การเมืองไทยไม่มีคำว่ามิตรแท้และศัตรูถาวร สำหรับการเมืองก่อนการเลือกตั้ง สัญญาณ “ดูด” แรงมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะการดู สส. หน้าเก่า ย้ายไปสวมเสื้อสีใหม่ บางคนใจย้ายไปตั้งแต่ก่อนยุบสภาฯ อย่างชัดเจน บางคนย้ายเพราะอุดมการณ์ และความอยู่รอด และนี่คือ ท็อป 10 อดีต สส.ที่เป็นที่รู้จัก ในการย้ายค่ายรับการเลือกตั้งต้นปี 2569 ที่กำลังจะมาถึงนี้


1. ไชยามพวาน มั่นเพียรจิตต์ (ปูอัด)

อดีต สส.กรุงเทพมหานคร


จาก พรรคก้าวไกล สู่ พรรคกล้าธรรม


สส.ปูอัด ถูกมติพรรคก้าวไกลขับออกจากการเป็นสมาชิกพรรค จากกรณีการคุกคามทางเพศ จนต้องย้ายไปอยู่พรรคใหม่ภายใน 30 วัน จึงย้ายมาอยู่กับพรรคไทยก้าวหน้าที่ไม่มี สส.แม้แต่คนเดียวในสภาฯ ชุดดังกล่าว 


ทว่า หลังจากนั้น การเกิดขึ้นของ “พรรคกล้าธรรม” พยายามดึงดูด สส.พรรคเล็กพรรคน้อยให้มาร่วมบ้านหลังเดียวกัน จนปรากฏเป็นภาพของ สส.ปูอัด เข้าร่วมกิจกรรมของพรรคนี้หลายครั้ง และเตรียมจะย้ายลงสมัครรับเลือกตั้ง สส.กทม. สมัยต่อไปในฐานะสมาชิกพรรคกล้าธรรม



เปิดหัวด้วยเคสทอล์กออฟเดอะทาวน์ "ปูอัด" อดีต สส.พรรคส้ม ย่านฝั่งธนฯ ที่ต้องระเห็จออกจากพรรคเดิมจากปมร้อนเรื่องการคุกคามทางเพศ โดยย้ายไปอยู่กับ “พรรคไทยก้าวหน้า” ก่อน แต่ก็ส่งสัญญาณชัดเจนจากการปรากฏตัวไปร่วมงานของพรรคกล้าธรรมบ่อยครั้ง


และครั้งนี้เตรียมกลับมาผงาดอีกครั้งในสีเสื้อ "พรรคกล้าธรรม" อย่างเป็นทางการ เพื่อพิสูจน์ว่า เขาเองยังมีฐานเสียงจากคนในพื้นที่มากน้อยแค่ไหน ในยามที่ไร้โลโก้พรรคส้ม เจ้าถิ่นเมืองหลวงมาหนุนหลัง แต่พรรคน้องใหม่ในสนามเลือกตั้งนี้ที่ให้ที่พักพิงแทน

...


2. ศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์

อดีต สส.กาญจนบุรี


จาก พรรคเพื่อไทย สู่ พรรคภูมิใจไทย


อดีตอธิบดีกรมน้ำบาดาล ตัดสินใจอย่างเด็ดขาดหลังจาก น.ส.แพทองธาร ชินวัตร กระเด็นหลุดจากเก้าอี้นายกฯ ด้วยการยกมือให้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล เป็นนายกฯ ก่อนจะลาออก สส. แล้วส่งลูกสาวมาป้องกันเก้าอี้ในพื้นที่เดิม ส่วนตัวเองก็ก้าวกระโดดมาเป็น “รัฐมนตรี” สมัยแรก นั่ง รมช.มหาดไทย กระทรวงเดียวกับนายกฯ 


การโยกย้ายพรรคแถมยังคว้าชัยชนะเลือกตั้งซ่อมเหนือพรรคเดิม สะท้อนว่าบ้านวิเชียรศิลป์มีความเข้มแข็งของฐานเสียงอย่างมาก แบบเพราะแม้จะย้ายขั้วก็ยังสามารถรักษาเก้าอี้ไว้ได้ มองข้ามช็อตไปถึงการเลือกตั้งใหญ่ที่จะสามารถโกย สส.ในพื้นที่ จ.กาญจนบุรี ได้แบบไม่ยากเย็นมากนัก


3. ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง

อดีต สส.บัญชีรายชื่อ


จาก พรรคเพื่อไทย สู่ พรรคพลังประชารัฐ


ปิดตำนานครอบครัว “ชินวัตร” กับพรรคเพื่อไทย "สารวัตรเหลิม" ขุนศึกฝีปากกล้า ตัดสินใจเดินออกจากเพื่อไทยตามรอยลูกชายอย่าง วัน อยู่บำรุง หลังรอยร้าวกับเจ้าของพรรค และยากที่จะประสานงานกันได้ต่อไป


การย้ายไปซบ "ลุงป้อม" แห่งพรรคพลังประชารัฐ ในช่วงขาลง ถือเป็นดีลสะท้านวงการในการย้ายพรรคหลังยุบสภาฯ ไม่น้อย แต่ก็เป็นเกมที่ท้าทายว่า ในช่วงกระแสที่หดหายไปไม่น้อยของพรรคทหารพรรคนี้ จะมีแรงอะไรส่งให้เขาได้กลับเข้าสู่สภาฯ อีกสมัยได้อีก


4. นุชนาถ จารุวงษ์เสถียร

อดีต สส.ศรีสะเกษ


จาก พรรคเพื่อไทย สู่ พรรคภูมิใจไทย


“ครูนุช” ภาพที่คนไทยจำนวนไม่ได้จดจำได้ในฐานะ องครักษ์นายกฯ เพื่อไทย จากการดวลฝีปากกับ สส.พรรคประชาชน สมัยการอภิปรายฯ โจมตีแม่ทัพพรรคแดง เลือกย้ายเก้าอี้ออกจากบ้านหลังเดิม โดยปรากฏชัดเจนตั้งแต่การโหวตนายอนุทิน ชาญวีรกูล เป็นนายกฯ คนที่ 32 และย้ายไปซบพรรคน้ำเงินในพื้นที่ จ.ศรีสะเกษ ซึ่งเรารู้กันดีว่า โซน “อีสานใต้” เป็นฐานที่มั่นของพรรคนี้ จึงมีโอกาสที่จะกลับมาลง สส. และคว้าชัยชนะได้อีกครั้ง


5. สุดารัตน์ พิทักษ์พรพัลลภ (กานต์)

อดีต สส.อุบลราชธานี


จาก พรรคเพื่อไทย สู่ พรรคภูมิใจไทย


ทายาทการเมืองของ "ชูวิทย์ (กุ่ย)" บ้านใหญ่ จ.อุบลราชธานี โดยการที่ “สส.กานต์" ย้ายจากเพื่อไทยไปภูมิใจไทย ถือเป็นสัญญาณอันตรายในอีกหนึ่งเมืองหลวงของคนเสื้อแดง เพราะนี่ไม่ใช่แค่การย้ายตัวบุคคล แต่หมายถึง "ฐานคะแนนจัดตั้ง" จำนวนมหาศาลที่อาจไหลตามไปด้วย เป็นศึกช้างชนช้างที่อุบลฯ ต้องลุกเป็นไฟ แล้วดูท่าทาจะเป็นการจบที่ไม่ค่อยสวยนักของเธอกับต้นสังกัดเดิมด้วย


6. สรัสนันท์ อรรณนพพร (ข้าวฟ่าง)

อดีต สส.ขอนแก่น


จาก พรรคเพื่อไทย สู่ พรรคภูมิใจไทย


อีกหนึ่งอดีต สส.หญิง แดนอีสานอีกคน ที่ย้ายจากพรรคเพื่อไทย มาสังกัดพรรคภูมิใจไทยพร้อมๆ กัน สำหรับ “สส.ข้าวฟ่าง” โดยมีกระแสข่าวว่าเธอทำผิดจริยธรรม ก่อนจะออกมาตอบโต้ในประเด็นดังกล่าวว่า ไม่เคยสวนมติพรรคแม้แต่ครั้งเดียว ส่วนสาเหตุที่ย้ายบอกว่า ไม่ถูกใจพรรค และพรรคเดิมคิดจะหาคนมาลงแทนนานแล้ว ก่อนที่ตัวเองจะตัดสินใจอีก


การย้ายออกมาครั้งนี้ นอกจากจะพาฐานเสียงส่วนหนึ่งตามมาด้วยแล้ว ยังเป็นการเปิดแผลของคู่แข่งสำคัญในการเมืองพื้นที่ จ.ขอนแก่น อีกด้วย

...


7. กาญจนา จังหวะ

อดีต สส.ชัยภูมิ


จาก พรรคพลังประชารัฐ สู่ พรรคกล้าธรรม


อดีตรองเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ ถูกคำสั่งลงดาบให้พ้นจากตำแหน่งในพักมาค่อนปี แต่ยังไม่ถูกขับออก ยังคงวนเวียนเป็น “สส.งูเห่า” ในหลายการลงมติ เป็นภาพสะท้อนรอยแตกร้าวแผลใหญ่ในพรรคพลังประชารัฐได้เป็นอย่างดี แม้ว่าจะไม่ได้โยกย้ายมาพร้อมกับกลุ่มของ “ร.อ.ธรรมนัส” ล็อตแรกที่ออกมารวมตัวตั้งพรรคกล้าธรรม แต่ถึงคราวสนามเลือกตั้ง’69 กำลังจะเริ่มขึ้น เธอก็น่าจะพร้อมสำหรับการลงชิงชัยรักษาฐานที่มั่นใน จ.ชัยภูมิ เช่นเคย


8. กฤษฎิ์ ชีวะธรรมานนท์

อดีต สส.ชลบุรี


จาก พรรคประชาชน สู่ พรรคกล้าธรรม


อดีต สส.งูเห่า สีส้ม ที่ไม่ถูกขับออกมาเป็นเวลาค่อนปีเช่นกัน สำหรับ “สส.กฤษฎิ์” ที่แตกหักกับคนในพรรค แม้จะเคยเป็นเจ้าของวลีย้ำกับชาวชลบุรีว่าจะไม่เป็นงูเห่า โดยอ้างเหตุผลว่า อุดมการณ์ไม่ตรงกัน แต่สุดท้ายก็ถูกพรรคจับดองจนยุบสภาฯ แต่ในระหว่างทาง เขาก็ปรากฏตัวกับกิจกรรมของพรรคกล้าธรรมหลายครั้ง โดยเฉพาะการไปปรากฏตัวยินดีกับ ดร.นฤมล หัวหน้าพรรค ครั้งเข้ารับตำแหน่ง รมว.ศึกษาธิการ


เลือกตั้งครั้งหน้าก็จะเป็นอีกหนึ่งเครื่องพิสูจน์งูเห่าสีส้มว่า จะรักษาพื้นที่ตัวเองได้หรือไม่ แต่เมื่อกางสถิติงูเห่าอนาคตใหม่ปี 62 ไม่มีใครรอดในสนามเลือกตั้ง’66 ได้เลยแม้แต่คนเดียว หรือเธอจะเป็นผู้ล้มสถิตินี้ ก็คงจะต้องมาลุ้นกัน



9. อัคร ทองใจสด

อดีต สส.เพชรบูรณ์


จาก พรรคพลังประชารัฐ สู่ พรรคภูมิใจไทย

...


สำหรับ “โฟล์ก” สส.ทายาทตระกูลดังเมืองมะขามหวาน ตัดสินใจทิ้งพลังประชารัฐ ในช่วงขาลง พร้อมย้ายเข้าค่าย "ภูมิใจไทย" ตามกระแสดูดภาคเหนือตอนล่าง โดยปรากฏตัวอย่างชัดๆ จากภาพถ่ายร่วมกับกลุ่มสมาชิกพรรคน้ำเงิน สะท้อนภาพที่ชัดเจนว่า เลือดกำลังไหลออกจากพรรคของ พล.อ.ประวิตร อย่างไม่มีอะไรมาหยุดยั้งได้


ด้วยฐานเสียงเดิมของตระกูล “ทองใจสด” ไม่น่าต้องคิดหนักสำหรับการรักษาเก้าอี้ สส.ในพื้นที่เดิมเอาไว้ พร้อมป้อนตัวเลข สส.เพิ่มให้แกนนำรัฐบาลชุดปัจจุบัน เข้าใกล้ความเป็นจริงในการชนะการเลือกตั้งด้วย


10. ร่มธรรม ขำนุรักษ์

อดีต สส.พัทลุง


จาก พรรคประชาธิปัตย์ สู่ พรรคภูมิใจไทย


อีกหนึ่ง สส.แดนใต้ ของพรรคฟ้า แม้จะเปลี่ยนหัวหน้าพรรคมาเป็นนายหัวมาร์ค อภิสิทธิ์ ก็ไม่อาจหยุดเลือดให้ไหลออกได้ โดย “สส.ร่มธรรม” ปรากฏในภาพถ่ายเดียวกับ “สส.อัคร” ส่งสัญญาณทิ้งพรรคเก่าแก่ ไม่ไปต่อด้วยในสนามเลือกตั้ง’69 รวมถึงผู้เป็นพ่ออย่าง “นริศ” ที่ลาออกไปก่อนหน้านี้แล้ว


โดยในพื้นที่ จ.พัทลุง ที่คะแนนของพรรคภูมิใจไทยค่อยๆ ดีขึ้น คาดว่า เขต 3 พัทลุง พื้นที่เดิม อาจจะถูกเปลี่ยนจากสีฟ้า เป็นเฉดที่เข้มขึ้นอย่างสีน้ำเงินในสังเวียนเลือกตั้งต้นเดือนกุมภาพันธ์นี้ก็ได้


สำหรับปรากฏการณ์ "ย้ายค่าย สลับขั้ว" ของทั้ง 10 คนนี้ คือสัญญาณเตือนภัยล่วงหน้าสู่การเลือกตั้งครั้งใหม่ ที่กระสุน บ้านใหญ่ และผู้มีบารมี จะกลับมามีบทบาทสำคัญ ส่วนใครจะได้กลับเข้ามาทำหน้าที่ สส. ต่ออีกสมัยหนึ่ง รู้กัน 8 ก.พ.นี้