การจัดการศพทหารกัมพูชาที่กลายเป็น "ผู้สูญหาย" หรือถูกทิ้งไว้ในสมรภูมินั้น มีรากฐานมาจากแนวคิดทางด้านการทหาร การเมือง และประวัติศาสตร์ที่ฝังรากลึกของกัมพูชา โดยเฉพาะในยุคเขมรแดง ต่อเนื่องมาจนถึงยุคปัจจุบัน (ฮุน เซน / ฮุน มาเนต) ดังนี้

1. ยุคเขมรแดง (1975–1979): "ไม่มีศพ ไม่มีปัญหา"

ในยุคนี้ ศพของทหารหรือประชาชนไม่ได้มีค่าในเชิงจิตวิญญาณตามหลักศาสนาพุทธ เพราะเขมรแดงสั่งยกเลิกศาสนาและพิธีกรรมทั้งหมด

  • วิธีการจัดการศพ: หลุมศพร่วม (Mass Graves): หากเสียชีวิตจำนวนมากจะถูกนำไปฝังรวมกันใน "ทุ่งสังหาร" (Killing Fields) เพื่อความรวดเร็ว
  • การทิ้งให้เน่าเปื่อย: ในสมรภูมิที่ห่างไกล ทหารที่ตายมักถูกทิ้งไว้ในป่าให้ย่อยสลายไปตามธรรมชาติ หรือถูกสัตว์กัดกิน เพื่อหลีกเลี่ยงภาระในการขนย้าย
  • แปรรูปเป็นปุ๋ย: มีหลักฐานและคำบอกเล่าจากผู้รอดชีวิตว่า ในบางพื้นที่เขมรแดงนำกระดูกศพมาบดหรือเผาเพื่อใช้เป็นปุ๋ยในการเกษตรตามนโยบายก้าวกระโดดทางเศรษฐกิจ
  • ทำไมถึงกลายเป็นผู้สูญหาย: เนื่องจากไม่มีการจดบันทึกที่เป็นระบบ และการห้ามทำพิธีศพทำให้ญาติไม่สามารถตามหาหลักฐานการตายได้ การหายไปเฉยๆ จึงเป็นการตัดภาระของรัฐในการดูแลครอบครัวผู้เสียชีวิต

 

...


2. ยุคฮุน เซน (ความขัดแย้งตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา)

ภาพลักษณ์ที่เห็นว่ากัมพูชาไม่ยอมรับศพทหารตนเองกลับไป (เช่น กรณีการปะทะบริเวณปราสาทพระวิหารหรือตาควาย/ตาเมือนธม) มีเหตุผลเชิงกลยุทธ์และผลประโยชน์ดังนี้

  • กลยุทธ์ "ไม่มีศพ = ไม่มีการสูญเสีย": รักษาภาพลักษณ์: ฮุน เซน และรัฐบาลกัมพูชามักประกาศต่อประชาชนและชาวโลกว่ากองทัพตนเองแข็งแกร่งและสูญเสียน้อยมาก การรับศพกลับไปจำนวนมากจะเป็นหลักฐานยันว่าฝ่ายตนพ่ายแพ้หรือได้รับความเสียหายหนัก
  • ประหยัดงบประมาณ: เมื่อทหารสถานะเป็น "สูญหาย" (Missing) แทนที่จะเป็น "ตายในหน้าที่" (KIA) รัฐบาลอาจหลีกเลี่ยงหรือประวิงเวลาในการจ่ายเงินชดเชยแก่ครอบครัวได้


การใช้ศพเป็นอาวุธสงครามจิตวิทยา:

  • อาวุธชีวภาพ/กลิ่น: มีบทวิเคราะห์ว่าการปล่อยศพให้เน่าเปื่อยใกล้ฐานที่มั่นทหารไทย เป็นการสร้างมลภาวะและกดดันทางจิตวิทยาต่อทหารฝ่ายตรงข้ามที่ต้องทนอยู่กับกลิ่นและเชื้อโรค
  • การบิดเบือนข้อมูล: ในบางครั้ง ฮุน เซน จะอ้างว่าศพที่เน่าเปื่อยเหล่านั้นคือ "ศพทหารไทย" เพื่อโจมตีว่าฝ่ายไทยปกปิดยอดการตายของตนเอง
  • มรดกความคิดเขมรแดง: เนื่องจากผู้นำระดับสูงของกัมพูชาหลายคน (รวมถึงฮุน เซน) เคยเป็นอดีตเขมรแดงมาก่อน จึงซึมซับแนวคิดที่มองว่า "ชีวิตทหารคือทรัพยากรที่ใช้แล้วหมดไป" และการให้เกียรติศพมีความสำคัญน้อยกว่าชัยชนะทางการเมือง

 

ตารางเปรียบเทียบการจัดการศพ

หัวข้อเปรียบเทียบ

ยุคเขมรแดง (Pol Pot)

ยุคปัจจุบัน (Hun Sen / Hun Manet)

วัตถุประสงค์หลัก

ทำลายร่องรอย/กำจัดศัตรูทางชนชั้น

รักษาภาพลักษณ์รัฐบาล/สงครามจิตวิทยา

วิธีการ

ฝังหลุมรวม, ทำปุ๋ย, ทิ้งในป่า

ปล่อยทิ้งหน้าแนวรบ, ปฏิเสธการรับคืน

การประกาศยอดตาย

ไม่ประกาศ/ทำลายหลักฐาน

ประกาศยอดต่ำกว่าความเป็นจริงมาก

เหตุผลที่สูญหาย

ศาสนาถูกยกเลิก, ระบบรัฐล่มสลาย

บิดเบือนข้อมูลเพื่อเลี่ยงค่าชดเชย

...