เขย่าขวัญ “พลังประชารัฐ” ระส่ำพรรคแตก หลัง “ลุงป้อม” ล้างมือ-แคนดิเดตเหลือเพียงหนึ่ง นักวิชาการ มอง"ตรีนุช" อาจดูแลคนเดียวไม่ไหว หากไม่มีแคนดิเดตใหม่อาจถึงคราวอวสาน
ก่อนหน้านี้ พรรคพลังประชารัฐ ได้ประกาศรายชื่อแคนดิเดตนายกฯ เพื่อสู้ศึกการเลือกตั้ง 2569 ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 8 ก.พ. 69 จำนวน 3 คน ได้แก่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ , ธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล และตรีนุช เทียนทอง ซึ่งจะเริ่มสมัครอย่างเป็นทางการในวันที่ 28 ธ.ค. 68
แต่ต่อมาในวันที่ 24 ธ.ค. 68 นายไพบูลย์ นิติตะวัน รองหัวหน้าพรรคได้เปิดเผยภายหลังการประชุมกรรมการบริหารพรรค ว่าที่ประชุมได้พิจารณาการเสนอรายชื่อแคนดิเดตของพรรคใหม่ โดย พล.อ.ประวิตร ได้ขอถอนตัวจากบัญชีรายชื่อแคนดิเดตนายกฯ โดยมีสาเหตุหลักจากปัญหาสุขภาพ ที่ระยะหลังไม่ค่อยดีนัก ทำให้ต้องมีการปรับเปลี่ยนเพื่อความเหมาะสมในการสู้ศึกเลือกตั้งที่จะถึงนี้
ล่าสุดวันนี้ (25 ธ.ค. 68) นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ และ 1 ในแคนดิเดต ได้โพสต์เฟซบุ๊กแจ้งลาออกจากทุกตำแหน่งของพรรคกลับไปเป็นนักวิชาการอิสระ โดยระบุว่า
...
“ผมลาออกจากแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคแล้ว ตามที่เมื่อวานนี้ (24 ธันวาคม) พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ได้ลาออกจากแคนดิเดตนายกฯ ในวันนี้ ผมจึงแจ้งขอลาออกจากแคนดิเดตนายกฯ สำหรับตัวผมด้วยแล้ว รวมไปถึงตำแหน่งรองหัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรค
เนื่องจากเหตุผลหลักที่ผมตัดสินใจเข้ามาทำกิจกรรมกับพรรคเกิดจากความศรัทธาส่วนตัวในท่านหัวหน้า ดังนั้น ในสถานการณ์เช่นนี้ จึงถึงเวลาที่ผมจะวางมือจากงานการเมืองไปก่อน
ผมขอขอบคุณท่านหัวหน้าพรรคและเพื่อนๆ ในพรรคที่เปิดโอกาสให้ผมทำงานเต็มที่ และขออวยพรให้พรรคประสบความสำเร็จในการเลือกตั้งเพื่อทำประโยชน์ให้แก่ประเทศชาติต่อไป โดยผมจะกลับไปเป็นนักวิชาการอิสระอย่างเดิม”
จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทำให้พรรคพลังประชารัฐถูกเป็นที่จับตามองและพูดถึงในสังคม เนื่องจากพรรคเหลือแคนดิเดตเพียงแค่หนึ่งคนเท่านั้นคือ “ตรีนุช เทียนทอง” ทำให้หลายคนสงสัยว่า จะสามารถดูแลพรรคได้เพียงคนเดียวหรือไม่ หรือท้ายสุดอาจถอนตัวอีกคนและพรรคพลังประชารัฐจะไม่เหลือแคนดิเดตสักคนก็เป็นได้
ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ พูดคุยประเด็นนี้กับ ดร.สติธร ธนานิธิโชติ อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยมองถึงเหตุการณ์ดังกล่าวว่า ที่พรรคยังคงดำรงอยู่ต่อได้ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะ “ลุงป้อม” หรือ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ แต่หลังจากที่ พล.อ.ประวิตร ลาออกจากการเป็นแคนดิเดตพรรคพลังประชารัฐ จึงอาจทำให้พรรคพลังประชารัฐถึงตอนจบ แต่ยังดีที่ทั้ง พล.อ.ประวิตร และนายธีระชัย ยังไม่ได้ถูกเสนอชื่อเป็นแคนดิเดตของพรรคอย่างเป็นทางการต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ซึ่งจะต้องยื่นรายชื่อในช่วงเดียวกับรับสมัคร สส.
อย่างไรก็ตาม แนวโน้มของพรรคพลังประชารัฐในตอนนี้ ยังคงต้องดูผู้สมัครที่เหลือหรือผู้สมัครที่เพิ่งย้ายเข้าพรรค ว่ายังจะมีการผลักดันเป็นแคนดิเดตแทนหรือไม่ ซึ่งมองว่าพรรคยังมีตัวเลือกที่ดีอยู่อีกหลายคน
ส่วนกรณีของ น.ส.ตรีนุช เทียนทอง แคนดิเดตคนสุดท้ายที่ยังเหลืออยู่ของพรรคพลังประชารัฐ ที่กระแสในสังคมมองว่าอาจจะลาออกตามแคนดิเดตอีก 2 คน ซึ่งจะทำให้พรรคพลังประชารัฐไม่เหลือแคนดิเดตสำหรับการเลือกตั้ง 2569 แม้แต่คนเดียวนั้น ทาง ดร.สติธร มองว่า หาก น.ส.ตรีนุชจะเป็นหมากตัวเดียวของพรรคพลังประชารัฐจริงๆ มองว่าอาจจะดูแลไม่ไหว และอาจจะไม่มีพรรคพลังประชารัฐในการเลือกตั้งที่จะถึงนี้ แต่อย่างไรก็ตาม ยังคงต้องติดตามกันต่อว่า น.ส.ตรีนุชจะตัดสินใจอย่างไร
...
ขณะที่ตัวของ พล.อ.ประวิตร ตนคิดว่าท่านคงหมดความคาดหวังที่จะได้เป็นนายกฯ ตั้งแต่การเลือกตั้ง 2566 แล้ว และยิ่งมาเจอจุดจบสำคัญอย่างการย้ายออกจากพรรคของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เพื่อไปจัดตั้งพรรคกล้าธรรม ทำให้พรรคพลังประชารัฐไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป มองว่าพรรคพลังประชารัฐคงจะต้องถึงตอนอวสาน เนื่องจากพรรคหมดอายุไปตามคน เช่น พรรครวมใจสร้างชาติ ที่อาจหมดไปตาม พล.อ.ประยุทธ์ พลังประชารัฐ ก็หมดไปตาม พล.อ.ประวิตร เช่นกัน