื่อไทย, นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เป็นต้น 

ขณะที่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกฯ ในฐานะหัวหน้าพรรคและแคนดิเดตอันดับ 1 ของพรรคภูมิใจไทย เดินทางมาให้กำลังใจผู้สมัคร สส.ที่ จ.พระนครศรีอยุธยา, ที่ จ.ชลบุรี นายสุชาติ ชมกลิ่น รองนายกฯ และ รมว.ทรัพยากรฯ จากพรรคภูมิใจไทย เดินทางไปสมัครรับเลือกตั้งที่ จ.ชลบุรี เจอกับ น.ส.รักชนก ศรีนอก ผู้สมัคร สส.บัญชีรายชื่อ คนดังจากพรรคประชาชน ที่เดินทางไปร่วมสังเกตการณ์ เป็นต้น 

...

ยุทธศาสตร์ บ้านใหญ่ ชิงพื้นที่ 

รศ.ดร.ยุทธพร อิสรชัย อาจารย์ประจำสาขาวิชารัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช มองภาพรวมการสมัคร สส.แบบแบ่งเขตในวันนี้ (27 ธ.ค.) สะท้อนให้เห็นว่าแต่ละพื้นที่มีใครถูกวางตัวในเชิงยุทธศาสตร์อย่างไรบ้าง พื้นที่เป้าหมายหลักของแต่ละพรรคคงจะเป็นจังหวัดใหญ่ๆ เช่น กรุงเทพฯ 33 ที่นั่ง เป็นเป้าหมายหลักของพรรคประชาชน และอีกหลายพรรคที่ต้องการเข้ามาแบ่งที่นั่ง เช่น เพื่อไทย ประชาธิปัตย์ หรือพรรคตั้งใหม่ เช่น ไทยก้าวใหม่

จังหวัดที่มีจำนวน สส.รองลงมา คือ นครราชสีมา 16 ที่นั่ง คงเป็นการต่อสู้ระหว่างพรรคเพื่อไทย ซึ่งเป็นเจ้าของพื้นที่ส่วนใหญ่ กับพรรคภูมิใจไทยและพรรคประชาชน จังหวัดใหญ่อื่นๆ เช่น เชียงใหม่ 10 ที่นั่ง เป็นการชิงพื้นที่ของพรรคประชาชนและพรรคเพื่อไทย และ ชลบุรี 10 ที่นั่ง ก็เป็นพรรคประชาชนชิงกับพรรคภูมิใจไทย ที่เป็นการผนึกกำลังของบ้านใหญ่หวังล็อกเป้ากวาด สส.

สำหรับพรรคการเมืองที่ประชาชนคาดการณ์กันว่าจะมีคะแนนมาเป็นอันดับต้นๆ นั้น รศ.ดร.ยุทธพร มองว่า พรรคประชาชนและเพื่อไทย คงมุ่งเน้นไปทั้ง สส.เขต และบัญชีรายชื่อ ขณะที่พรรคภูมิใจไทย และพรรคกล้าธรรม คงเน้นไปที่ สส.เขตมากกว่า โดยกลยุทธ์คงแตกต่างกันไปในแต่ละพื้นที่ 

รศ.ดร.ยุทธพร อิสรชัย
รศ.ดร.ยุทธพร อิสรชัย

สส.เขตและบัญชีรายชื่อนั้นจะใช้วิธีการช่วงชิงเสียงสนับสนุนที่แตกต่างกันไป สำหรับ สส.เขต อาจเป็นการใช้ตระกูลการเมือง ความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล การล็อกเป้า การทำงานเชิงพื้นที่ ในขณะที่ สส.บัญชีรายชื่อ จะใช้กลยุทธ์หาเสียงผ่านสื่อออนไลน์ สื่อมวลชนกระแสหลักต่างๆ การขึ้นเวทีดีเบท เป็นต้น 

ทั้งนี้ไม่ใช่ทุกพื้นที่จะเป็น "บ้านใหญ่" เพราะบ้านใหญ่หมายถึงเครือข่ายตระกูลการเมืองที่มีอิทธิพลมาอย่างยาวนาน มีการกระจายบทบาทอยู่ในทั้งสนามการเมืองท้องถิ่น องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น การเมืองระดับประเทศ รวมไปถึงภาคธุรกิจในพื้นที่ 

“คำที่เหมาะสมกว่าบ้านใหญ่ คือคำว่า “ตระกูลการเมือง” ซึ่งเป็นภาพใหญ่ของการเมืองไทยมาอย่างยาวนาน อยู่ภายใต้ระบบสังคมอุปถัมภ์ มีการพึ่งพาอาศัย มีอิทธิพล ซึ่งตอนนี้มีตระกูลลักษณะนี้เข้าสู่พรรคภูมิใจไทยมากกว่า 86 ตระกูล สะท้อนให้เห็นว่าภูมิใจไทยเน้นกลยุทธ์การใช้กลุ่มการเมือง”

ตระกูลการเมืองที่เคยย้ายไปพรรคพลังประชารัฐและพรรครวมไทยสร้างชาติก่อนหน้านี้ตอนนี้ย้ายเข้าภูมิใจไทยเกือบทั้งหมด ขณะที่พรรคกล้าธรรม ก็ได้ตระกูลการเมืองจาก 2 พรรคนี้เช่นกันและได้จากพรรคประชาธิปัตย์บางกลุ่ม

“ในพื้นที่ต่างจังหวัดไม่ได้เหมือนในกรุงเทพฯ ที่คนในสังคมค่อนข้างมีระยะห่างซึ่งกันและกัน ใช้สื่อในการหาเสียง แต่ในพื้นที่ชุมชนต่างจังหวัด เรื่องความสัมพันธ์ส่วนบุคคล การให้สัญญา การช่วยเหลือเกื้อกูลกัน เป็นเรื่องที่สำคัญ เป็นเครดิตของบรรดาผู้สมัครในพื้นที่”

...

บ้านใหญ่ไหลเข้า ภูมิใจไทย

ข้อมูลจาก Rocket Media Lab รายงานว่า ประเทศไทยมีตระกูลการเมืองที่ถือว่าเป็น “บ้านใหญ่” ในการเลือกตั้งปี 2569 จำนวน 215 ตระกูลทั่วประเทศ โดยบางจังหวัดตระกูลเดียวกันแต่อยู่คนละพรรค จำนวนมากที่สุดคือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 71 ตระกูล รองลงมาคือภาคกลางและกรุงเทพฯ 60 ตระกูล ภาคใต้ 36 ตระกูล ภาคเหนือ 22 ตระกูล ภาคตะวันตก 15 ตระกูล และภาคตะวันออก 12 ตระกูล

ในการเลือกตั้งปี 2569 นั้น พบว่า พรรคภูมิใจไทย มีตระกูลบ้านใหญ่มากที่สุด 86 ตระกูล โดยเป็นตระกูลบ้านใหญ่เดิมของพรรคจำนวน 41 ตระกูล และมาจากตระกูลบ้านใหญ่ที่ย้ายจากพรรคอื่นเข้ามา 43 ตระกูล โดยย้ายมาจากพรรคเพื่อไทยมากที่สุด 13 ตระกูล. รองลงมาคือพรรคเพื่อไทย 70 ตระกูล และพรรคกล้าธรรม 28 ตระกูล

สำหรับพรรคภูมิใจไทย ที่มีบ้านใหญ่ 86 ตระกูล เป็นตระกูลบ้านใหญ่เดิมของพรรคจำนวน 41 ตระกูล มาจากนักการเมืองท้องถิ่น 2 ตระกูล และย้ายมาจากพรรคอื่น 43 ตระกูล แบ่งเป็น

  • ย้ายมาจากพรรคเพื่อไทย 13 ตระกูล
  • ย้ายมาจากพรรครวมไทยสร้างชาติ 10 ตระกูล
  • ย้ายมาจากพรรคพลังประชารัฐ 7 ตระกูล
  • ย้ายมาจากพรรคชาติไทยพัฒนา 7 ตระกูล
  • ย้ายมาจากพรรคประชาธิปัตย์ 3 ตระกูล
  • ย้ายมาจากพรรคไทยสร้างไทย 2 ตระกูล
  • ย้ายมาจากพรรคประชาชาติ 1 ตระกูล

พรรคเพื่อไทย มีตระกูลบ้านใหญ่ 70 ตระกูล โดยเป็นตระกูลบ้านใหญ่เดิมของพรรค 57 ตระกูล และย้ายมาจากพรรคอื่น 12 ตระกูล แบ่งเป็น

  • ย้ายมาจากพรรคพลังประชารัฐ 3 ตระกูล
  • ย้ายมาจากพรรคชาติพัฒนากล้า 2 ตระกูล
  • ย้ายมาจากพรรครวมไทยสร้างชาติ 3 ตระกูล
  • ย้ายมาจากพรรคชาติไทยพัฒนา 1 ตระกูล
  • ย้ายมาจากพรรคไทยสร้างไทย 1 ตระกูล
  • ย้ายมาจากพรรคประชาธิปัตย์ 1 ตระกูล
  • ย้ายมาจากพรรคภูมิใจไทย 1 ตระกูล
  • ย้ายมาจากพรรคเพื่อชาติ 1 ตระกูล

...

พรรคกล้าธรรม มีตระกูลบ้านใหญ่ 28 ตระกูล เป็นนักการเมืองท้องถิ่น 2 ตระกูล และย้ายจากพรรคอื่น 26 ตระกูล แบ่งเป็น

  • ย้ายมาจากพรรคพลังประชารัฐ 12 ตระกูล
  • ย้ายมาจากพรรคประชาธิปัตย์ 6 ตระกูล
  • ย้ายมาจากพรรครวมไทยสร้างชาติ 4 ตระกูล
  • ย้ายมาจากพรรคภูมิใจไทย 3 ตระกูล
  • ย้ายมาจากพรรคเพื่อไทย 1 ตระกูล